Episode-๑๒ เริ่มต้นไม่ดี

1296 Words
วันเวลาล่วงเลยมายังฉันเรียนจบและกำลังตัดสินใจว่าจะเรียนต่อหรือพอแค่นี้ เรื่องหัวใจดีขึ้นเยอะแล้วค่ะเจอหน้ากันก็เฉย ๆ ไม่ได้เกลียดแต่ขอไม่ยุ่งดีกว่า กับพี่ออกแบบเขามา ๆ หาย ๆ เราคุยกันค่อนข้างบ่อยแต่ไม่ได้เป็นอะไรกันนะ รู้แหละว่าเขาจีบแต่ฉันยังไม่พร้อมไงยังไม่อยากลากใครเข้ามา “หนึ่งปีแล้วนะยังไม่มีความคิดที่จะกลับบ้านอีกเหรอ” “คิดค่ะแม่แต่ขออยู่อีกสักนิดผู้ชายห้องข้าง ๆ หล่อมาก” “นี่!” “ฮ่า ๆ” ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ไม่ต้องกลัวว่าที่บ้านจะเหงานะคะเพราะเสียงเพลงก็ไปมาระหว่างบ้านฉันกับบ้านตัวเองบ่อย “เรื่องเรียนคิดไว้หรือยัง” “คิดค่ะ เทียบโอนเรียนวันอาทิตย์ เรียนด้วยทำงานด้วย” “ไม่เรียนภาคปกติล่ะ” “ไม่ค่ะ มันไม่เท่” “แต่มันเหนื่อย” “สบายมากหนูเก่งอยู่แล้ว” ตอบออกไปอย่างไม่คิดอะไรมากนัก ฉันชินแล้วค่ะใช้เงินเก่งก็ต้องหาเงินเก่งด้วย “รถน่ะจะไม่ใช้แล้วใช่ไหม” พ่อพูดขึ้นขณะกำลังล้างรถอยู่ ใช่ค่ะล้างรถของฉันนั่นแหละ “ถ้าไม่ใช้จะได้ชั่งกิโลขาย” “พ่อขานั่นลูกรักหนูเลยนะคะ” “ขนาดรักนะเนี่ย” “แน่ะ! ประชดอีก” ฉันว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะอธิบายออกไปตามตรง “รถประจำทางก็ไม่แย่นะคะ ไม่ต้องห่วงหนูเดินทางเก่งแล้วและจะรับลูกสาวไปใช้วันนี้” “ใช่สิพ่อมันล้างให้แล้วนี่” ... : ฮ่า ๆ อยู่คุยและกินข้าวด้วยกันเสร็จฉันก็กลับห้องค่ะ หนึ่งปีเต็มที่ไม่ได้ขับรถรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันแฮะ ครืด... ครืด... “สวัสดีค่ะ” [ทำอะไรอยู่] “ขับรถกลับห้องค่ะ” [ไปไหนมาครับ] “ไปบ้านแม่มา” [หนูไม่ได้อยู่บ้านหรอกเหรอ] “ใช่ค่ะ รู้แค่นี้ก็พอห้ามถามต่อนะ” [ดักทางซะงั้น] หลายเดือนมานี้เราคุยกันตลอดค่ะพี่เขาชวนคุยเก่งมาก [ว่างไหมเจอกันหน่อยสิ] “หน้าห้องน้ำเหรอคะ” [หื้ม!] “ฮ่า ๆ” [เสียงหัวเราะมีความสุขจังเลยครับ] ได้ยินแบบนั้นถึงกับเป็นใบ้ไปชั่วขณะหัวเราะอย่างมีความสุขอย่างนั้นเหรอ ... [สรุปว่างไหม] “ตอนนี้ว่างค่ะ” [ถ้างั้นตอนนี้ก็ได้ให้พี่ไปรับไหมหรือเราจะเจอกันที่ไหน] “ตอนนี้พี่อยู่ไหนคะ” [พี่อยู่บ้านครับงานเสร็จแล้วว่างสองสามวัน] “งั้น...สวนสาธารณะในตัวเมืองก็ได้ค่ะ” [ครับ ขับรถดี ๆ นะ] “ค่ะ” ที่ที่เรานัดเจอกันก็อยู่ใกล้หอพักฉันนั่นแหละและก็อยู่ใกล้บ้านเขาด้วยแต่เขาไม่รู้หรอกค่ะว่าฉันอยู่ที่ไหนเพราะฉันไม่ได้บอก มาถึงก็เห็นพี่ออกแบบรออยู่ก่อนแล้ว เขาละสายตาจากมือถือแล้วมองมาทางฉัน ตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ยนาน ๆ ทีจะนัดเจอผู้ชาย “...” นานหลายนาทีที่เรามองหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไร บอกตามตรงว่าทำตัวไม่ถูกค่ะ “เขินอะไรยืนบิดเป็นเด็กน้อยเลย” เขาว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินมาหาฉัน “พรุ่งนี้ทำงานไหม” “ไม่ทำค่ะ พรุ่งนี้วันหยุด” “ไปเที่ยวกัน” “ที่ไหนคะ” “ตามใจเราสิ” “สวนสัตว์ค่ะ!” ตอบไวแบบไม่ใช้ความคิดแต่คนตรงหน้ากลับยกยิ้มให้ซะงั้นแทนที่จะคัดค้าน “ยิ้มอะไรล่ะคะ” “พี่ก็ลืมคิดไปว่าเด็กน้อยชอบอะไรแบบนั้น” “ประชด หลอกด่า หรือว่าอะไร ?” “ไม่ใช่ทั้งหมด” เขายังคงพูดพร้อมรอยยิ้มแถมยังเอาแต่จ้องมองฉันอีกด้วย “แล้ว...” คำพูดของฉันขาดหายไปเมื่อมีรถคันหนึ่งจอดแล้วลดกระจกแซว “อะแฮ่ม! เห็นนะคะ” ผู้หญิงกับผู้ชายวัยกลางคนค่ะแถมเขายังยิ้มให้ฉันด้วย “ทำเป็นไม่เห็นไปก่อนนะครับ” “ไม่เห็นอะไรน่ารักเชียว” “แม่! พ่อขับไปสิอย่าจอดนาน” ... : ฮ่า ๆ เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นก่อนที่รถจะขับเคลื่อนออกไปตามคำสั่งของเขา “เขายิ้มให้หนูด้วย” “พ่อกับแม่พี่เองแหละ” ให้ตายเถอะ! เป็นฝ่ายปฏิเสธเขาแต่สาระแนมาให้พ่อแม่เขาเจออีก “เงียบแบบนี้หลอกด่าพี่อยู่หรือเปล่า” “เปล่าค่ะ ด่าในใจพี่ก็ไม่รู้ตัวสิ” “หึ...” เขาแค่นหัวเราะออกมาแล้วพูดต่อ “ตกลงพรุ่งนี้ไปเที่ยวกันนะ ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่อยากไปด้วยกันได้ไหม” “ดักทางขนาดนี้หนูจะปฏิเสธอะไรได้” ถ้าบอกว่าพูดส่ง ๆ ไปอย่างนั้นแหละคงเสียน้ำใจน่าดูแต่ก็นะรับปากกับตัวเองไปแล้วนี่ว่าจะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ก็แค่เที่ยวไปเช้าเย็นกลับคงไม่แย่หรอกมั้ง “ถ้างั้นวันนี้ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ” “หนูกินมาแล้ว” “กินแล้วกินอีกก็ได้ไม่อ้วนหรอก” จบประโยคก็รั้งแขนฉันให้เดินตามเข้าไปในตลาด อย่างที่เคยบอกว่าตัวเมืองมีของกินตลอดค่ะ ทั้งของหวานของคาวเยอะแยะไปหมด “หนูอยากินอันนั้น” “พี่อยากกินอันนี้” ชี้มือกันไปคนละทางแต่มันก็ร้านเดียวกันนั่นแหละ ที่ฉันอยากกินคือราดหน้าทะเลค่ะส่วนของเขาเป็นเมนูข้าว เข้าไปในร้านลูกค้าเยอะนะแต่รู้สึกว่าบรรยากาศมันคลุมเครือแปลก ๆ กระทั่งพี่ออกแบบจดเมนูให้พนักงานนั่นแหละถึงเพิ่งเข้าใจ “ขอโทษนะคะลูกค้าเมนูข้าวขออนุญาตเชิญไปนั่งโต๊ะทางด้านโน้นนะคะ พอดีว่า...” เสียงพนักงานขาดหายไปพร้อมกับเสียงดังของแม่ค้ากับพ่อค้าที่กระแทกแดกดันกันจนพนักงานต้อนรับหน้าแห้งกันไปเป็นแถว “ค่ะ ตามนี้เลยค่ะ” “ครับ” พี่ออกแบบขานรับอย่างเข้าใจและยอมย้ายที่นั่งแต่โดยดี จากนั้นไม่นานพ่อค้าก็เอาป้ายมาติดว่าห้ามลูกค้าสั่งราดหน้าร้านโน้นมานั่งกินร้านนี้ (ยกเว้นร้านอื่น) จากตอนแรกที่เห็นเป็นร้านเดียวกันตอนนี้กลายเป็นสองร้านแล้วเพราะเขาเอาเชือกฟางมาผูกกั้น ลูกค้าคนอื่นไม่ได้พูดอะไรแค่รีบกินแล้วรีบจ่ายเงิน นี่สินะเลือกร้านผิดชีวิตเปลี่ยน มองหน้ากันแล้วหัวเราะกันอยู่สองคน พยายามกลั้นแล้วแต่มันไม่ไหวค่ะ แค่เพียงไม่นานราดหน้าของฉันก็มา แอบชำเลืองโต๊ะตรงข้ามในจานของเขาก็น่ากินเหมือนกัน ทุกอย่างน่ากินมากแต่น่าเสียดายที่คนขายไม่ถูกกัน ฉันไม่ลืมที่จะถ่ายรูปไว้และจัดการโพสต์ลงโซเชียลด้วยแคปชั่นที่รู้กันแค่สองคน “นี่สินะที่เขาบอกว่าไม่กินเส้น >. คอมเมนต์ “คืออะไรวะ” “แอบไปเดตกับหนุ่มที่ไหนน่ะ” “แคปชั่นมีพิรุธ” ฉันไม่ได้ตอบอะไรพวกมันและรีบกินจะได้ออกจากร้านนี้สักที บรรยากาศชวนอึดอัดจะหัวเราะเสียงดังก็เกรงใจอีก ราวครึ่งชั่วโมงพี่ออกแบบก็ลุกไปจ่ายเงินและเดินตรงมาหาฉัน “กลั้นขำไว้ก่อนนะเดี๋ยวโดนหักคอ” “พี่!” “ฮ่า ๆ” นั่นแหละค่ะ จะโดนพ่อค้าหักคอก็คราวนี้แหละ “เป็นฝ่ายจีบก่อนก็ถูกปฏิเสธเดทแรกก็ถูกจับย้ายโต๊ะอีกให้ตายเถอะทำไมชีวิตถึงเป็นแบบนี้นะ” น้ำเสียงติดตลกเอ่ยก่อนจะยิ้มกว้างให้ฉัน “เริ่มต้นไม่ดีแต่จบดีแน่นอน” “อะไรของพี่” “เปล๊า!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD