Chapter 6
เจ็บกว่าคือฉัน (3)
"หายไว ๆ นะครับ ทุกคนต้องการพี่ เรื่องบริษัทไม่ต้องห่วง ผมจะคอยดูแลแทนเอง"
เอกภพก้มหน้าลงไปกระซิบกับคนที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง เขาไม่รู้หรอกว่าการที่ปลายนิ้วอีกฝ่ายกระตุกเบา ๆ จนมือของเขาสัมผัสได้ มันคือการตอบสนองใช่หรือไม่
แววตาเฉยชามองไปยังร่างคนป่วยที่นอนไม่ไหวติง เป็นเพราะเขาผ่านเรื่องร้ายและดีมากมาย ก็เลยไม่ค่อยรู้สึกกระทบจิตใจเท่าไหร่เวลาคนรู้จักทยอยล้มหายตายจากไปทีละคน
โลกสอนให้เขาด้านชา มันขัดเกลาเขี้ยวเล็บของเขาจนแหลมคม
ผกามาศถึงกับเบือนหน้าหนี หล่อนทนมองเอกภพเล่นละครต่อหน้าทุกคนไม่ได้จริง ๆ หากแต่จะเดินหนีออกไปก็จะเป็นการเสียมารยาท จะทิ้งแขกไว้กับคนป่วยก็จะกระไรอยู่
เอกภพเห็นแล้วกับท่าทีนั้น เขากระตุกยิ้มแล้วลุกเดินไปหาหล่อนอย่างมีจุดประสงค์
"ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่...เรื่องนั้น...ที่เราเคยคุยกัน"
แววตาเจ้าเล่ห์ที่จับจ้อง มาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ผกามาศรู้ได้ทันที และนี่คือเรื่องที่ทำให้นอนไม่หลับมาหลายคืน
ม่านริมหน้าต่างถูกรูดออกเพื่อรับแสง มันมาจากฝีมือของเอกภพ...เขามองลงไปเบื้องล่าง จากตรงนี้จะเห็นสระน้ำอย่างชัดเจน
อา...มันช่างเป็นมุมที่เหมาะเหม็ง ในสระน้ำสีคราม สองสาวฝาแฝดกำลังแหวกว่ายอยู่ในอ้อมกอดของสายน้ำอย่างสนุกสนาน รับอากาศอบอุ่นยามบ่าย โดยไม่มีใครเฉลียวใจแม้สักนิดว่ากำลังถูกจับจ้องจากแววตาที่เต็มไปด้วยกระแสปรารถนา เขามองเพลินจนลืมไปว่ามีผกามาศยืนอยู่ข้าง ๆ
"พวกเธอยังเด็ก ขอเวลาหน่อยได้ไหม"
เสียงกระซิบของผกามาศ ปลุกเอกภพให้ดึงสายตากลับมาจากสองสาว
“ไม่ ผมต้องการเธอ ปลายฝน!"
นั่นคือสิ่งที่เอกภพต้องการ ด้วยการให้ภัคภัสสรมาเป็นเจ้าสาวของเขาเมื่อเรียนจบ นั่นก็เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น เขาใช้เรื่องเดิม ๆ มาบีบบังคับผกามาศ และเชื่อว่าหล่อนจะไม่กล้าปฏิเสธเขา
แม้จะคุยกันเบา ๆ หากแต่แทนไทก็ได้ยินอย่างบังเอิญ เขาจับใจความได้ว่าเอกภพต้องการสิ่งใด และก่อนที่คนสองคนในห้องจะรู้ตัว ชายหนุ่มก็เดินปลีกตัวไปอย่างเงียบ ๆ ทั้งที่ตั้งใจจะมาดูอาการบิดา
ที่สระน้ำยามแดดอ่อน ๆ อาบไล้ห่มคลุม เสียงหัวร่อต่อกระซิกต้องเงียบลง สองสาวหยุดเคลื่อนไหวราวแล้วหันมอง เพียงเพราะการโผล่หน้ามาของใครบางคน
ตามราวีได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งสองต่างคิดตรงกัน สบตากันอย่างเข้าใจความรู้สึก
เขาเดินเข้ามาย่อกายลงนั่งที่ริมสระ...เงยหน้าขึ้นไปยังหน้าต่างกรองแสงที่ม่านยังคงไม่ถูกรูดปิด บานที่ตรงกับห้องของคนป่วยพอดิบพอดี
ชายหนุ่มหันกลับมาทางเก่า มองไปยังเรือนร่างที่ซ่อนอยู่ในอ้อมกอดของผืนน้ำสีคราม ก่อนกระตุกยิ้มมุมปาก
"แต่งตัวแบบนี้เล่นน้ำทั้งที่ผู้ชายเต็มบ้าน ไหนจะแขกที่มาเยี่ยมคุณพ่ออีก สมองฝ่อกันทั้งคู่หรือไงแม่คุณ"
มาถึงก็หาเรื่อง แต่หนึ่งรึจะสู้สอง ทั้งสองต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะ แทนไทซึ่งอยู่อเมริกามานาน กลับซีเรียสเรื่องใส่ทูพีช เล่นน้ำ และยังเป็นการเล่นอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวอีกด้วย
เขาไม่ปกติจริง ๆ นั่นแหละ สองสาวต่างเชื่อเช่นนั้น
"แล้วคนที่เดินมานั่งจ้องคนอื่นถึงสระน้ำนี่เรียกว่าอะไรคะ"
เขาไม่สะทกสะท้าน กลับหัวเราะอยู่ในลำคอ
"หยิ่งผยองพองขน ฉันเตือนพวกเธอแล้วนะ จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้างก็ไม่รู้ พวกเธอสองคนควรจะหัดระวังตัวไว้บ้าง เลิกเล่นได้แล้ว ขึ้นมาเดี๋ยวนี้!"
คราวนี้เขาออกคำสั่ง น้ำเสียงฟังดูจังจริง นั่นยิ่งทำให้สองสาวแปลกใจ เขาจะมาไม้ไหนกันแน่
วันนี้เขามาแปลก...แต่ก็นั่นล่ะ คนอย่างเขาไว้ใจไม่ได้ หากไม่รู้จักกันแล้วเดินไปเจอคนแขกกับแทนไท แน่นอนพวกหล่อนเลือกตีหัวแทนไทก่อนเป็นคนแรก
เขาอาจหลอกให้ขึ้นจากน้ำเพราะมีแผนบางอย่าง ทั้งสองต่างคิดตรงกัน
ท่าทีไม่ไว้วางใจของสองสาว ทำให้แทนไทลุกขึ้นยืน เขาถอดเสื้อออกอย่างรวดเร็วแล้วโยนทิ้งไว้ริมสระ เผยให้เห็นท่อนบนกำยำน่าซบ
"ไม่ขึ้นใช่มั้ย ได้!"
"พี่สิงห์!"
ละอองน้ำกระเซ็นใส่หน้าเมื่อเขาโดดลงมาร่วมวง ท่ามกลางความตกใจของสองสาว และเช่นเคย เขาเลือกที่จะแกล้งภัคภัสสรก่อนใคร
ร่างในชุดล่อแหลมถูกท่อนแขนแกร่งตวัดเข้าหา ลวนลามด้วยการกอดเกี่ยวเอาไว้จนแน่น หญิงสาวพยายามจะแหวกว่ายหนี หากแต่เขายอมง่าย ๆ ก็คงดี
"พูดยากพูดเย็นก็ต้องโดนแบบนี้ ทีหลังจะได้เข็ด!"
จมูกคมสันกดลงหนัก ๆ ลงบนผิวแก้มนุ่ม ถูไถความสากระคายไปตามผิวเนื้อนุ่มอย่างจงใจ...เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง เขาไม่อาจหยุดการระรานได้ รังแกหล่อนด้วยปากและจมูกจนผิวสวย ๆ เป็นรอยเห่อแดง
ในขณะที่ภัคภัสสรพยายามร้องให้คนช่วย หากแต่ก็ถูกมือใหญ่ปิดปากเอาไว้
หล่อนใช้สองมือดึงมือของเขาออก ปากก็ตะโกน สองขาก็ดีดดิ้นอยู่ใต้น้ำเพื่อหาอิสรภาพ
"ปล่อยฝนเดี๋ยวนี้นะ!"
สองคนปลุกปล้ำกันจนน้ำกระจาย นันท์ภัสสรได้แต่ตกตะลึง หล่อนไม่อาจช่วยอะไรพี่สาวได้ ทำได้เพียงรีบว่ายขึ้นไปข้างบน ตอนนี้หล่อนคิดถึงธามไทขึ้นมาทันที
ที่ชั้นสองของตัวบ้าน ตรงกับห้องของคนป่วย สายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองลงมาด้วยประกายแห่งความหึงหวง เขาบดกรามจนเป็นสันนูน
เขาเฝ้ารอมานาน จะยอมให้แทนไทมาชิงตัดหน้าไปก่อนไม่ได้
'ทำบ้าอะไรวะไอ้สิงห์ คนนี้ของฉันใครก็ห้ามยุ่ง'
ผกามาศเห็นแล้วกับภาพนั้น คงปล่อยเอาไว้ไม่ได้ คิดดังนั้นจึงปลีกตัวออกมาจากเอกภพ จุดหมายคือสระน้ำที่กำลังเกิดเหตุ หล่อนรู้ดี แทนไทต้องการแกล้งให้สองสาวฝาแฝดอยู่ไม่เป็นสุข นับวันยิ่งหนักข้อขึ้น และในที่สุดพวกหล่อนก็ทนไม่ได้จนต้องออกจากบ้านนี้ไป
หากแต่ก็ยังช้ากว่าร่างสูงที่วิ่งพรวดพราดมาหน้าตาตื่น จากการที่นันท์ภัสสรไปเรียกให้เขามาช่วยห้ามทัพ
"ปลายฝน!"
ดั่งเสียงสวรรค์ คราวนี้ภัคภัสสรปล่อยโฮออกมาอย่างเหลืออด
"พี่เสือ ช่วยฝนด้วย พี่สิงห์ลวนลามฝน ฮือ ๆ"
ปกติหล่อนไม่ใช่คนร้องไห้ง่าย ๆ แต่คราวนี้สุดทน เมื่อต้องเปลืองตัวให้กับคนที่ชิงชังตนยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ
เขาสัมผัสหล่อนไปทั้งร่างกาย ด้วยปากและมือที่ทั้งล้วงและควัก และระดับการแกล้งของเขานับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น
"หึ สำออย ออเซาะ ฟ้องไปสิปลายฝน ถึงยังไงมันก็เรียกคืนมาไม่ได้อยู่ดี!"
แทนไทเข่นเสียงกระซิบ ก่อนยอมปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระ ภัคภัสสรรีบว่ายหนีขึ้นไปบนฝั่ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผกามาศตามมาสมทบพอดี
"พี่สิงห์ลวนลามฝน! ฮือ ๆ"
หล่อนละล่ำละลัก ตัวยังสั่นไม่หาย ท่าทีตกใจเสียงสั่นทำให้ธามไทโกรธจนหน้าแดง
ทำใครไม่ทำ มาทำน้องสาวสุดที่รัก คราวนี้เขาคงจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เมื่อแทนไทขึ้นมาจากน้ำ ธามไทจึงพุ่งพรวดเข้าหาอย่างเหลืออด
“พลั่ก!”
เกิดศึกสองพี่น้องขึ้น เมื่อหมัดหนัก ๆ ประเคนลงบนซีกหน้าข้างซ้ายของแทนไทเข้าเต็ม ๆ
"ว้าย!"
เสียงนั้นมาจากผกามาศ หล่อนวิ่งเข้าไปห้ามทัพ เอาตัวไปขวางกลางไว้ ก่อนจะตีกันตายไปข้างหนึ่ง
"พอแล้วเสือ อย่าทะเลาะกันเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว!"
"คุณแม่ เลิกเข้าข้างคนผิดได้แล้ว!"
ธามไทจ้องหน้ามารดา เขายืนหายใจแรงเพราะโกรธจัด ท่านไม่เข้าใจว่านี่ไม่ใช่การตีกันเพื่อแย่งใคร แต่เพราะต้องการสั่งสอนน้องชายให้หลาบจำบ้าง
ไม่ใช่ว่านึกจะทำอะไรก็ทำโดยไม่ไว้หน้าใคร อย่างเช่นการกอดจูบภัคภัสสรต่อหน้าคนในบ้าน
และเหตุการณ์คราวนี้ ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมารดาให้ย่ำแย่มากขึ้นไปอีก
ส่วนผกามาศนั้นคงนึกไม่ถึง ว่าถ้อยคำของตนนั้นจะไปกระทบกับความรู้สึกแสนเปราะบางของภัคภัสสร หล่อนยืนขอบตาร้อนผ่าว เมื่อเห็นว่าผกามาศโทษว่าหล่อนคือต้นเหตุแห่งเรื่องที่เกิดขึ้น
มันหมายถึง ถ้าไม่มีหล่อนสักคน พี่น้องก็คงไม่ต้องมาทะเลาะกันแบบนี้
"แยกกันไปได้แล้ว พวกเธอก็เหมือนกันรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียสิ"
ผกามาศตัดบท ในขณะที่แทนไทยกมือขึ้นคลำไปที่ใบหน้า ความคาวเค็มที่สัมผัสได้ ทำให้เขาดุนลิ้นไปยังรอยเจ็บในอุ้งปาก หมัดหนัก ๆ ของพี่ชายทำให้เขาถึงกับได้แผลเลยทีเดียว
เขามองไปยังคนที่ยังคงยืนตัวสั่นเป็นลูกนก กระตุกยิ้มไปให้หล่อน แลกกับสายตาอาฆาตที่มองกลับมา หากแต่เขาทำเป็นไม่ใส่ใจ เดินปลีกตัวแยกออกไปเป็นคนแรก
"ปลายฝน เข้าบ้านสิ"
ภัคภัสสรมองใบหน้าคมคร้ามที่ยังเจืออารมณ์โกรธ หากแต่ก็ยอมเดินตามผกามาศเข้าบ้าน คิดน้อยใจเหมือนกัน ตกลงอีกฝ่ายจะไม่จัดการเรื่องนี้ให้หล่อนใช่ไหม มันคือคำถามซ้ำ ๆ ภายในใจ อยากจะปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง คิดไปถึงคนที่นอนป่วย หากท่านยังปกติ เรื่องต้องไม่จบแค่นี้แน่
ธามไทมองตามจนทั้งสองเดินหายเข้าไปในบ้าน ที่จริงเขาอยากรั้งหล่อนเข้ามากอดเพื่อปลอบประโลม เอ่ยคำปลอบโยนเพื่อให้หล่อนหายตกใจ อยากจะให้อ้อมกอดของตนช่วยบรรเทาเหลือเกิน
แววตาและท่าทีไม่อาจปกปิดนันท์ภัสสรได้ เพียงแค่เขาแสดงออกกับพี่สาวแบบนั้น ก็ไม่ต่างจากการที่เขาใช้เท้าขยี้ลงบนหัวใจดวงน้อย ๆ ใจที่เก็บเขาเอาไว้จนไม่เหลือพื้นที่ให้ใคร
"ตามไปสิคะ ทำในสิ่งที่ใจเรียกร้อง"
หล่อนกลั้นใจเอ่ยเสียงสั่น ปกปิดความรู้สึกด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนจะปลีกตัวเดินหนี
"เดี๋ยวสิ"
เขารั้งเอาไว้ด้วยการคว้าข้อมือเล็กแล้วออกแรงฉุดเบา ๆ จนอีกฝ่ายต้องหันหน้ากลับมา แววตาฉายความงุนงง
"อะไรคะ?"
"ที่พี่ซื้อมาให้วันก่อน สรุปเธอได้กินมันหรือเปล่า"
หล่อนเอียงหน้ามอง แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจในคำถาม
"กินอะไรคะ พี่เสือซื้อให้ฟ้าตั้งหลายอย่าง"
เขาทำหน้าขึงขัง พร้อมกับความรู้สึกปร่าแปร่งเมื่อเรื่องในคืนนั้นผุดขึ้นในความทรงจำ
"ยาคุมไง เธอได้กินมันไหม"
"จะบ้าเหรอพี่เสือ ไม่ได้มีอะไรกันแล้วทำไมฟ้าต้องกินมันด้วย"
"เอาดี ๆ ปลายฟ้า พี่ไม่ตลกด้วยนะ"
"ก็บอกว่าไม่มีอะไร พี่เสือไม่เชื่อเอง"
นันท์ภัสสรไม่อาจกลั้นเสียงหัวเราะ ตลกกับเขาไม่น้อย ทั้งที่ยืนยันว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็บังคับจะให้หล่อนกินยาป้องกันเอาไว้ให้ได้
แต่ในมุมมองของธามไท เขาไม่ไว้ใจนันท์ภัสสร กลัวว่าหล่อนจะโกหก ชนิดโกหกซ้อนโกหก หากมีอะไรกันจริง ๆ แล้วหล่อนปล่อยให้ท้อง ความซวยมาเยือนเขาจริง ๆ แน่
"สรุปเธอกินมั้ย บอกมา!"
หล่อนต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเขาตวาดใส่หน้า แววตาดุดันเอาจริง จนหล่อนต้องตัดบทด้วยการโกหก
"ค่ะ ๆ ฟ้ากินแล้ว ตามที่พี่เสือสั่ง สบายใจหรือยังคะ"
หล่อนแกะมืออุ้งมือแกร่งที่บีบข้อมือตนเอาไว้ คลี่ยิ้มให้เขาแล้วเดินปลีกตัวออกมา...ในทุก ๆ ก้าวเดินที่พาไปสู่ห้องนอน ใจหล่อนกำลังร่ำไห้ มันเจ็บกับการที่เขาเชื่อว่าได้พรากความสาวของหล่อนมาแล้ว แต่เขากลับแสดงให้เห็นว่ายังรักยังแคร์ใครอีกคนที่ไม่ใช่ตน
หากมันเกิดขึ้น หล่อนก็คงเสียตัวให้เขาแบบเงียบ ๆ เพราะเขาไม่คิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปสักนิดเดียว
แค่กลัวหล่อนท้อง แล้วเขาต้องมานั่งรับผิดชอบ เขากลัวแค่นี้จริง ๆ
สิ่งที่ภัคภัสสรต้องเผชิญ หากเทียบกับหล่อนแล้ว นับว่าไม่ได้ครึ่งของความเจ็บปวดที่หล่อนต้องแบกรับเอาไว้ นันท์ภัสสรเชื่อเช่นนั้น ยามนี้ไม่มีใครตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเท่ากับหล่อนอีกแล้ว