พ่อบอกว่าความรักไม่เคยฆ่าใครตายแต่ถ้ารักคนอื่นมากกว่าตัวเองอันนี้ตายแน่นอน ... ใช่ค่ะ ตอนนี้ฉันจะตายให้ได้เลย
ค่ำคืนแรกผ่านไปด้วยความยากลำบากแต่ก็ผ่านไปได้แล้วหนึ่งวัน ฉันเลือกที่จะไม่แตะโทรศัพท์มือถือและเอาแต่ขลุกตัวเองอยู่กับพ่อ ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองว่างแม้กระทั่งส่งของให้ลูกค้าฉันก็ทำได้ ความจริงก็ทำตลอดนั่นแหละแต่ส่วนมากจะเป็นพี่ปั้นมากกว่า
“ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน”
“ไหวค่ะ พ่อพูดเหมือนหนูบอบบางจับอะไรไม่เป็นอย่างนั้นแหละ”
“พ่อไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้”
“ไหวสิคะ พ่อไม่เห็นเหรอว่าหนูไม่ได้ร้องไห้เหมือนเมื่อวานแล้ว” ฉันบอกออกไปตามความจริงแม้ว่าหลายครั้งจะยังคิดถึงเขาก็ตาม
“แน่ใจเหรอว่าจะไม่ให้โอกาสเขา คนเราผิดพลาดกันได้นะเพียงฝัน”
“คำว่าผิดพลาดใช้กับเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจทำเท่านั้นแหละค่ะ” ฉันยังคงยืนยันคำเดิมต่อให้ยังรู้สึกมากแค่ไหนก็จะไม่พาตัวเองกลับไปอยู่ตรงนั้นอีกแน่นอน “ส่งครบทุกบ้านแล้วใช่ไหมคะ”
“เหลืออีกหนึ่งที่แต่เดี๋ยวพ่อไปส่งเองเพราะมันไกลอยู่ในตัวเมืองโน่น”
“หนูจะเข้าตัวเมืองเหมือนกันเดี๋ยวหนูไปส่งเองก็ได้ว่าแต่ของเยอะไหมมีอะไรบ้าง”
“ไม่เยอะหรอก แค่อุปกรณ์แต่งซิ่งสองสามชิ้นเอง” จบประโยคก็หยิบเกจ์วัดมาตรงหน้าฉันหกตัว “เป็นบ้านนะไม่ใช่หน้าร้านเหมือนเจ้าอื่นโอนจ่ายแล้วและไม่ต้องเก็บค่าส่งนะเขาเป็นลูกค้าประจำเรา”
“จะพิจารณาอีกทีนะคะถ้าหล่อจะให้ฟรี”
“ผู้หญิง!”
“ถ้างั้นคูณสองของราคา”
“พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง” พ่อถึงกับส่ายหน้าให้ค่ะ ฮ่า ๆ “บ้านโมเดิร์นชั้นเดียวนะ เข้าตัวเมืองไปอยู่ซ้ายมือมีหลังเดี่ยวสีฟ้าน้ำทะเล”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“ว่าแต่หนูจะไปไหนแล้วจะกลับกี่โมง”
“ไปหาเพื่อนค่ะไม่ทันค่ำก็กลับแล้ว พ่อสบายใจได้ไม่เถลไถลแน่นอน”
“เพื่อน ? เท่าที่พ่อรู้เพื่อนสนิทหนูมีแค่เอ้นะ” พ่อของเอ้ก็คือเพื่อนรักของเขานั่นแหละ
“คนนี้พิเศษค่ะเพราะจะกระโดดจากเพื่อนสนิทมาเป็นพี่สะใภ้หนูด้วย” ฉันว่ายิ้ม ๆ แต่คนตรงหน้ากลับไม่ยิ้มด้วยแถมยังไม่มีท่าทีแปลกใจอีกต่างหาก “ไปก่อนนะคะจะรีบกลับค่ะ”
“ขับรถดี ๆ นะ”
“สบายใจได้หนูซิ่งแน่นอน”
“เพียงฝัน!”
“คิกคิก”
ฉันมีนัดกับเสียงเพลงค่ะ แน่นอนว่าพี่ปั้นไม่รู้เพราะฉันไม่ให้รู้แต่ก่อนจะไปหาเพื่อนสาวก็ต้องเอาของไปส่งก่อน จากบ้านฉันเข้าตัวเมืองไม่ไกลเท่าไหร่แต่ปกติไม่ค่อยได้มาทางนี้หรอกเพราะชอบเถลไถลข้ามจังหวัดมากกว่า จะหนีเที่ยวทั้งทีใครเขาอยู่แถวบ้านกันล่ะคะ
มาถึงก็เห็นบ้านสวยตามที่พ่อบอก มองเข้าไปในบ้านมีรถยนต์จอดอยู่สามคันค่ะแต่ยังไม่ทันกดโทรหาใครก็มีผู้หญิงวัยกลางคนออกมาซะก่อน
“สวัสดีค่ะคุณน้าหนูเอาของมาส่งค่ะ”
“รอเดี๋ยวนะลูก” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยพลางหันไปเรียกใครคนหนึ่งที่อยู่ในบ้าน “น่านฟ้าหนูสั่งอะไรอีก”
“คะ ? หนูเหรอ” เสียงพึมพำตอบกลับมาก่อนที่เจ้าตัวจะออกมาหยุดยืนตรงหน้าฉัน “อ๋อ...ลุงเก้าให้มาส่งใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“ของออกแบบค่ะแม่” ประโยคนี้เขาหันไปพูดกับคุณน้าค่ะ
“พ่อบอกว่าไม่คิดค่าส่งค่ะลูกค้าประจำ”
“ประจำจริง! รับของจนพี่งงหมดแล้วเพราะไม่ใช่แค่ร้านเดียว” เขาว่ายิ้ม ๆ พลางชี้มือไปยังรถยนต์คันหนึ่งซึ่งแต่งสวยมากพร็อบมาเต็ม “รถสวยต้องจอดอยู่บ้านนะแล้วเอาคันไม่สวยไปออกรบแทน”
“เข้าใจเลยค่ะพี่ชายหนูก็เป็น”
“พี่ชายเหรอ ? สงสัยจะเป็นครั้งก่อนที่มาส่งแล้วพี่ทอฝันรับแน่เลย”
“ถ้าไม่ใช่พ่อก็พี่ชายหนูแหละค่ะเพราะที่ร้านไม่ได้จ้างใครพวกเราส่งกันเอง”
“จ้า ไว้อีกสามวันมาส่งใหม่นะ”
“ได้เลยค่ะ ขอบคุณที่ใช้บริการนะคะ” เอ่ยขอบคุณและยกมือไหว้ทั้งคู่อย่างมีมารยาท
“อะไรมาส่งเหรอครับ”
“สั่งจนจำไม่ได้เลยว่างั้น”
“โธ่พี่! ก็มันมีหลายอย่าง”
ไม่ได้สนใจที่จะฟังต่อและไม่ได้หันไปมองด้วยฉันก็ขึ้นรถขับออกมาเลย นัดกับเสียงเพลงที่หน้ามหาวิทยาลัยของเธอค่ะ ก็จังหวัดใกล้ ๆ นี่แหละ
“ร้องไห้เยอะหรือไงสภาพดูไม่ได้เลย” ประโยคทักทายแสนน่ารักดังขึ้นพลางจับหน้าฉันหันซ้ายทีขวาที “อกหักใครเขาร้องไห้กันเขาเริ่มต้นใหม่กันทั้งนั้นแหละ”
“นั่นมันคำพูดของพี่ชายฉัน”
“เออนั่นแหละยืมก่อน”
“ไปไหนกันดีล่ะเรา”
“เมาไหม ไม่ต้องห่วงมีคนดูแลอย่างดี”
“บาร์โฮสต์เหรอ”
“ไปไหมล่ะ”
“น่าสนนะ”
“ฮ่า ๆ” พูดเล่นกันไปอย่างนั้นแหละค่ะ “ร้านเบเกอรี่แถวนี้แล้วกันเดี๋ยวฉันต้องไปทำรายงานต่อ”
“โอเค”
มาถึงร้านเบเกอรี่ก็สั่งนั่นสั่งนี่มากินแก้เครียดจนเสียงเพลงเริ่มเข้าประเด็น
“คิดไว้หรือยังว่าจะเอายังไงต่อ”
“เลิก”
“...”
“แต่ตอนนี้ยังรู้สึกอยู่ คิดถึงส่วนหนึ่งอยากเจอส่วนหนึ่งและเกลียดส่วนหนึ่ง” ฉันบอกออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง ถามว่ายังรักไหมตอบได้เต็มปากว่ายังรัก
“ใคร ๆ ก็รู้สึกกันทั้งนั้นแหละฉันเองก็เป็น”
“แต่เธอก็เลือกที่จะให้อภัยนี่”
“เพราะเขาเป็นแบบนั้นแต่แรกแล้วไง เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเขาก็แค่เป็นตัวเองในแบบของเขา ใจหนึ่งฉันอยากหนีไปให้ไกลด้วยซ้ำแต่ก็นั่นแหละไกลแค่ไหนก็ยังเป็นเขาอยู่ดี ... แต่ถ้าฉันเป็นเธอฉันก็คงเลิกเหมือนกัน ไม่ใช่คนคุยไม่ได้เป็นอะไรกันแต่มีอะไรกันและยังวนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันตลอด ความสัมพันธ์น่ากลัว”
พี่ปั้นก็พูดทำนองนี้ค่ะ คนคุยที่เขาตกหลุมรักก็คือเสียงเพลงตรงหน้าฉันนี่แหละ ก็จริงอย่างที่เธอพูดค่ะเพราะพี่ชายฉันโสดเก่ง คุยไปเรื่อยถ้ายังไม่ใช้คำว่าแฟนกับใครแต่ถ้าได้รักใครแล้วเขาก็รักคนเดียวนะคะ ต่างจากเรื่องราวของฉันที่เราเป็นทั้งเพื่อนรัก เป็นทั้งคนรักกันมาก่อนแล้วอยู่ ๆ ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป
“ฉันใช้วิชาแฮกเกอร์ไปสืบค้นบัญชีนั้นที่เธอส่งมาให้เรียบร้อยแล้วนะ มันถูกใช้งานมาพร้อมกับอีกบัญชีหนึ่งนั่นแหละ”
“ช่างแม่งเหอะฉันไม่อยากสนใจแล้ว”
“แล้วเอาไงต่อล่ะ ไปเรียนก็ต้องเจอกันอีก”
“แค่สองวันเองคงไม่เป็นอะไรหรอกเอ้ก็อยู่” ฉันเรียนภาคพิเศษค่ะวันเสาร์อาทิตย์ จันทร์ถึงศุกร์ทำงานแต่ว่าลาออกได้สักพักแล้วเพราะทนอยู่กับหัวหน้าที่เลือกปฏิบัติไม่ได้
“เธอนี่เป้าหมายชัดเจนดีนะ”
“เลิก ฉันเลิกจริง ๆ แต่ตอนนี้ยังปรับตัวไม่ได้คงต้องอยู่กับความรู้สึกนี้ไปก่อน แต่เชื่อสิว่าฉันต้องผ่านมันไปได้แน่”
“ผ่านมันไปให้ได้นะฉันเป็นกำลังใจให้ ถ้าไม่รู้จะไปไหนไม่รู้จะคุยกับใครก็โทรมา”
“อืม”
ทุกอย่างมีเวลาของมันค่ะ ตอนนี้ฉันยังเจ็บแต่อีกเดี๋ยวทุกอย่างคงดีขึ้นเอง