Chapter​ 6 เจ็บกว่าคือฉัน​ ​(3)

2280 Words
Chapter​ 6 เจ็บกว่าคือฉัน​ ​(3) "หายไว ๆ​ นะครับ​ ทุกคนต้องการพี่​ เรื่องบริษัทไม่ต้องห่วง​ ผมจะคอยดูแลแทนเอง" เอกภพก้มหน้าลงไปกระซิบกับคนที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง​ เขาไม่รู้หรอกว่าการที่ปลายนิ้วอีกฝ่ายกระตุกเบา​ ๆ​ จนมือของเขาสัมผัสได้​ มันคือการตอบสนองใช่หรือไม่ แววตาเฉยชามองไปยังร่างคนป่วยที่นอนไม่ไหวติง​ เป็นเพราะเขาผ่านเรื่องร้ายและดีมากมาย​ ก็เลยไม่ค่อยรู้สึกกระทบจิตใจเท่าไหร่เวลาคนรู้จักทยอยล้มหายตายจากไปทีละคน โลกสอนให้เขาด้านชา​ มันขัดเกลาเขี้ยวเล็บของเขาจนแหลมคม ผกามาศถึงกับเบือนหน้าหนี​ หล่อนทนมองเอกภพเล่นละครต่อหน้าทุกคนไม่ได้จริง​ ๆ​ หากแต่จะเดินหนีออกไปก็จะเป็นการเสียมารยาท​ จะทิ้งแขกไว้กับคนป่วยก็จะกระไรอยู่ เอกภพเห็นแล้วกับท่าทีนั้น​ เขากระตุกยิ้มแล้วลุกเดินไปหาหล่อนอย่างมีจุดประสงค์ "ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่...เรื่องนั้น...ที่เราเคยคุยกัน" แววตาเจ้าเล่ห์ที่จับจ้อง​ มาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก​ ผกามาศรู้ได้ทันที​ และนี่คือเรื่องที่ทำให้นอนไม่หลับมาหลายคืน ม่านริมหน้าต่างถูกรูดออกเพื่อรับแสง​ มันมาจากฝีมือของเอกภพ...เขามองลงไปเบื้องล่าง​ จากตรงนี้จะเห็นสระน้ำอย่างชัดเจน อา...มันช่างเป็นมุมที่เหมาะเหม็ง​ ในสระน้ำสีคราม​ สองสาวฝาแฝดกำลังแหวกว่ายอยู่ในอ้อมกอดของสายน้ำอย่างสนุกสนาน​ รับอากาศอบอุ่นยามบ่าย​ โดยไม่มีใครเฉลียวใจแม้สักนิดว่ากำลังถูกจับจ้องจากแววตาที่เต็มไปด้วยกระแสปรารถนา​ เขามองเพลินจนลืมไปว่ามีผกามาศยืนอยู่ข้าง​ ๆ "พวกเธอยังเด็ก​ ขอเวลาหน่อยได้ไหม" เสียงกระซิบของผกามาศ​ ปลุกเอกภพให้ดึงสายตากลับมาจากสองสาว “ไม่​ ผมต้องการเธอ​ ปลายฝน!" นั่นคือสิ่งที่เอกภพต้องการ​ ด้วยการให้ภัคภัสสรมาเป็นเจ้าสาวของเขา​เมื่อเรียนจบ​ นั่นก็เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น​ เขาใช้เรื่องเดิม​ ๆ​ มาบีบบังคับผกามาศ​ และเชื่อว่าหล่อนจะไม่กล้าปฏิเสธเขา แม้จะคุยกันเบา​ ๆ​ หากแต่แทนไทก็ได้ยินอย่างบังเอิญ​ เขาจับใจความได้ว่าเอกภพต้องการสิ่งใด​ และก่อนที่คนสองคนในห้องจะรู้ตัว​ ชายหนุ่มก็เดินปลีกตัวไปอย่างเงียบ​ ๆ​ ทั้งที่ตั้งใจจะมาดูอาการบิดา ที่สระน้ำยามแดดอ่อน​ ๆ​ อาบไล้​ห่มคลุม เสียงหัวร่อต่อกระซิกต้องเงียบลง​ สองสาวหยุดเคลื่อนไหวราวแล้วหันมอง​ เพียงเพราะการโผล่หน้ามาของใครบางคน​ ตามราวีได้ทุกที่ทุกเวลา​ ทั้งสองต่างคิดตรงกัน​ สบตากันอย่างเข้าใจความรู้สึก เขาเดินเข้ามาย่อกายลงนั่งที่ริมสระ...เงยหน้าขึ้นไปยังหน้าต่างกรองแสง​ที่ม่านยังคงไม่ถูกรูดปิด บานที่ตรงกับห้องของคนป่วยพอดิบพอดี ชายหนุ่มหันกลับมาทางเก่า​ มองไปยังเรือนร่างที่ซ่อนอยู่ในอ้อมกอดของผืนน้ำสีคราม​ ก่อนกระตุกยิ้มมุมปาก "แต่งตัวแบบนี้เล่นน้ำทั้งที่ผู้ชายเต็มบ้าน ไหนจะแขกที่มาเยี่ยมคุณพ่ออีก​ สมองฝ่อกันทั้งคู่หรือไงแม่คุณ" มาถึงก็หาเรื่อง​ แต่หนึ่งรึจะสู้สอง​ ทั้งสองต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะ​ แทนไทซึ่งอยู่อเมริกามานาน​ กลับซีเรียสเรื่องใส่ทูพีช เล่นน้ำ​ และยังเป็นการเล่นอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวอีกด้วย เขาไม่ปกติจริง​ ๆ​ นั่นแหละ​ สองสาวต่างเชื่อเช่นนั้น "แล้วคนที่เดินมานั่งจ้องคนอื่นถึงสระน้ำ​นี่เรียกว่าอะไรคะ" เขาไม่สะทกสะท้าน​ กลับหัวเราะอยู่ในลำคอ "หยิ่งผยองพองขน​ ฉันเตือนพวกเธอแล้วนะ​ จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้างก็ไม่รู้​ พวกเธอสองคนควรจะหัดระวังตัวไว้บ้าง​ เลิกเล่นได้แล้ว​ ขึ้นมาเดี๋ยวนี้!" คราวนี้เขาออกคำสั่ง​ น้ำเสียงฟังดูจังจริง​ นั่นยิ่งทำให้สองสาวแปลกใจ​ เขาจะมาไม้ไหนกันแน่ วันนี้เขามาแปลก...แต่ก็นั่นล่ะ​ คนอย่างเขาไว้ใจไม่ได้​ หากไม่รู้จักกันแล้วเดินไปเจอคนแขกกับแทนไท​ แน่นอนพวกหล่อนเลือกตีหัวแทนไทก่อนเป็นคนแรก เขาอาจหลอกให้ขึ้นจากน้ำเพราะมีแผนบางอย่าง​ ทั้งสองต่างคิดตรงกัน ท่าทีไม่ไว้วางใจของสองสาว​ ทำให้แทนไทลุกขึ้นยืน​ เขาถอดเสื้อออกอย่างรวดเร็ว​แล้วโยนทิ้งไว้ริมสระ เผยให้เห็นท่อนบนกำยำน่าซบ "ไม่ขึ้นใช่มั้ย​ ได้!​" "พี่สิงห์!" ละอองน้ำกระเซ็นใส่หน้าเมื่อเขาโดดลงมาร่วมวง​ ท่ามกลางความตกใจของสองสาว​ และเช่นเคย​ เขาเลือกที่จะแกล้งภัคภัสสรก่อนใคร ร่างในชุดล่อแหลมถูกท่อนแขนแกร่งตวัดเข้าหา​ ลวนลามด้วยการกอดเกี่ยวเอาไว้จนแน่น​ หญิงสาวพยายามจะแหวกว่ายหนี หากแต่เขายอมง่าย ๆ​ ก็คงดี "พูดยากพูดเย็นก็ต้องโดนแบบนี้​ ทีหลังจะได้เข็ด!" จมูกคมสันกดลงหนัก​ ๆ​ ลงบนผิวแก้มนุ่ม​ ถูไถความสากระคายไปตามผิวเนื้อนุ่มอย่างจงใจ...เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง​ เขาไม่อาจหยุดการระรานได้​ รังแกหล่อนด้วยปากและจมูกจนผิวสวย​ ๆ​ เป็นรอยเห่อแดง ในขณะที่ภัคภัสสรพยายามร้องให้คนช่วย​ หากแต่ก็ถูกมือใหญ่ปิดปากเอาไว้ หล่อนใช้สองมือดึงมือของเขาออก​ ปากก็ตะโกน​ สองขาก็ดีดดิ้นอยู่ใต้น้ำเพื่อหาอิสรภาพ "ปล่อยฝนเดี๋ยวนี้นะ!" สองคนปลุกปล้ำกันจนน้ำ​กระจาย นันท์ภัสสรได้แต่ตกตะลึง​ หล่อนไม่อาจช่วยอะไรพี่สาวได้​ ทำได้เพียงรีบว่ายขึ้นไปข้างบน​ ตอนนี้หล่อนคิดถึงธามไทขึ้นมาทันที ที่ชั้นสองของตัวบ้าน​ ตรงกับห้องของคนป่วย​ สายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองลงมาด้วยประกายแห่งความหึงหวง​ เขาบดกรามจนเป็นสันนูน เขาเฝ้ารอมานาน​ จะยอมให้แทนไทมาชิงตัดหน้าไปก่อนไม่ได้​ 'ทำบ้าอะไรวะไอ้สิงห์​ คนนี้ของฉันใครก็ห้ามยุ่ง' ผกามาศเห็นแล้วกับภาพนั้น​ คงปล่อยเอาไว้ไม่ได้​ คิดดังนั้นจึงปลีกตัวออกมาจากเอกภพ​ จุดหมายคือสระน้ำที่กำลังเกิดเหตุ​ หล่อนรู้ดี​ แทนไทต้องการแกล้งให้สองสาวฝาแฝดอยู่ไม่เป็นสุข​ นับวันยิ่งหนักข้อขึ้น​ และในที่สุดพวกหล่อนก็ทนไม่ได้จนต้องออกจากบ้านนี้ไป หากแต่ก็ยังช้ากว่าร่างสูงที่วิ่งพรวดพราดมา​หน้าตาตื่น​ จากการที่นันท์ภัสสรไปเรียกให้เขามาช่วยห้ามทัพ "ปลายฝน!" ดั่งเสียงสวรรค์​ คราวนี้ภัคภัสสรปล่อยโฮออกมาอย่างเหลืออด​ "พี่เสือ​ ช่วยฝนด้วย​ พี่สิงห์ลวนลามฝน​ ฮือ​ ๆ" ปกติหล่อนไม่ใช่คนร้องไห้ง่าย​ ๆ​ แต่คราวนี้สุดทน​ เมื่อต้องเปลืองตัวให้กับคนที่ชิงชังตนยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ​ เขาสัมผัสหล่อนไปทั้งร่างกาย​ ด้วยปากและมือที่ทั้งล้วงและควัก และระดับการแกล้งของเขานับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น "หึ สำออย ออเซาะ​ ฟ้องไปสิปลายฝน​ ถึงยังไงมันก็เรียกคืนมาไม่ได้อยู่ดี!" แทนไทเข่นเสียงกระซิบ​ ก่อนยอมปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระ​ ภัคภัสสรรีบว่ายหนีขึ้นไปบนฝั่ง​ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผกามาศตามมาสมทบพอดี "พี่สิงห์ลวนลามฝน!​ ฮือ​ ๆ" หล่อนละล่ำละลัก​ ตัวยังสั่นไม่หาย​ ท่าทีตกใจเสียงสั่นทำให้ธามไทโกรธจนหน้าแดง ทำใครไม่ทำ​ มาทำน้องสาวสุดที่รัก​ คราวนี้เขาคงจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้​ เมื่อแทนไทขึ้นมาจากน้ำ​ ธามไทจึงพุ่งพรวดเข้าหาอย่างเหลืออด “พลั่ก!” เกิดศึกสองพี่น้องขึ้น​ เมื่อหมัดหนัก​ ๆ​ ประเคนลงบนซีกหน้าข้างซ้ายของแทนไทเข้าเต็ม​ ๆ "ว้าย!" เสียงนั้นมาจากผกามาศ​ หล่อนวิ่งเข้าไปห้ามทัพ​ เอาตัวไปขวางกลางไว้​ ก่อนจะตีกันตายไปข้างหนึ่ง "พอแล้วเสือ​ อย่าทะเลาะกันเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว!" "คุณแม่​ เลิกเข้าข้างคนผิดได้แล้ว!" ธามไทจ้องหน้ามารดา​ เขายืนหายใจแรงเพราะโกรธจัด​ ท่านไม่เข้าใจว่านี่ไม่ใช่การตีกันเพื่อแย่งใคร​ แต่เพราะต้องการสั่งสอนน้องชายให้หลาบจำบ้าง ไม่ใช่ว่านึกจะทำอะไรก็ทำ​โดยไม่ไว้หน้าใคร​ อย่างเช่นการกอดจูบภัคภัสสรต่อหน้าคนในบ้าน และเหตุการณ์คราวนี้​ ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมารดาให้ย่ำแย่มากขึ้นไปอีก ส่วนผกามาศนั้นคงนึกไม่ถึง​ ว่าถ้อยคำของตนนั้นจะไปกระทบกับความรู้สึกแสนเปราะบางของภัคภัสสร​ หล่อนยืนขอบตาร้อนผ่าว​ เมื่อเห็นว่าผกามาศโทษว่าหล่อนคือต้นเหตุแห่งเรื่องที่เกิดขึ้น มันหมายถึง​ ถ้าไม่มีหล่อนสักคน​ พี่น้องก็คงไม่ต้องมาทะเลาะกันแบบนี้ "แยกกันไปได้แล้ว​ พวกเธอก็เหมือนกัน​รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียสิ" ผกามาศตัดบท​ ในขณะที่แทนไทยกมือขึ้นคลำไปที่ใบหน้า​ ความคาวเค็มที่สัมผัสได้​ ทำให้เขาดุนลิ้นไปยังรอยเจ็บในอุ้งปาก​ หมัดหนัก​ ๆ​ ของพี่ชายทำให้เขาถึงกับได้แผลเลยทีเดียว เขามองไปยังคนที่ยังคงยืนตัวสั่นเป็นลูกนก​ กระตุกยิ้มไปให้หล่อน​ แลกกับสายตาอาฆาตที่มองกลับมา​ หากแต่เขาทำเป็นไม่ใส่ใจ​ เดินปลีกตัวแยกออกไปเป็นคนแรก "ปลายฝน​ เข้าบ้านสิ" ภัคภัสสรมองใบหน้าคมคร้ามที่ยังเจืออารมณ์โกรธ​ หากแต่ก็ยอมเดินตามผกามาศเข้าบ้าน​ คิดน้อยใจเหมือนกัน​ ตกลงอีกฝ่ายจะไม่จัดการเรื่องนี้ให้หล่อนใช่ไหม​ มันคือคำถามซ้ำ​ ๆ​ ภายในใจ​ อยากจะปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง​ คิดไปถึงคนที่นอนป่วย​ หากท่านยังปกติ​ เรื่องต้องไม่จบแค่นี้แน่ ธามไทมองตามจนทั้งสองเดินหายเข้าไปในบ้าน​ ที่จริงเขาอยากรั้งหล่อนเข้ามากอดเพื่อปลอบประโลม​ เอ่ยคำปลอบโยนเพื่อให้หล่อนหายตกใจ​ อยากจะให้อ้อมกอดของตนช่วยบรรเทาเหลือเกิน แววตาและท่าทีไม่อาจปกปิดนันท์ภัสสรได้​ เพียงแค่เขาแสดงออกกับพี่สาวแบบนั้น​ ก็ไม่ต่างจากการที่เขาใช้เท้าขยี้ลงบนหัวใจดวงน้อย​ ๆ​ ใจที่เก็บเขาเอาไว้จนไม่เหลือพื้นที่ให้ใคร "ตามไปสิคะ​ ทำในสิ่งที่ใจเรียกร้อง" หล่อนกลั้นใจเอ่ยเสียงสั่น​ ปกปิดความรู้สึกด้วยรอยยิ้มจาง​ ๆ​ ก่อนจะปลีกตัวเดินหนี "เดี๋ยวสิ" เขารั้งเอาไว้ด้วยการคว้าข้อมือเล็กแล้วออกแรงฉุดเบา​ ๆ​ จนอีกฝ่ายต้องหันหน้ากลับมา​ แววตาฉายความงุนงง "อะไรคะ?" "ที่พี่ซื้อมาให้วันก่อน​ สรุปเธอได้กินมันหรือเปล่า" หล่อนเอียงหน้ามอง​ แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจในคำถาม "กินอะไรคะ​ พี่เสือซื้อให้ฟ้าตั้งหลายอย่าง" เขาทำหน้าขึงขัง​ พร้อมกับความรู้สึกปร่าแปร่งเมื่อเรื่องในคืนนั้นผุดขึ้นในความทรงจำ "ยาคุมไง​ เธอได้กินมันไหม" "จะบ้าเหรอพี่เสือ​ ไม่ได้มีอะไรกันแล้วทำไมฟ้าต้องกินมันด้วย" "เอาดี​ ๆ​ ปลายฟ้า​ พี่ไม่ตลกด้วยนะ" "ก็บอกว่าไม่มีอะไร​ พี่เสือไม่เชื่อเอง" นันท์ภัสสรไม่อาจกลั้นเสียงหัวเราะ​ ตลกกับเขาไม่น้อย​ ทั้งที่ยืนยันว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น​ เขาก็บังคับจะให้หล่อนกินยาป้องกันเอาไว้ให้ได้ แต่ในมุมมองของธามไท​ เขาไม่ไว้ใจนันท์ภัสสร​ กลัวว่าหล่อนจะโกหก​ ชนิดโกหกซ้อนโกหก​ หากมีอะไรกันจริง​ ๆ​ แล้วหล่อนปล่อยให้ท้อง​ ความซวยมาเยือนเขาจริง​ ๆ​ แน่ "สรุปเธอกินมั้ย​ บอกมา!" หล่อนต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเขาตวาดใส่หน้า​ แววตาดุดันเอาจริง​ จนหล่อนต้องตัดบทด้วยการโกหก "ค่ะ​ ๆ​ ฟ้ากินแล้ว​ ตามที่พี่เสือสั่ง​ สบายใจหรือยังคะ" หล่อนแกะมืออุ้งมือแกร่งที่บีบข้อมือตนเอาไว้​ คลี่ยิ้มให้เขาแล้วเดินปลีกตัวออกมา...ในทุก​ ๆ​ ก้าวเดินที่พาไปสู่ห้องนอน​ ใจหล่อนกำลังร่ำไห้​ มันเจ็บกับการที่เขาเชื่อว่าได้พรากความสาวของหล่อนมาแล้ว​ แต่เขากลับแสดงให้เห็นว่ายังรักยังแคร์ใครอีกคนที่ไม่ใช่ตน​ หากมันเกิดขึ้น​ หล่อนก็คงเสียตัวให้เขาแบบเงียบ​ ๆ​ เพราะเขาไม่คิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปสักนิดเดียว แค่กลัวหล่อนท้อง​ แล้วเขาต้องมานั่งรับผิดชอบ​ เขากลัวแค่นี้จริง​ ๆ สิ่งที่ภัคภัสสรต้องเผชิญ​ หากเทียบกับหล่อนแล้ว​ นับว่าไม่ได้ครึ่งของความเจ็บปวดที่หล่อนต้องแบกรับเอาไว้​ นันท์ภัสสรเชื่อเช่นนั้น​ ยามนี้ไม่มีใครตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเท่ากับหล่อนอีกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD