“เขาดีลงานกันก็คงสนิทกัน แต่เรื่องติดรถกันไปปันไม่รู้เรื่องเลย พี่หนึ่งไม่เคยคุยให้ฟัง ตั้งแต่ที่คุณพ่อป่วย ปันก็ไม่ค่อยได้คุยกับพี่หนึ่งด้วย”
สปันเพิ่งรู้สึกว่าจอมพลไม่ได้โทร.หาเลย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอโหยหาจนอยากโทร.ไป ผิดกับคู่รักคู่อื่นที่เธอเคยได้ยินว่าพวกเขามักจะคิดถึงกันจนต้องโทร.หากันวันละสองสามครั้ง
“แต่อุ่นได้ยินข่าวเม้าธ์มานะว่าสองคนนี้แอบไปกินข้าวดูหนังด้วยกันมาแล้ว มีคนที่บริษัทเราเห็นด้วยนะ” ไหนๆ พูดแล้ว กุลสตรีก็ไม่คิดเก็บสิ่งที่ได้ยินมาไว้อีก เธอไม่อยากให้เพื่อนรักถูกหลอก เพราะสปันเป็นเพื่อนที่เธอรักมาก
“ไว้ปันจะถามพี่หนึ่ง แต่ตอนนี้ปันห่วงคุณพ่อ อยากให้ท่านหายไวๆ มากกว่า”
“อุ่นไม่น่าเล่าเรื่องพี่หนึ่งให้ปันฟังเลย ปันมีเรื่องคิดมากหลายเรื่องแล้ว อุ่นขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก อุ่นเล่าให้ปันฟังก็ดี ถ้าเกิดอะไรขึ้นปันจะได้ไม่ตกใจมาก อีกอย่างปันรู้ว่าอุ่นหวังดีกับปัน”
ตอนที่แยกกับกุลสตรี สปันก็คิดว่าอยากจะโทร.หาจอมพล แต่ว่าเขาต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายโทร.มาถามว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างในเวลาเช่นนี้ จากที่คิดจะโทร.หาเขาเลยเปลี่ยนเป็นโทร.ไปถามมารดาว่ามื้อเย็นท่านต้องการกินอะไร เธอจะได้ซื้อขึ้นไปเลย สปันตั้งใจว่าจะซื้อเผื่อน้องชายที่อีกเดี๋ยวก็มาถึงแล้ว
................................................................................................
สปันเดินดูร้านขายอาหารที่ตั้งเรียงรายอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาล แม้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้จะหรูหรา แต่ว่าก็ยังมีร้านอาหารราคาประหยัดตั้งขายอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้าม มารดาบอกว่าอยากกินโจ๊ก ส่วนน้องชายนั้นเธอตั้งใจว่าจะซื้อกะเพราหมูกรอบของโปรดไปให้ ส่วนเธอนั้นยังคิดไม่ออกเลยว่าจะกินอะไรดี
สปันหยุดยืนที่หน้าร้านขายข้าวมันไก่ ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีก็กินข้าวมันไก่แล้วกัน ระหว่างที่เธอสั่งอยู่นั้น ก็ไม่ทันได้สังเกตคนที่นั่งกินข้าวมันไก่อยู่ตรงโต๊ะที่เขาจัดไว้สองสามโต๊ะว่าพวกเขากำลังเพ่งมองไปที่รถคันหนึ่ง
รถเฟอร์รารี่สีแดงสดชะลอจอดตรงฟุตปาธ ก่อนที่เจ้าของจะก้าวลงมา เรียกสายตาของคนที่อยู่ตรงนั้นให้ลอบมอง เพราะคิดว่าดาราหรือนายแบบที่ไหนมาเดิน
ขณะที่สปันสั่งอาหารอย่างตั้งอกตั้งใจ กระทั่งรู้สึกว่าข้างกายมีชายหนุ่มคนหนึ่งมายืนข้างๆ กลิ่นน้ำหอมแบบบุรุษลอยเข้าจมูก อีกทั้งรู้สึกว่าเหมือนถูกมองเลยแหงนหน้าขึ้นไป
“เจ๊ครับ ข้าวมันไก่ทอดหนึ่งห่อกลับบ้าน” เสียงทุ้มบอกกับคนขาย
