Episode-๑๑ เสพติดการอยู่คนเดียว

2168 Words
ครืด... ครืด... สายเรียกเข้าปลุกฉันให้ตื่นมาพร้อมกับความหงุดหงิด หยิบมือถือมาดูเป็นเบอร์แปลกค่ะ ชั่งใจอยู่หลายนาทีก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนรับปากใครบางคนไว้ “สวัสดีค่ะ” [คิดว่าจะไม่รับซะอีก เพิ่งตื่นหรือไงเสียงงัวเงียเชียว] “พี่ออกแบบ” [พี่ไง หวังให้เป็นใครเหรอ] “ไม่หวังค่ะเพราะหนูไม่รับอยู่แล้ว” [ไม่เปลี่ยนเบอร์ล่ะ] “มีธุระสำคัญหลายอย่างที่จำเป็นต้องใช้เบอร์นี้ถ้าเปลี่ยนก็ต้องตามแก้ไขข้อมูลทุกอย่างสิคะ ไม่เอาด้วยหรอกวุ่นวายตายเลยเลือกที่จะไม่รับก็จบแล้วเดี๋ยวมันก็เลิกโทรเองแหละ” ฉันร่ายประโยคยาว ๆ ให้คนในสายฟังอย่างลืมตัวแต่ช่างเถอะเขาคงไม่ใส่ใจที่จะรับรู้หรอกมั้ง “โทรมาแต่เช้าเลยพี่ว่างนักหรือไง” [เช้าอะไรบ่ายโมงแล้ว] น้ำเสียงติดตลกเอ่ยแล้วพูดต่อ [กะแล้วว่ายังไม่ตื่นมิน่าล่ะพี่ชายเราถึงมาส่งของแทน] “ระวังโดนเตะก้านคอนะคะ” [ไม่กลัวหรอก] “ทำเป็นพูดดี” [ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวนี่ ว่าแต่เราเถอะวันนี้วันหยุดเหรอไม่เห็นไปทำงาน] “หืม... พี่รู้ได้ยังไงว่าหนูทำงาน” [ใส่ใจใครสักคนเรื่องแค่นี้ไม่ยากครับ] “ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ หนูเริ่มกลัวพี่แล้วเนี่ย” ลองมาคิดดูแล้วเขารู้เรื่องของฉันเยอะเหมือนกันนะ แต่ก็แปลกที่ตอนอยู่ทะเลทำไมพ่อถึงไม่ทักไหนว่าลูกค้าประจำ ช่างเถอะ! เก็บความสงสัยนี้เอาไว้ก่อนค่ะ [เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ได้แล้วนะครบสามเดือนแล้ว] เนี่ย! เขารู้กระทั่งว่าฉันเปลี่ยนโปรไฟล์ในโซเชียลบ่อย “ถามจริงพี่รู้จักหนูตั้งแต่เมื่อไหร่” [นานแล้ว] “นานแค่ไหน” [นานพอที่จะเห็นสถานะโสดขึ้นฟีดสองสามครั้งนั่นแหละ] “เป็นเพื่อนกับหนูในโซเชียลด้วยเหรอ” [ใช่! แต่ไม่บอกหรอกนะว่าแอคเคาน์ไหนเดี๋ยวเรากดบล็อกพี่] “รู้ทันว่ะ” [ฮ่า ๆ] คุยกันต่อนิดหน่อยก็วางสายค่ะ พี่ออกแบบรู้เรื่องราวของฉันเยอะมากแม้ว่าไม่ละเอียดแต่ข้อมูลทั้งหมดมันคือเรื่องจริง เราไม่ได้บังเอิญเจอกันที่สำคัญเขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าต้องการจีบฉันแม้ว่าฉันจะปฏิเสธเขาก็ยังยืนยันคำเดิม แต่เรื่องนี้มันไม่สำคัญหรอกเพราะมันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถ้าเราสนใจใครมากพอทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาคนนั้นย่อมอยู่ในสายตาทั้งหมดนั่นแหละ [คิดถึงเหรอครับ] ปลายสายนี้ต่างหากค่ะที่สำคัญ “เปล่าค่ะเงินหมด” [หมดอะไรพ่อโอนให้เมื่อเช้า] “คิกคิก หนูล้อเล่นหนูมีเรื่องอยากถามค่ะ” [ว่ามา] “บ้านนั้นที่เป็นลูกค้าประจำพ่อน่ะค่ะ เขาชื่ออะไร” [บ้านไหนลูกค้าประจำมีเยอะแยะ] “ที่ให้หนูไปส่งในตัวเมืองค่ะ” [อ๋อ... เขาเป็นรุ่นพี่ที่รู้จัก เมื่อก่อนเขาอยู่ร้านรถก็กลุ่มเพื่อนวัยรุ่นปกติ] “พ่อขาหนูถามว่าเขาชื่ออะไร” [ทิว ถามทำไม] “ไม่ได้ชื่อออกแบบเหรอคะ” [ออกแบบไหนเขาชื่อทิวอดีตวิศวกรฝีมือดีแต่ตอนนี้เกษียณแล้ว] “ข้อมูลพ่อแน่นเหมือนกันนะเนี่ย” [เราน่ะถามทำไมยังไม่บอกพ่อเลย] “เอาไว้เป็นเรื่องสำคัญเมื่อไหร่หนูจะบอกนะคะ รักพ่อนะคะ รักษาสุขภาพด้วย สวัสดีค่ะ” ฉันร่ายประโยคยาว ๆ และกดวางสายทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้พ่อได้พูดต่อเดี๋ยวคำถามเยอะค่ะ พี่ออกแบบต้องเป็นลูกของคนที่ชื่อทิวแน่แต่พ่อคงไม่รู้จักหรือไม่ได้สนใจล่ะมั้ง เลิกสนใจแล้วกดเข้าโซเชียลเพื่อตามหาแอคเคาน์ปริศนาของพี่ออกแบบ เขาเห็นสถานะโสดของฉันหลายครั้งแสดงว่าเป็นเพื่อนกันมานานแล้วค่ะ นานนับชั่วโมงที่ฉันตามหาทั้งคอมเมนต์ทั้งข้อความก็ไม่มี นึกขึ้นได้ว่าเขาให้เปลี่ยนรูปแสดงว่าทุกรูปของฉันเขาต้องมากดไลก์ให้แน่ คิดได้แบบนั้นก็กดเข้ารูปโปรไฟล์ตัวเองทันที แต่แหม... เป็นร้อย ๆ คนมันคนไหนล่ะตามหาจนท้อแล้วเนี่ย “คนอะไรลึกลับชะมัด” บ่นพึมพำก่อนจะชาร์จแบตมือถือแล้วอาบน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ทำนั่นทำนี่เสร็จก็หมดวันอีกตามเคย จะว่าไปอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ แต่ยังหรอกฉันยังไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเสียงเพลงเลย ว่าแล้วก็ต้องโทรหาสักหน่อย [ว่ายังไงคะมีอะไรให้ช่วยอีก] “เปล่า เธออยู่กับพี่ปั้นไหม” [พี่ปั้นกำลังมา ทำไมเธอเป็นอะไร] “ไม่ได้เป็นอะไรแค่จะโทรมาถามว่าเธอหนีพี่ปั้นไปเที่ยวที่ไหนบ้าง” [ตามรอยโซเชียลน่ะ ที่ไหนสวยฉันก็ไป เดินทางคนเดียวสนุกดีนะ] “ต้องลองบ้างแล้วแต่ความลับนะ” [แค่เธอปิดมือถือทุกอย่างก็เป็นความลับแล้ว แต่เธอต้องระมัดระวังตัวเองหน่อยนะมิจฉาชีพมันเยอะ] “โอเคขอบใจมาก” วางสายจากเสียงเพลงฉันก็แพลนวันหยุดรอเลย ไปคนเดียวก็น่าสนุกดีนะแต่ไม่รู้ว่าจะเหงาหรือเปล่า ทุก ๆ วันก็วนเวียนอยู่แบบนี้แหละค่ะ วันไหนไปเรียนก็น่าเบื่อหน่อยเพราะต้องเจอเบียร์แต่จะให้ทำไงนี่ก็เลี่ยงสุด ๆ แล้ว “เก่งแล้วนี่” “อะไรของมึง” “มึงมองหน้ามันแล้วไม่หันมาทำหน้าหงอยใส่กูสงสัยพรที่กูสาธุคืนนั้นจะสัมฤทธิ์ผล ฮ่า ๆ” “กูแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ” “เออ! ไม่รู้เหรอว่าตัวเองชักสีหน้าเก่งมากเวลาไม่พอใจ พูดง่าย ๆ สีหน้ามึงบอกอารมณ์ทุกอย่างแต่ตอนนี้นิ่งเฉยแสดงว่าเรื่องราวทุกอย่างจบลงโดยสมบูรณ์แล้ว กูดีใจด้วยและก็หวังว่าหัวใจของเพื่อนสาวจะมีคนคอยดูแลเร็ว ๆ นี้” “มึงไง” “กูเป็นเพื่อนมึงครับ” “เลื่อนเป็นแฟนก็ได้” “กูกับมึงได้กันฟ้าคงผ่าพอดี” “ฮ่า ๆ” “พี่ออกแบบไง กูเห็นนะหน้าห้องน้ำคืนนั้น” “มึงก็เลยสาธุ ?” “อือ! สนับสนุนให้เพื่อนมีผัวครับ” “สัส!” “กูจะไม่ถามนะว่าคุยอะไรกันกูจะปูเสื่อรอดูความสัมพันธ์ของมึงกับพี่เขาอยู่เงียบ ๆ” “ถ้าเขาเหี้ยล่ะ” “เดี๋ยวกูช่วยกระทืบให้ในฐานะที่เป็นกองกำลังสนับสนุน” มันว่ายิ้ม ๆ แล้วกอดคอฉัน “ไม่ต้องห่วงกูไม่ปล่อยให้เพื่อนเจ็บฟรีหรอกขนาดไอ้เหี้ยนั่นกูยังไปกระทืบมันมาแล้วเลย” “พูดจริง ?” “เออดิ กูนี่แหละที่ต่อยมันปากแตก” นอกจากจะไม่รู้สึกผิดแล้วมันยังพูดอย่างภาคภูมิใจอีกด้วย “มึงกับพี่กูนี่เหมือนกันเลยเนอะรักกูแบบผิด ๆ” “ไม่ได้หรอกกูอยู่ข้างเพื่อนเสมอ” ระหว่างวันเบียร์ก็คอยมองอยู่ตลอดค่ะแต่ฉันทำเป็นไม่สนใจเอง อีกเดี๋ยวทุกอย่างคงดีขึ้นและมองหน้ากันอย่างสบายใจ ถึงความรู้สึกจะไม่เหมือนเดิมแต่ก็ดีกว่าเกลียดกัน อีกไม่กี่เดือนก็จบปวส.แล้วต้องแยกย้ายกันทุกคนนั่นแหละ วันเวลายังคงเดินไปตามหน้าที่ของมันในที่สุดวันหยุดก็มาถึงค่ะ ฉันออกเดินทางตั้งแต่ตีสี่ไปแบบไม่บอกใครแค่กายพร้อมเงินพร้อมเท่านั้นเอง แถมเงินนี้ก็คือเงินเดือนด้วยนะส่วนเงินที่พ่อให้ฉันไม่ได้กดมาใช้หรอก สถานที่ที่ฉันเลือกไปคือน้ำตกในจังหวัดกาญจนบุรีค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินทางเพราะฉันศึกษาตารางรถไฟทั้งไปและกลับเป็นอย่างดี ทุกคนต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น เหนื่อยค่ะแต่สนุก เช็คอินห้องพักเรียบร้อยก็ออกเดินเล่นไปตามประสาและไม่ลืมถ่ายรูปไว้ด้วย มีขนมพื้นบ้านแปลก ๆ ที่ไม่เคยกินและไม่เคยได้ยินชื่อ ไหนจะบรรยากาศรอบตัวอีกบอกเลยว่าโคตรดีค่ะ ขณะที่ฉันกำลังถ่ายรูปอยู่มือถือก็ดันมีสายเข้าและมือมันก็เผลอกดรับไปแล้ว [สวัสดีครับ] “ใครคะ ?” [ไม่ได้โทรหาสามวันถึงกับจำกันไม่ได้เลยเหรอ หรือเราไม่ได้บันทึกเบอร์พี่] “อ่อ! หนูเปลี่ยนมือถือน่ะค่ะข้อมูลมันอยู่เครื่องนั้นหมด” [ทำพังเหรอ] “หลุดมือหล่นแตกค่าซ่อมกับซื้อใหม่ราคาพอ ๆ กันก็เลยเอาเครื่องใหม่” [อ๋อ... คิดว่าแค่ไม่โทรหาสามวันแล้วจะกดบล็อกแทนซะอีก] เขาไม่เคยหายไปหรอกค่ะมีแต่ฉันที่รับบ้างและไม่รับบ้าง [อยู่ไหนครับ] “มาเที่ยวค่ะ” [ไปกับใครเพื่อนเราทำงานอยู่นี่] “มาคนเดียวค่ะ” [ที่ไหนเหรอ] “หนูจำเป็นต้องบอกพี่ด้วยเหรอ” [หนูไม่จำเป็นต้องบอกหรอกแต่ระมัดระวังหน่อยก็ดี ไปคนเดียวอะไร ๆ มันก็เกิดขึ้นได้ คนเรามันรู้หน้าไม่รู้ใจหรอกนะคนแปลกหน้าก็ใช่ว่าจะหวังดีเสมอไป รู้ว่าเก่งแต่คนเรามันก็พลาดกันได้] ประโยคยาว ๆ ร่ายใส่หูฉันจนฟังแทบไม่ทันเลยทีเดียว “บอกชื่อแอคเคาน์พี่มาก่อนสิแล้วหนูจะบอกว่าอยู่ที่ไหน” [แลกเปลี่ยนเก่งนะ] จบประโยคสายก็ตัดไปแล้วมีสายวีดิโอคอลจากโซเชียลเรียกเข้ามาแทน ในรูปเขาหันหลังค่ะมิน่าล่ะฉันถึงหาไม่เจอสักที รอจนสายเกือบตัดแล้วค่อยรับสาย [คิดว่าจะไม่รับซะอีก] “ก็ว่าจะไม่รับแหละ” [อยู่ไหนครับ] ฉันไม่ได้ตอบอะไรแค่แพลนกล้องไปรอบบริเวณให้คนในสายดู [ทำไมถึงไปคนเดียวล่ะ] “คนเดียวก็ไม่แย่นะคะสนุกดี” [สองคนก็สนุกนะ] “พอเถอะเลิกหยอดได้แล้วหนูมีเรื่องจะถาม” [พี่ยังโสด] “ยังไม่ได้ถามเลย!” [ฮ่า ๆ] “พี่รู้จักพ่อหนูไหม” [รู้แต่ไม่เคยคุยหรอก พ่อพี่แหละเคยคุยเพราะรู้จักกัน ปกติพ่อเป็นคนสั่งของไงเพราะพี่ทำงานเพิ่งว่างรับของช่วงที่เรามาส่งเองนั่นแหละ] “ถึงว่าสิ...” [ทำไม ?] “ไม่บอกหรอก” [ทำให้อยากแล้วก็จากไป] ระหว่างคุยกันฉันก็เดินเล่นไปตามประสา จากที่เห็นอะไรแปลก ๆ คนเดียวกลายเป็นคนในสายก็ได้เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือการแต่งตัวที่แตกต่าง “แค่นี้ก่อนนะคะแบตหนูจะหมดแล้ว” [จะกลับห้องพักตอนไหน] “อีกแป๊บหนึ่งก็กลับแล้ว” [ถึงแล้วโทรบอกด้วยนะ] “ค่ะ” แล้วสายสนทนาก็ถูกตัดไป ไม่น่าเชื่อเวลาคุยอยู่ที่สองชั่วโมงกว่าแน่ะ เดินดูนั่นดูนี่ไปตามประสา กลับถึงห้องพักอาบน้ำเสร็จก็ทิ้งตัวนอนเลยค่ะ ฝนพรำบวกกับลมเย็น ๆ ก็หลับสิจะเหลืออะไร ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่สะดุ้งตื่นมาอีกทีตีสองเพราะเสียงมือถือ “อื้อ!” [พี่บอกว่าถึงห้องแล้วให้โทรหาไง] ได้ยินแบบนั้นฉันจึงหันดูหน้าจอว่าปลายสายเป็นใครและก็ทำให้เห็นว่ามีแจ้งเตือนเยอะมากแต่ฉันหลับสนิทเลยไม่รู้เรื่อง “กลับห้องตั้งแต่สี่ทุ่มแล้ว หนูลืมอะปกติไม่เคยรายงานใคร” [ไม่ได้ให้รายงานแต่พี่เป็นห่วง] “...” [นอนต่อเถอะพี่ไม่กวนแล้ว] จากนั้นสายก็ตัดไปค่ะและกลายเป็นฉันเองที่นอนไม่หลับแทน เข้าโซเชียลไปส่องเขาเพราะมันยังขึ้นออนไลน์อยู่และก็ทำให้รู้ว่าเขายังทำงานอยู่เลยเพราะมีรูปแท็กมาเหมือนก่อสร้างอะไรสักอย่าง ในรูปมีพี่โฮปกับพี่ยิวด้วยค่ะ เห็นแบบนั้นความอยากรู้มันก็เพิ่มขึ้นไปอีก ส่องเขาไม่พอตามไปส่องเพื่อนเขาด้วย บางรูปคล้ายหน้างานอะไรสักอย่างและมีรูปที่ไปทะเลด้วยนะคะ ชักอยากรู้แล้วสิว่าเขาทำงานอะไรกัน นานหลายนาทีที่เอาแต่ส่องจนมีข้อความเด้งขึ้น [นอนได้แล้วครับ] “ไม่ง่วงแล้วค่ะ” [งั้นโทรนะ] ไม่ทันได้ตอบเขาก็วีดิโอคอลมาค่ะแน่นอนว่าฉันกดรับ “ทำอะไรคะไม่หลับไม่นอน” ฉันเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นว่ารอบตัวเขาไม่ใช่ห้องนอน [ทำงานสิครับ] “กลางคืนก็ทำเหรอ” [ก็มันยังไม่เสร็จมีปัญหานิดหน่อย] “พี่ทำงานอะไรคะ” [อยากรู้เรื่องของพี่แล้วเหรอ] เขาว่าพลางฉีกยิ้มกว้างมาให้ฉัน “เปล่าสักหน่อยหนูแค่ถามตามมารยาท” [เหรอครับ] ลอยหน้าลอยตามากกวนอารมณ์ชะมัดเลย ฮึ่ย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD