มันดีมากแต่มันไปต่อด้วยกันไม่ได้ ฉันไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของประโยคนี้เลยกระทั่งได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง ห้าปีสำหรับฉันมันนานมากนะคะ มากกว่าความผูกพันก็คือความทรงจำที่มีด้วยกันตั้งแต่เด็กยันโตนี่แหละ
กลับถึงบ้านพ่อก็ยังคงนั่งรออยู่อย่างเช่นทุกครั้งและไม่ว่าจะดึกแค่ไหนก็จะรอฉันกลับมาก่อนเขาถึงจะเข้านอนตามหลัง ชีวิตนี้เจอผู้ชายที่ดีได้สักครึ่งหนึ่งของพ่อก็คงดีสินะ
“เปียกหมดแล้วทำไมไม่โทรมาพ่อจะได้ไปรับ” น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมาให้ฉัน “ร้องไห้ทำไม”
ฉันไม่ได้ตอบอะไรและสวมกอดคนตรงหน้าแทบจะทันที
“เจ็บจังเลยค่ะ ฮึก! หนูคิดว่าจะไม่เจ็บซะอีก”
พ่อไม่ได้พูดอะไรเขายังคงกอดปลอบฉันอย่างเงียบ ๆ และปล่อยให้ฉันร้องไห้เสียงดังอยู่แบบนั้น
“อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้านอนด้วยกันนะ” เสียงแม่ดังจากด้านหลังพร้อมกับลูบศีรษะฉันอย่างอ่อนโยน “เสียงร้องไห้นี้เป็นไปได้แม่ก็ไม่อยากได้ยินอีก”
ฉันไม่ได้ตอบอะไรและยอมทำตามที่แม่บอก แต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าไปทางไหนเบียร์ก็มาค่ะ มากันทุกคนนั่นแหละ
“ฟังเราก่อนนะฝัน”
“พาน้องเข้าบ้านไปก่อน”
“พ่อนั่นแหละพาน้องไป” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยก่อนจะเดินออกไปหาเบียร์ที่ตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ปั้นมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ที่แน่ ๆ เขารับรู้ทุกเรื่องราวหมดแล้ว
“พาลูกเข้าห้องไปก่อนนะ”
“อย่ามีเรื่องกันนะคะ”
“ไม่รับปาก” พ่อตอบกลับห้วน ๆ แล้วเดินตามพี่ปั้นไปอีกคน
คล้อยหลังทั้งคู่แม่ก็พาฉันกลับเข้ามาในห้องค่ะ อ่อนแอจัง รู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กน้อยอีกครั้งเลยที่หกล้มร้องไห้แล้วต้องให้ทุกคนมาปลอบถึงจะรู้สึกดีขึ้น
“ขอโทษนะคะหนูไม่ได้ตั้งใจทำให้ทุกคนเป็นแบบนี้” มือที่กำลังจะหยิบชุดนอนให้ชะงักไปก่อนจะหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ต้องขอโทษมันไม่ใช่เรื่องผิด เราเจ็บเราเลยร้องไห้มันเป็นเรื่องปกตินะ”
“แม่พูดแบบนี้อีกแล้ว หนูโตแล้วนะคะ” มันเป็นประโยคที่แม่ใช้พูดปลอบเวลาที่ฉันร้องไห้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามแม่ไม่เคยขึ้นเสียงหรือใช้คำหยาบคายกับเราสองคนพี่น้องเลยค่ะไม่มีแม้กระทั้งคำว่าร้องไห้ทำไม เรื่องแค่นี้ร้องเพื่ออะไร ตรงกันข้ามเขารู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ฉันกำลังรู้สึก หรือคิดอะไรอยู่
“ไม่รู้ว่าเล่าให้ฟังแล้วมันจะแทนความรู้สึกกันได้ไหมแต่เอาเป็นว่าแม่จะเล่าให้ฟังแล้วกันนะ”
“อย่าบอกนะคะว่าพ่อก็เคยนอกใจแม่เหมือนกัน”
“ไม่... พ่อเขารักเดียวใจเดียวแถมยังรักษาสัญญาเก่งมาก และนี่ก็เป็นนิสัยเดียวที่ทำให้แม่มั่นใจและเชื่อในตัวเขามาตลอด ไม่มีใครดีไปหมดทุกเรื่องหรอกนะเพียงฝัน และไม่มีใครเลวทุกเรื่องเหมือนกัน แม่ไม่ชอบคนนิสัยอันธพาล ไม่ชอบคนอารมณ์ร้อน ไม่ชอบคนที่ยุ่งวุ่นวายกับยาเสพติด ใช่! ทุกอย่างที่พูดมาพ่อหนูทำหมด”
“...”
“สำหรับแม่ผู้ชายคนนี้มีดีแค่รักแต่เข้าใจไหมว่ารักอย่างเดียวมันไม่พอ ตอนเด็กเราคิดแค่ว่าถ้ารักใครแล้วเขารักตอบกลับมามันก็น่าจะดีมากแล้วซึ่งมันก็ไม่ใช่ความคิดที่ผิดแต่เรายังคิดไม่หมดแค่นั้นเอง ยิ่งความสัมพันธ์ยาวนานเท่าไหร่ความผูกพันมันก็มากขึ้นเท่านั้น ผู้คนส่วนหนึ่งชอบคิดว่าโชคดีที่มีแฟนรักเดียวใจเดียวเรื่องอื่นจะเลวจะเหี้ยก็ช่างมันเถอะ พวกเขามีสิทธิ์คิดนะทุกคนมีสิทธิ์วิจารณ์ยังไงก็ได้ในมุมของเขาที่เป็นคนอื่น แต่แม่ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยเพราะความซื่อสัตย์ไม่ใช่ความโชคดีแต่เป็นพื้นฐานที่ทุกคนต้องมีอยู่แล้ว ตอนที่พ่อถูกใส่กุญแจมือความรู้สึกตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบมันพัง รู้ว่าต้องห่างแต่ไม่รู้ว่าต่อจากนั้นตัวเองควรทำอะไรต่อ ทุกอย่างมันหยุดชะงักไปหมดเหมือนกันกับหนูตอนนี้ ... ทุกคนรู้กันทั้งนั้นแหละว่าชีวิตมันต้องเดินต่อแต่เดินต่อยังไงใช้ชีวิตต่อยังไงไม่เคยมีใครรู้ ที่บอกว่ารักอย่างเดียวมันไม่พอเพราะความผูกพันมากขึ้นมันทำให้เราหวังและมองอนาคตวันข้างหน้าร่วมกันไง เธออย่างนั้นฉันอย่างนี้มันไปกันไม่รอดหรอกนะเพียงฝัน อย่าเอาคำว่าเข้าใจมาหลอกตัวเองเลย รักเธอนะแต่ก็เข้าใจว่าเธอติดเพื่อน เข้าใจที่เธอทำอย่างนั้นอย่างนี้...ไม่! นี่ไม่ใช่ความรักของหนู ใช่ว่าครั้งหนึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ดีเป็นมิตรภาพที่ดีแต่คนรักกันเขาจะไม่ทำให้เราต้องหาเหตุผลไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม หวังว่าคนสวยของแม่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้เร็ว ๆ นี้นะ ต้องมีสักคนแหละที่ตั้งใจรักและดูแลหัวใจดวงนี้อย่างดีที่สุด”
เรื่องเล่ายาว ๆ ของแม่มันทำให้ฉันมีสติและเลือกที่จะเช็ดน้ำตาออกจนหมด สัญญากับตัวเองจะร้องไห้ให้น้อยลงแม้ว่ายังรู้สึกและยังเจ็บอยู่มากก็ตาม
รักอย่างเดียวมันไม่พออย่างที่แม่บอกจริง ๆ ค่ะ เขาทำเหมือนว่ารักฉันมากแต่มันก็ได้แค่เหมือนเพราะคนรักกันเขาจะไม่ทำแบบนี้ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม
“ต่อไปหนูจะไม่รักใครแล้ว”
“รักสิ บนโลกใบนี้ต้องมีสักคนแหละที่ตั้งใจรักหนูและหนูก็รักเขา” น้ำเสียงอ่อนโยนยังคงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แม่ก็คือแม่ค่ะเป็นความสบายใจเดียวที่ฉันมี “อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะแม่ง่วงแล้ว”
“ค่ะ” ขานรับอย่างเข้าใจและรีบทำธุระส่วนตัวให้เร็วที่สุด ใช้เวลาแค่แป๊บเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ
“พี่ปั้นได้แผลอีกแล้วนะคะ” ฉันเหวเสียงใส่คนตรงหน้าเมื่อออกจากห้องมาแล้วเห็นมุมปากของเขามีเลือด
“พ่อต่อย”
“กูไม่กระทืบก็ดีแล้ว” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยพลางส่ายหน้าให้แล้วพูดต่อ “โตแล้วนะเมื่อไหร่จะเลิกใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาสักที”
“ถ้าพ่อรู้ว่ามันทำอะไรพ่ออาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้” จบประโยคพี่ปั้นก็กลับเข้าห้องตัวเองไปเลยค่ะ ไม่ได้งอนพ่อหรอกแต่ไม่อยากเถียงด้วยไง
คล้อยหลังเขาความเงียบจึงเกิดขึ้นหลายนาทีมีเพียงพ่อกับแม่ที่มองหน้ากันด้วยสายตาอะไรไม่รู้ เหมือนจะหนักใจแต่ก็ไม่ใช่
“เข้านอนกันนะคะหนูง่วงแล้ว”
เป็นคืนแรกในรอบหลายปีที่ได้นอนกับพ่อแม่อีกครั้งแถมยังแทรกตัวเองไปอยู่ตรงกลางเหมือนตอนเป็นเด็กอีกด้วย
“ไหนว่าง่วงไงทำไมไม่นอน” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยผ่านความมืดพร้อมกับสวมกอดฉันและแม่พร้อมกันสองคน
“พ่อแขนยาวจังเลยค่ะ”
“ไม่หรอกแต่ไม่ได้กอดแล้วนอนไม่หลับมันไม่ชิน”
“พ่อคะ”
“หืม ?”
