ใต้ต้นหลิวใหญ่ ริมแม่น้ำเหยินซี
หลีเฟยฮวาวันนี้มีหน้าตาแจ่มใส เมื่อคืนหญิงสาวไปค้างคืนที่บ้านของผู้เป็นตาเพราะไม่อยากกลับไปเห็นหน้าคนที่บ้าน ส่วนที่บ้านก็คิดว่าเธอนั้นคงรู้สึกอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าคนในบ้านจึงไปให้ผู้เป็นตาที่ทั้งรักและตามใจหลานสาวผู้นี้ปลอบขวัญ
หญิงสาวปูเสื่อผืนใหญ่ใต้ร่มหลิว จากนั้นจึงนำอาหารสารพัดชนิดออกมาวาง มีทั้งหมูหัน เป็ดอบน้ำผึ้ง ไก่ผัดเม็ดเกาลัด เม็ดเกาลัดคั่ว ข้าวต้ม ข้าวสวยร้อนๆ ซาลาเปาไส้ทะลัก ส่วนผลไม้และของหวานก็มีองุ่น สตรอเบอร์รี่ ส้มแมนดาริน ขนมหนวดมังกร เซาปิ่ง หญิงสาวจัดเรียงอาหารเหล่านั้นไว้บนเสื่อก่อนจะเดินออกมานั่งริมตลิ่งเพื่อรับสายลมเย็นๆ ที่โชยมาเป็นระยะๆ
“อะ…เอ่อ เฟยฮวา” เสียงนั้นฟังดูขาดความมั่นใจชอบกล ไม่สมกับเป็นจูเหวินเต๋อหนุ่มโปรไฟล์ดีแห่งหมู่บ้านหวงโปเอาซะเลย
จูเหวินเต๋อเป็นต้องตื่นตะลึงเมื่อเบื้องหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยอาหารเลิศรสมากมาย ล้วนแต่เป็นของดี หายาก ราคาแพง เขาเผลอกลืนน้ำลายดังเอื๊อก หลีเฟยฮวาที่ทันสังเกตเห็นกิริยาท่าทางนั้นก็แกล้งเสหันมองไปทางอื่น
“พี่เหวินเต๋อ เฟยอินน้องสาวฉันไม่มาด้วยหรือ แหม…น่าเสียดายจัง วันนี้ฉันมีของมามอบให้เธอด้วยสิ” พูดจบหญิงสาวก็แสร้งทำเป็นถอนหายใจอย่างเสียดาย
“ฉันมาแล้ว เอ่อ พี่ พี่เฟยฮวา มีของอะไรจะให้ฉันหรือ?” จู่ๆ หลีเฟยอินก็ปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อได้ยินว่า พี่สาวมีของจะมอบให้ อันที่จริงเธอและจูเหวินเต๋อก็เดินทางมาพร้อมๆ กันนั่นแหละ
หลีเฟยฮวาหันมาทางเสียงหวานใสนั้นพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“อ้อ เฟยอินน้องพี่ เธอมาแล้วหรือ พี่มีของจะให้ วันก่อนที่พี่เผลอทำน้ำร้อนลวกมือของเธอเพราะกระจกแท้ๆ พี่เลยเอากระจกอีกบานที่ตาของพี่สั่งทำเอาไว้มาให้ ถือว่าเป็นการขอโทษแล้วกันนะ” หญิงสาวยื่นกระจกบานเล็กๆ ฉลุลายโบราณงดงามให้กับน้องสาวต่างมารดา หลายวันก่อนหลีเฟยอินแอบย่องเข้ามาในห้องนอนของเธอเพราะอยากส่องกระจกของพี่สาว แต่ถูกหลีเฟยฮวากระชากกระจกคืนและสาดน้ำร้อนใส่มือเธอ โทษฐานที่มือบอน มาหยิบจับของของผู้อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาต
กระจกนั้นถือเป็นของสิ้นเปลืองจึงไม่ได้มีขายที่ร้านสหกรณ์ หากสาวๆ คนใดอยากได้กระจกต้องอาศัยคนที่มีเส้นสายสั่งให้โรงงานทำกระจกส่งมาให้ โดยผ่านร้านค้าสหกรณ์ของทางการ แต่ราคาก็ค่อนข้างสูง
หลีเฟยอินมีท่าทางลังเล ก่อนจะรีบรับเอากระจกบานนั้นจากมือของพี่สาว เธอไม่แม้แต่จะเอ่ยขอบคุณ แต่สิ่งที่ออกจากปากหญิงสาวกลับเป็นคำถามเหล่านี้
“พิ…พี่ พี่เฟยฮวาจะถอนหมั้นพี่เหวินเต๋อ จิ จริง จริงหรือ?” เด็กสาวมีน้ำเสียงสั่นๆ เธอทั้งอยากรู้และก็กลัวว่าพี่สาวจะหลอกเล่นเท่านั้น
หลีเฟยฮวาฉีกยิ้มกว้างก่อนที่จะจับมือของอดีตคู่หมั้นและน้องสาวต่างมารดามากุมมือกัน เล่นเอาคนทั้งคู่ตกใจจนหน้าซีด
…นี่สตรีร้ายกาจผู้นี้คิดจะทำอะไร มิใช่ว่าเธอสติวิปลาสไปแล้วหรือ
“ฉันรู้ว่าทั้งพี่เหวินเต๋อกับเฟยอินรักกันอย่างลึกซึ้งมานานแล้ว เป็นฉันที่ผิดเอง ฉันมาขวางทางรักของทั้งสองคน ตอนนี้ฉันสำนึกผิด เลยคิดจะหลีกทางให้ พี่เหวินเต๋อเป็นผู้ชายที่ดี มีหน้าที่การงานดี ส่วนเฟยอินน้องสาวของฉันนั้นก็ทั้งสวยและน่ารัก อีกทั้งยังทำงานเก่ง ขยันขันแข็ง เหมาะแก่การเป็นแม่บ้านแม่เรือน ฉันยินดีกับทั้งสองด้วย วันนี้ถือว่าเรามาฉลองกันล่วงหน้าละกันนะ ฉันเตรียมอาหารมาเยอะเลย เอ่อ พี่เหวินเต๋อกับเฟยอินกินกันไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันขอปั่นจักรยานกลับไปเอาน้ำอัดลมที่บ้านตาก่อน พอดีของมันเยอะฉันเอามาไม่หมดในคราวเดียว” พูดจบหลีเฟยฮวาก็ปล่อยมือออกจากมือที่กอบกุมกันของคนทั้งคู่ เธอโปรยยิ้มหวานให้กับคู่อริทั้งสองแล้วค่อยๆ ก้าวถอยออกมา
ทั้งจูเหวินเต๋อและหลีเฟยอินต่างพากันอึ้งงันกับสิ่งที่ได้ประสบในวันนี้ ทั้งสองแทบจะตั้งตัวไม่ทัน ยิ่งเมื่อเหลือบมาเห็นอาหารอันโอชะเสียงท้องก็เริ่มร้องจ๊อกๆ ไหนจะน้ำอัดลมที่หลีเฟยฮวาสตรีร้ายกาจผู้นั้นพูดว่ากำลังจะไปเอามาอีกล่ะ
“เอ้อ เฟยฮวา แล้ว แล้วของที่เธอว่าจะให้พี่ล่ะ?” จูเหวินเต๋อร้องถามขึ้น เขากำลังรู้สึกลิงโลด ทั้งอาหารอันโอชะที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งน้ำอัดลมที่หญิงสาวกำลังจะไปเอา แล้วไหนจะของที่เธอเคยบอกเอาไว้ว่าจะให้เขาอีกล่ะ
‘ต้องเป็นเงินแน่ๆ เงินสัก 100 หยวนสิจึงจะสมเหตุสมผลกับการที่เธอทำให้ฉันต้องเสียเวลากับเธอมาเป็นปีๆ นังปีศาจจิ้งจอกเฟยฮวา’ เขานึกกระหยิ่มในใจ
“อ้อ ฉันเกือบลืมไปค่ะ นี่ค่ะ ที่โกนหนวด ฉันเคยเห็นตาสั่งมาใช้ เลยให้ตาสั่งมาเผื่อพี่ด้วย หลายวันก่อนฉันได้ยินพี่บ่นว่าทำมีดโกนบาดก็เลยนึกเป็นห่วง ใช้ที่โกนหนวดจะสะดวกและปลอดภัยกว่า ไม่ต้องกลัวโดนมีดโกนบาดค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงชวนฟังพลางยิ้มละไมให้คนทั้งคู่ที่ทำหน้าแข็งค้างราวกับก้อนหินก่อนที่จะยื่นถุงกระดาษห่อที่โกนหนวดส่งให้จูเหวินเต๋อ
ชายหนุ่มรับมาอย่างงงๆ
…แล้วเงินล่ะ เงิน 100 หยวนน่ะ จูเหวินเต๋อคาดหวังว่าจะใช้เงินนี้เป็นค่าสินสอดแต่งงานกับหลีเฟยอินที่รัก
หลีเฟยฮวาเดินฉับๆ ตรงไปที่จักรยานของเธอที่จอดเอาไว้ใต้ต้นไม้อีกต้น หลีเฟยอินที่ได้สติก่อนรีบร้องตะโกนถาม
“เงินล่ะ พี่เฟยฮวา ฉันนึกว่าพี่จะให้เงินพี่เหวินเต๋อสัก 100 หยวนซะอีก” น้ำเสียงของหญิงสาวนั้นกระด้างขึ้นมา หลีเฟยอินมองตามพี่สาวที่รีบร้อนปั่นจักรยานออกไปด้วยความขัดเคือง พวกเขาคุยกันว่าหากหลีเฟยฮวานั้นมอบเงินให้จูเหวินเต๋อ 100 หยวน พวกเขาจะใช้เงินนี้ในการจัดงานแต่งงาน โดย 50 หยวนนั้นเป็นค่าสินสอด อีก 50 หยวนนั้นจะจัดเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านอย่างยิ่งใหญ่ ให้ร่ำลือไปทั่วทั้งเขตเลย
“เงินอะไร?เดี๋ยวพี่กลับมาค่อยคุยกัน พวกเธอกินไปก่อน” หลีเฟยฮวาทำทีร้องตอบในขณะที่ปั่นจักรยานออกไปไกลแล้ว
คล้อยหลังหลีเฟยฮวาทั้งคู่ก็ลงมือกินอาหารอย่างบ้าคลั่ง ที่เรียกว่าอย่างบ้าคลั่งนั้นเพราะพวกเขาไม่เคยเจออาหารดีๆ เช่นนี้มาก่อน ทุกอย่างล้วนเป็นของดีและมีราคาแพง คนทั้งสองกินอย่างตะกละตะกลาม พวกเขาลืมความขัดเคืองใจเรื่องเงิน 100 หยวนไปชั่วขณะ เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอาหารทุกอย่างก็หมดเกลี้ยง
หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที คนทั้งคู่ก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ มันคือ…ความปรารถนาที่ลึกซึ้ง รุนแรง และเร่าร้อน
…ใช่แล้ว ในอาหารนั่นมียาปลุกกำหนัดชนิดรุนแรง สองหนุ่มสาวที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อกันอยู่ก่อนแล้วจึงไม่อาจต้านทานความปรารถนาอันรุนแรงและสัญชาติญาณอันดิบเถื่อนได้ พวกเขาจัดการเสพสมกันใต้ต้นหลิวแห่งนั้นอย่างเร่าร้อนและดุเดือด ในหัวของทั้งคู่นั้นขาวโพลน พวกเขาลืมไปเสียสิ้นว่าที่แห่งนี้คือที่ใดและจะมีผู้ใดเดินผ่านมาเห็นหรือไม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งคู่ที่แอบลักลอบคบหากันนั้นเคยแอบได้เสียกันมาก่อนก็หลายครั้ง เพราะความปรารถนาทางเพศในวัยหนุ่มสาวนั้นมันไม่อาจหักห้ามใจได้ แต่พวกเขานั้นเพียงแต่แอบกระทำกันอย่างลับๆ ไม่ทำในที่แจ้งซึ่งเสี่ยงต่อการมีคนมาพบเห็นเช่นนี้ แต่ครั้งนี้เพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดทำให้ทั้งคู่มิอาจรอได้อีกแม้เพียงเสี้ยววินาที พวกเขาต้องการปลดปล่อยอารมณ์กำหนัดที่นี่และเดี๋ยวนี้
“กรี๊ด!ตายๆๆๆ นี่มันอะไรกัน” เสียงของสตรีปากมากแห่งหมู่บ้านหวงโปอย่างเถิงลู่เหลียนดังขึ้นราวกับโทรโข่ง และในอีกไม่กี่วินาทีต่อมาชาวบ้านชายหญิงนับสิบซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนต่างพากันวิ่งกรูกันเข้ามารุมล้อมดูกิจกรรมเข้าจังหวะมันส์ๆ ของร่างเปลือยเปล่าทั้งสอง
“โอ้โห!”
“ว๊าย!บัดสีบัดเถลิง” สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งกรีดร้องก่นด่า พลางทำทีเอามือปิดหน้า แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็รีบเปิดออก
“นะ…นี่… ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นของดีกลางวันแสกๆ โอ้ว”
“เฮ๊ย!นี่มัน…เหวินเต๋อกับเฟยอินนี่นา”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน อะ…เอ่อ…ดูพวกเขามีความสุขกันเหลือเกิน อ๊า”
ชาวบ้านนับสิบต่างส่งเสียงวิภาควิจารณ์พร้อมกับส่งเสียงเชียร์คล้ายๆ เชียร์กีฬา ยิ่งเมื่อเห็นสีหน้าเหยเกและเสียงร้องครวญครางของคนทั้งสองพวกเขายิ่งสนุกใหญ่ เป็นเวลาร่วมครึ่งชั่วโมงกว่าที่คนสำคัญจะมาถึง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เฟยอิน ทำไมถึงทำตัวหยำฉ่าอย่างนี้ ฮื่ย!” หลีเฉิงเซ่อให้รู้สึกเดือดดาลจนเลือดกำเดาไหล ลูกสาวคนนี้เป็นดั่งไข่มุกในอุ้งมือ เขาหวังให้เธอมีชีวิตแต่งงานที่ดี แล้วเหตุใดบุตรสาวของเขาจึงทำตัวเหลวแหลกเช่นนี้ หากอยากกินทำไมไม่พากันไปกินในที่ลับ มากินกันในที่แจ้งให้ผู้คนนินทาได้อย่างไร เรื่องของลูกสาวคนรองนี้มันยิ่งร้ายแรงและเลวร้ายกว่าเรื่องฉาวโฉ่ของลูกสาวคนโตซะอีก
“เฟยอิน นี่มันอะไรกัน แล้วทำไม…” ผู้เป็นแม่หน้าซีดเผือด ยิ่งมาเห็นชาวบ้านส่งเสียงเชียร์ภาพกีฬามันส์ๆ เสียงดังตลอดเวลาเจิ้งเสี่ยวหลิงก็ลมแทบจับ เธออยากจับลูกสาวมาตีนัก คนมาดูเยอะกันขนาดนี้และยังมีคนทยอยมาอีกเรื่อยๆ เหตุใดจึงยังคงพากันนอนในท่าอนาจารเช่นนี้
“แม่ ช่วยฉันด้วย มันออกไม่ได้ มันติด ฮือๆๆๆ”
“เธออย่าเกร็งสิ พี่จะพยายามเอาออก เธอก็รัดพี่ไว้” จูเหวินเต๋อเหงื่อกาฬไหลทั่วตัว ชายหนุ่มพยายามที่จะดึงเจ้ามังกรผงาดของเขาออกมาจากถ้ำสวรรค์ของหญิงคนรัก แต่กลายเป็นว่าเจ้ามังกรนั้นมันไม่ยอมออกมา มันติดอยู่ในนั้นเพราะปากถ้ำจู่ๆ ก็รัดแน่น แน่นซะจนเขาเองก็ทั้งอึดอัดและแทบหายใจไม่ออก
เจิ้งเสี่ยวหลิงเห็นท่าไม่ดีรีบถอดเสื้อแขนยาวที่ตนเองสวมมาคลุมบริเวณล่อแหลมนั้นให้ทั้งคู่ ก่อนจะหันไปตวาดแว้ดใส่ชาวบ้านที่ยืนเชียร์ส่งกำลังใจให้
“มองอะไรกัน ไม่เคยเห็นคน…” นางเจิ้งเสี่ยวหลิงชะงักงันก่อนที่จะหลุดปากพูดออกไป นางเกือบพูดไปว่า ‘ไม่เคยเห็นคนเอากันหรือไง’
ชาวบ้านส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
“แบบนี้ฉันไม่เคยเห็นจริงๆ แบบกลางวันแสกๆ เห็นแบบจะๆ เอากันโต้งๆ แบบนี้ บอกเลยว่าตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเห็น อิอิ”
“ฉันก็ด้วยจ้ะ แหม…วันนี้ต้องขอบใจลูกสาวเธอนะเสี่ยวหลิง ของดีๆ แบบนี้เห็นแล้วมีความสุข สนุกดี ฮ่าๆๆๆ”
“แบบนี้เรียกว่าผิดผีหรือไม่ แต่ฉันว่าแบบนี้ผีคงกลัวจนไม่กล้าต่อว่าอะไรละมั้ง ฮ่าๆๆๆ”
ชาวบ้านต่างพากันล้อเลียนสองหนุ่มสาวคู่ฉาวคู่ใหม่อย่างสนุกปาก เรื่องนี้พนันได้เลยว่าข่าวเรื่องคาวๆ ฉาวโฉ่พันธุ์นี้คงดังข้ามเขตข้ามมณฑลเลยละ