หลีเฟยฮวาที่ยืนแอบอยู่หลังตู้เบิกตาโพลง ใบหน้าสวยแฉล้มของเธอแข็งเกร็งด้วยความตกใจ
‘นะ…นี่ ที่แม่ตาย เพราะพ่อรวมหัวกับนังผู้หญิงชั่วคนนี้วางยาฆ่าแม่หรอกรึ?’ หญิงสาวตัวสั่นเทิ้ม น้ำตาไหลรินเป็นสาย เธอค่อยๆ ย่องออกไปทางหลังบ้านโดยที่ 3 แม่ลูกนั้นไม่ทันเห็น
ขณะที่หญิงสาวกำลังขี่จักรยานเพื่อจะไปที่บ้านของผู้เป็นตานั้นเธอก็สังเกตเห็นชาวบ้านกลุ่มใหญ่กำลังสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ และเมื่อพวกเขาเห็นเธอปั่นจักรยานผ่านมาต่างก็พากันกระซิบกระซาบพลางบุ้ยใบ้มาทางเธอ บ้างก็หัวเราะคิก แต่หลีเฟยฮวาไม่ได้สนใจอะไร เธอรู้อยู่แล้วว่าชาวบ้านพวกนี้กำลังคุยกันเรื่องอะไร ก็เรื่องอะไรล่ะที่เป็นเรื่องสนุกของผู้คนในหมู่บ้านนี้น่ะ ต้องยอมรับนะว่าความบันเทิง อย่างเช่น งิ้ว หรือการแสดงต่างๆ นั้นยังไม่แพร่หลายและยังเข้าไม่ถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ความสนุกความบันเทิงของผู้คนในชนบทก็คือ ‘การนินทา’
ที่บ้านของเจินโหย่วอี้
หลีเฟยฮวาสังเกตเห็นว่ามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกับตาของเธออยู่ด้วยสีหน้าจริงจัง ตาของเธอนั้นมีสีหน้าคร่ำเคร่ง เมื่อกลุ่มคนเหล่านั้นเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นหลานสาวของเจ้าของบ้านผู้ซึ่งกำลังมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ เอ๊ย…โด่งดัง ในเวลานี้ก็รีบขอตัวแยกออกไป
“ตาคะ” หลีเฟยฮวาแสร้งทำหน้าสำนึกผิด เธอรู้อยู่แล้วว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ และตาของเธอก็คงจะสะเทือนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อย ไหนจะเรื่องอนาคตของหลานสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจอีก หากต้องออกเรือนแต่งงานกับหนุ่มยุวปัญญาชนผู้นั้นเห็นทีว่าชีวิตนี้ของเธอคงตกต่ำเป็นแน่ เพราะพวกยุวปัญญาชนเหล่านั้นลำพังตัวเองก็แทบจะเอาไม่รอด
“หลานตา” เจินโหย่วอี้เอ่ยได้เพียงเท่านี้ก็รู้สึกว่าลำคอของตนนั้นตีบตันไปหมด
“ตาคะ เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่พวกชาวบ้านนินทาว่าร้ายฉันนะคะ พอดีฉันกับชาวบ้านช่วยผู้ชายคนนั้นขึ้นมาจากน้ำ เขาหมดสติไป ฉันเลยช่วยชีวิตด้วยการผายปอดแบบที่ตาสอนน่ะค่ะ ตอนนั้นฉันเพียงแต่คิดว่าการช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องผลกระทบที่จะตามมา” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ท่าทางไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร จนทำให้ผู้เป็นตาแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของหลานสาว หากเป็นเมื่อก่อนเมื่อเจอปัญหาหลีเฟยฮวาเป็นต้องลนลานและร้อนรน
“แต่…เรื่องกฎของหมู่บ้าน เอ่อ หลานต้องการให้ตาทำอะไรให้ก็บอก” เจินโหย่วอี้นั้นรักหลานสาวมาก หากหลานสาวไม่ต้องการแต่งงานตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของหมู่บ้าน เขาก็จะออกหน้าช่วย แม้ว่าจะถูกชาวบ้านติฉินก็ตาม
หญิงสาวส่ายหน้ายิ้มๆ
“ไม่เป็นไรค่ะตา ธรรมเนียมของหมู่บ้านเป็นอย่างไร ฉันยินดีปฏิบัติตามนั้น เพื่อไม่ให้ผีปู่ย่าตายายโกรธเคืองเอา อีกอย่าง ผู้ชายคนนั้น เอ่อ เขาชื่อ เซิ่นลี่หมิงค่ะ อายุ 20 ปี ฉันเห็นว่าเขาเองก็เป็นคนดี หน้าตาท่าทางดูดี คงไม่ทำให้ตาเสียหน้าหรอกค่ะ ถ้าเขายินดีแต่งกับฉันตามธรรมเนียมของพวกเรา” หลีเฟยฮวาพูดด้วยเสียงเรียบเรื่อย ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม
“เรื่องยินดีไม่ยินดีน่ะ เขาไม่มีสิทธิปฏิเสธอยู่แล้ว ตราบใดที่เขายังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่ละแวกนี้ แต่ว่า…เรื่องของเหวินเต๋อล่ะ หลานจะว่าอย่างไร หลานทำใจได้หรือ?” นี่คือสิ่งที่ผู้เป็นตาเป็นห่วงที่สุด เจินโหย่วอี้รู้ดีมาตลอดว่าหลานสาวคนเดียวของเขานั้นหลงรักคู่หมั้นหนุ่มคนนี้มาก ถึงขั้นว่าคลั่งรักเลยก็ว่าได้
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ท่าทางดูผ่อนคลายจนผู้เป็นตาเห็นว่าผิดสังเกต
“ตาคะ จูเหวินเต๋อไม่ใช่คนดีอะไร พอฉันลองศึกษานิสัยใจคอเขาดูแล้วก็รู้ได้ว่าต่อให้โลกนี้มีเขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวฉันก็พร้อมที่จะอยู่เป็นโสดค่ะ ฉันไม่มีวันแต่งงานกับเขาหรอกค่ะ ฉันรู้ว่าถ้าฉันแต่งงานกับเขาชีวิตฉันคงไม่มีความสุข คงเหมือนตกนรกไปตลอดชาติ”
เจินโหย่วอี้ถึงกับตกตะลึง
“นะ…นี่ นี่หลานหมายความอย่างนั้นจริงๆ หรือ?” ตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้เป็นตานั้นก็ทำทีเป็นหลับตาหนึ่งข้าง เพราะเห็นว่าหลานสาวนั้นคลั่งรักหนุ่มคู่หมั้นมาก เขาอยากให้ความรักของเธอสมหวัง อยากให้เธอมีชีวิตที่มีความสุขทั้งๆ ที่เขาก็มองออกมาตลอดว่าจูเหวินเต๋อไม่ได้รักใคร่ใยดีในตัวหลานสาวของเขานักหรอก ชายหนุ่มทำเพียงเพื่อผลประโยชน์ทับซ้อนมากมายก็เท่านั้น เขาไม่ได้มีความจริงใจกับหลีเฟยฮวาเลย
ผู้เป็นตาแอบรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ ที่วันนี้หลานสาวคิดได้ เขาไม่อยากให้หลานสาวเดินซ้ำรอยกับบุตรสาว เจินหนิงหลินแม่ของหลีเฟยฮวานั้นตกหลุมรักหลีเฉิงเซ่อซึ่งเป็นหนุ่มหล่อประจำหมู่บ้านอย่างหัวปักหัวปำ เรียกว่าคลั่งรักหนักมาก เธอจึงใช้ทุกวิธีที่จะได้เขามาครอบครอง สุดท้ายก็มีแต่ความชอกช้ำใจเพราะผู้เป็นสามีนั้นมีหญิงอื่นในใจอยู่ตลอดเวลา
“ตาคะ หนูคิดอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ หนูดีใจที่จะได้หลุดพ้นจากผู้ชายเลวๆ ที่เห็นแก่ตัวอย่างจูเหวินเต๋อเสียที อ้อ ตาคะ ส่วนเรื่องเซิ่นลี่หมิงตาไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานสถานการณ์ของประเทศต้องดีขึ้น ประเทศเราจะเจริญขึ้นและเมื่อนั้นคนที่มีปัญญามีความรู้จะได้เปรียบค่ะ”
ผู้เป็นตาได้แต่พยักหน้าเออออ เขายังตั้งตัวไม่ทันในหลายๆ อย่าง อย่างแรกคือการที่หลานสาวคนงามผู้คลั่งรักนั้นตัดอกตัดใจจากคู่หมั้นหนุ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างที่สองคือเรื่องของสถานการณ์ในอนาคตของประเทศที่หญิงสาวคาดเดาว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น เพราะแม้แต่ตัวเขาที่เป็นถึงผู้นำหมู่บ้านยังมองไม่ออก และอย่างที่สามก็คืออารมณ์และกิริยาท่าทางของหลานสาวในวันนี้ เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีหลักคิด มีเหตุมีผล แตกต่างจากหลานสาวคนเก่าอย่างเห็นได้ชัด
ที่บ้านของจูเหวินเต๋อ
เวลานั้นชายหนุ่มกำลังคุยกับผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ครั้นเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร แม่ของเขาก็ค่อยๆ ถอยห่างออกไป ปล่อยให้ลูกชายได้พูดคุยตกลงกับคู่หมั้นตัวแสบผู้มีข่าวคาวแพร่สะพัดในเวลานี้ได้อย่างสะดวก
“พี่เหวินเต๋อ” หญิงสาวเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน ใบหน้าของเธอยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มเฉกเช่นทุกครา
ชายหนุ่มถอนหายใจแรงพลางส่ายหน้าพร้อมๆ กับสบถเบาๆ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร เธอทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือไม่เฟยฮวา แล้วอย่างนี้จะให้พี่แต่งงานกับผู้หญิงที่มีมลทินได้อย่างไร รู้ไปถึงไหนก็อายไปถึงนั่น พี่คงต้องไปหาปี๊บสักใบมาคลุมหัวแล้ว” เขารู้สึกไม่สบอารมณ์นัก ถึงแม้จะรู้ว่าการกระทำของหลีเฟยฮวาถือเป็นการทำผิดผี และเขาสามารถใช้เป็นข้ออ้างในการเฉดหัวเธอให้ออกไปจากชีวิตของเขาได้
…แต่ลึกๆ แล้วเขาก็นึกเสียดาย เสียดายข้าวของเงินทองและเส้นสายที่หญิงสาวผู้นี้มีน่ะสิ
หลีเฟยฮวาฉีกยิ้มกว้าง ท่าทีไม่ยินดียินร้ายของเธอทำให้คู่หมั้นหนุ่มยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
“พี่เหวินเต๋อไม่ต้องกังวล การกระทำของฉัน ฉันจะรับผิดชอบเอง ฉันรู้ตัวดีว่าฉันทำสิ่งใดและผลกระทบของมันจะเป็นอย่างไร แต่จะให้ฉันยอมปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าต่อตาฉันไม่ได้หรอก” เธอพูดเรียบเรื่อย ท่าทางไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับสิ่งใด
‘แต่ฉันยอมที่จะปล่อยคู่หมั้นเฮงซวยอย่างพี่ไปจ้ะ เพราะไม่เช่นนั้นชีวิตใหม่ของฉันนี้ก็คงจะเฮงซวยไม่ต่างจากชีวิตเดิมในชาติภพก่อน’ เธอนึกในใจพลางยิ้มกริ่ม
“ธะ…เธอ เธอหมายความว่าอย่างไร ?แล้ววันนี้เธอก็ไม่ได้เอาข้าวกลางวันไปส่งให้พี่ เธอไม่เคยเหลวไหลอย่างนี้มาก่อน รู้ไหมว่าวันนี้พี่กินอะไร พี่ขอแบ่งหมั่นโถวลูกเล็กๆ รสชาติแสนจืดชืดจากสหายที่ทำงานมาลูกหนึ่ง แต่ก็ต้องทนกินเพราะเดี๋ยวจะไม่มีแรงทำงาน” จูเหวินเต๋อต่อว่าอย่างเดือดดาล ตอนนี้ใบหน้าของเขายับย่นจนแทบดูไม่ได้ ผู้หญิงร้ายกาจคนนี้ทำเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน วันก่อนก็แกล้งทำน้ำร้อนลวกหลีเฟยอินคนรักของเขาจนเธอต้องร้องห่มร้องไห้มาให้เขาปลอบประโลม พอมาวันนี้ก็สร้างเรื่องฉาวโฉ่ ทำตัวเป็นผู้หญิงหยำฉ่า และที่ให้อภัยไม่ได้คือไม่เอาอาหารกลางวันไปส่งเขาเหมือนเช่นเคย
หลีเฟยฮวาแสร้งทำหน้าตกใจ แต่เพียงเสี้ยววินาทีเธอก็เปลี่ยนมาเป็นหัวเราะร่วน
“พี่เหวินเต๋อ อันที่จริงน่ะ หน้าที่ส่งข้าวส่งน้ำ มันไม่ใช่หน้าที่ของคู่หมั้นอย่างฉันสักหน่อย พี่ลองคิดดูสิ ค่าอาหารนั้นก็เป็นเงินของฉันที่ซื้อหามา แล้วยังต้องเหนื่อยมาทำอาหารอีก เฮ้อ แล้วยังต้องปั่นจักรยานเข้าไปในเขตอีกอาทิตย์ละ 5 วัน ฉันรู้สึกเหนื่อยและเบื่อแล้วล่ะค่ะ อันที่จริงพี่ก็ควรที่จะควักเงินหาซื้ออาหารมื้อกลางวันกินเองบ้าง ไม่ใช่ว่ารอแต่ฉัน ฉันไม่ได้โง่นะคะ ฉันรู้ว่าอันที่จริงที่พี่หมั้นกับฉันน่ะเพราะความจำใจ จริงๆ พี่น่ะไม่ได้รักใคร่ชอบพอฉันหรอกค่ะ คนที่พี่รักน่ะคือน้องสาวของฉันต่างหาก ฉันต้องขอโทษพี่ด้วยที่ฉันและตาของฉันนั้นบีบบังคับพี่มากเกินไป พี่คงทั้งโกรธและเกลียดฉัน แต่ตอนนี้ฉันกลับตัวกลับใจได้แล้วค่ะ ฉันยินดีที่จะปล่อยพี่ไปมีความสุขกับน้องสาวที่รักของฉัน ฉันจะไม่ขวางทางรักของพี่กับเฟยอินอีก อ้อ… แล้วเรื่องของหมั้นน่ะ เห็นจะไม่ต้องคืนกระมัง เพราะมันไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว กำไลหยกที่พี่สวมให้ฉันวันหมั้นก็คือกำไลซึ่งเป็นมรดกตกทอดของแม่ฉันนั่นเอง จริงหรือไม่คะ” หลีเฟยฮวาพูดเรียบเรื่อย ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ท่าทางดูมีความสุขกว่าทุกวัน
จูเหวินเต๋อนัยน์ตาลุกวาว เขาทั้งสับสน ตกใจ แปลกใจและไม่เข้าใจ ความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามาในหัว
…นี่หลีเฟยฮวาประกาศถอนหมั้นเขาหรือ นี่สตรีตัวร้ายคนนี้ที่เคยคลั่งรักเขาอย่างเอาเป็นเอาตายต้องการถอนหมั้นอย่างนั้นหรือ ใบหน้าของจูเหวินเต๋อแข็งเกร็งด้วยความตกใจ
“นะ…นี่ นี่เธอพูดเรื่องอะไรรู้ตัวหรือเปล่า เธอบ้าไปแล้วเหรอ เธอเสียสติไปแล้ว อยู่ดีๆ ก็จะมาถอนหมั้นพี่ ลืมไปแล้วหรือที่เธอเคยบอกว่ารักพี่สุดหัวใจ” น้ำเสียงของชายหนุ่มสั่นเครือ เวลานี้เขาควรจะดีใจที่สลัดผู้หญิงแสนร้ายกาจอย่างหลีเฟยฮวาออกไปจากชีวิตได้ แต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกราวกับว่าฟ้าถล่มดินทลายอย่างนั้นล่ะ
…ตำแหน่งหน้าที่การงานล่ะ เขาคาดหวังให้ตาของหลีเฟยฮวาใช้เส้นสายผลักดันให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นหัวหน้างาน ถึงตอนนั้นเขาก็จะได้รับเงินเดือนเพิ่มเป็น 50 หยวน
…เงินทองที่เขาและแม่ต้องการหยิบยืมตาของหญิงสาวมาสร้างบ้านใหม่อีกล่ะ นี่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอยืมเลยเธอก็มาบอกถอนหมั้นซะแล้ว แล้วไหนจะข้าวของเครื่องใช้และอาหารเลิศรสที่ชาวบ้านทั่วๆ ไปไม่ค่อยได้กินที่หลีเฟยฮวานั้นเทียวนำมาส่งเสบียงให้เขาและแม่อีกล่ะ
คิดๆ แล้วมันน่าเสียดายชะมัด
“แหม พี่เหวินเต๋อ อย่าโวยวายไปสิ เราน่ะก็รู้ๆ กันอยู่ พี่ไม่เคยรักฉัน แค่เพียงหลอกใช้เท่านั้น ส่วนฉัน เอ้อ ที่เคยคิดว่ารักพี่หัวปักหัวปำนั้นก็อาจเป็นเพราะว่าเข้าใจผิดคิดไปเอง เพราะยังไม่รู้จักโต แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันโตพอที่จะมองอะไรๆ ออกแล้ว ฉันไม่อยากบังคับฝืนใจพี่ ไม่อยากขวางทางรักของพี่กับน้องสาวของฉัน และที่สำคัญคือตอนนี้ฉันกลายเป็นผู้หญิงมีมลทิน กลายเป็นผู้หญิงหยำฉ่า มีแต่เรื่องราวฉาวโฉ่ ฉันไม่อยากดึงพี่มาแปดเปื้อนน่ะค่ะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เพราะฉันทำให้พี่เสียเวลา และทำให้น้องสาวของฉันอย่างเฟยอินต้องทุกข์ตรมมานาน ฉันเลยคิดว่าจะชดเชยให้พี่กับน้องสาว ฉันมีของจะให้ค่ะ เช่นนั้นวันพรุ่งนี้พี่หยุดงานพอดี ตอนสายๆ สัก 9 โมง เราไปเจอกันที่ใต้ต้นหลิวใหญ่ริมแม่น้ำก็แล้วกันนะคะ อ้อ ถ้าเฟยอินว่างฉันก็อยากให้มากับพี่ด้วยนะ ฉันกับน้องจะได้พูดจาปรับความเข้าใจกัน และฉันก็มีของมอบให้เธอด้วย ฉันไปล่ะค่ะพี่เหวินเต๋อ วันนี้ฉันจะไปนอนที่บ้านตา” พูดจบหญิงสาวก็ปั่นจักรยานของเธอออกไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง เล่นเอาอดีตคู่หมั้นหนุ่มผู้เคยทะนงตนว่าสามารถกุมหัวใจของสตรีร้ายกาจผู้นั้นได้อยู่หมัดได้แต่มองตามตาปริบๆ
…นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?