“แม่บอกหนูว่าพ่อมีดีแค่รัก ที่เหลือไม่ดีเลย”
“ถ้าไม่มีแม่บางทีชีวิตนี้พ่ออาจจะไม่มีดีเลยก็ได้นะ” ได้ยินแบบนี้แล้วหัวใจพองโตจังเลยค่ะ แต่ก็มีบางเรื่องที่อยากรู้
“พ่อเคยทำผิดกับแม่ไหมคะ”
“ไม่เคยและไม่เคยคิดจะทำด้วย ความสนุกชั่ววูบแลกกับสิ่งที่มีอยู่มันไม่คุ้มกันหรอกนะ”
“ทุกคนคิดเหมือนพ่อก็คงจะดี”
“ดีหรือไม่ดีเรื่องแค่นี้ตัดสินไม่ได้หรอกนะเพียงฝัน เขาไม่ดีกับเราแต่เขาอาจจะดีกับคนอื่นก็ได้ ก็เหมือนหนูที่ล้มเหลวกับเขาแต่อาจจะไปได้ดีกับคนอื่น”
“ล้มเหลวไม่เป็นท่าเลยค่ะหนูคงไม่กล้ารักใครแล้ว”
“อย่าเพิ่งรีบตัดสินสิ หนูเดินไปอีกหน่อยอาจจะมีใครบางคนรอรักหนูอยู่ก็ได้ เริ่มต้นใหม่มันไม่แย่อย่างที่คิดหรอกนะ เริ่มใหม่กับคนเดิมก็ไม่แย่ เริ่มใหม่กับคนอื่นก็ไม่แย่เหมือนกัน ความรักไม่เคยฆ่าใครตายหรอกแต่ถ้ารักคนอื่นมากกว่าตัวเองอันนี้ตายแน่นอน”
นานหลายนาทีที่พ่อตอบคำถามไร้สาระของฉัน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่จนกระทั่งผล็อยหลับไปนั่นแหละ
เช้าอีกวันตื่นขึ้นมาก็เห็นพี่ปั้นนอนเล่นเกมส์อยู่ข้าง ๆ แล้ว
“พี่ไม่ไปทำงานเหรอคะ”
“เข้ากลางคืนครับ”
“แล้ว... เขาไปหรือยังคะ” ได้ยินแบบนั้นมือที่กำลังกดหน้าจออยู่ก็หยุดนิ่งแล้วหันมาสนใจฉันแทน “เขาว่ายังไงบ้าง”
“ไม่ว่ายังไงแค่สั่งสอนไปสองสามหมัด” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยด้วยท่าทีสบาย ๆ แม้ว่าจะโดนหมัดหนัก ๆ ของพ่อเขาก็ไม่สนใจ “ความน่ากลัวของความสัมพันธ์ไม่ใช่แฟนเก่าหรือคนที่แวะเข้ามาระหว่างทางหรอกแต่เป็นคนคุยที่ไม่ได้คบต่างหาก ไม่ผูกมัดไม่ผูกพันแต่เจอกันได้เรื่อย ๆ ความสัมพันธ์แบบรู้เขารู้เราไม่มีความรู้สึกทางใจแต่รู้สึกทางกาย พี่พูดได้เพราะพี่ก็เคยเป็นแบบนั้นสุดท้ายก็ตกหลุมรักคนคุยแทนที่จะเป็นคนที่ตัวเองตั้งใจรัก แต่เรื่องของพี่มันเป็นแค่อดีตที่ยังรู้สึกไม่เหมือนหนูที่ยังอยู่ตรงนี้ ผ่านมันไปให้ได้นะรักคนอื่นได้ก็ต้องรักตัวเองด้วย”