“ได้จ้ะพ่อรูปหล่อ แต่ว่าต่อคิวหนูคนสวยนะจ๊ะ” เจ๊ที่ขายมิวายแอ๊วลูกค้าหนุ่มหล่อ
“ครับ” คนตัวสูงตอบแม่ค้าที่แอ๊วมา แล้วหันไปยิ้มให้คนสวย “สวัสดีครับ บังเอิญจังเลยนะครับที่ได้เจอกันอีก”
สปันกะพริบตาปริบๆ หล่อระดับนี้เธอจำได้อยู่แล้ว แต่ว่าเขาชื่ออะไรนะ ระหว่างที่สปันนึก คนตัวสูงก็เหมือนจะรู้ เขาเลยพูดขึ้น
“ผมณัฐเศรษฐ์ เรียกผมว่าณัฐเฉยๆ ก็ได้ครับ”
สปันเลยยิ้มเจื่อนให้เขา วันนั้นที่เขาบอกชื่อ เธอไม่ได้จำจริงๆ เพราะห่วงเรื่องของบิดาอยู่
“กินคนเดียวหมดหรือครับ” เขาทักพร้อมกับก้มมองของที่หญิงสาวถือไว้เต็มมือ “ให้ผมช่วยถือให้ไหมครับ”
เขายื่นมือมาแต่สปันรีบส่ายหน้า ขยับมือหนี “ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณมาก”
“ตกลงว่ากินคนเดียวหมดนี่จริงหรือครับ ตัวเล็กแต่กินจุจัง” เขาอยากรู้ว่าเธออยู่คนเดียวหรือว่าอยู่กับใคร มันเป็นคำถามที่ได้ประโยชน์และอีกฝ่ายก็คงไม่ทันสงสัย
“ไม่ใช่ค่ะ ปันไม่ได้กินคนเดียวหมดนี่ ปันซื้อไปให้คุณแม่กับน้องชายกินค่ะ”
ณัฐเศรษฐ์ยิ้มเป็นเส้นตรง “ซื้อให้คุณแม่กับน้องชาย” เขายิ้มพอใจ
“ทำไมหรือคะ” สปันเลิกคิ้วถาม
“คุณพ่ออาการดีขึ้นหรือยังครับ” เขาเปลี่ยนเรื่อง หลังจากที่ได้คำตอบที่ต้องการแล้ว
“คุณทราบได้ยังไงคะ”
สปันเริ่มใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ แววตาเปิดเผยความในใจบางอย่างทำให้แก้มนวลร้อนผ่าวจนสปันต้องเรียกสติตัวเอง ขณะที่ณัฐเศรษฐ์ยิ้มดวงตาเป็นประกายแวววาว เขายังไม่ทันลงมือจีบจริงจังสปันก็มีท่าทางประหม่าให้เห็นแล้ว โชคดีจริงๆ ที่เขาจะขับรถกลับบ้านแต่เห็นสปันเข้าเสียก่อน
“ผมขอโทษที่ต้องบอกว่าผมถามจากหมอก้องมาน่ะครับว่าคุณสปันไปทำอะไรที่โรงพยาบาล อย่าโกรธหมอก้องนะครับ เพราะผมเป็นคนบังคับเอาคำตอบมาเอง”
“คุณณัฐอยากทราบเรื่องปันทำไมคะ”
สปันหลุบตาลงอย่างครุ่นคิด หรือเขาคิดว่าเธอกับหมอก้องชอบกัน เลยสืบเรื่องของเธอ วันนั้นเธอเห็นเขากุมมืออชิรวิทย์ไว้พอดี
“คุณณัฐไม่ต้องกลัวว่าปันจะสนิทกับหมอก้องมากนะคะ ปันกับหมอก้องเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ เราเป็นคนบ้านเดียวกัน เรียนมัธยมมาด้วยกัน เพิ่งมาแยกกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย”
ณัฐเศรษฐ์เลิกคิ้วสูง พยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของสปัน
“คุณสปันกำลังคิดอะไรอยู่ครับ”
สปันยิ้ม ตอนนี้เธอหายห่วงแล้ว ที่แท้เขาชอบพอกับอชิรวิทย์นี่เอง และคงหวงแฟนจนเข้าใจเธอผิด สปันไม่อยากให้คนรักกันเข้าใจผิดกันเลยรีบอธิบาย
“ปันรู้ค่ะว่าคุณณัฐกับหมอก้องเป็นอะไรกัน ปันเข้าใจ ต่อไปคุณณัฐไม่ต้องเรียกปันว่าคุณสปันนะคะ ฟังดูแปลกๆ เรียกปันเฉยๆ ก็พอค่ะ”
“ผมว่าสิ่งที่ปันเข้าใจกับที่ผมเข้าใจต้องไม่ตรงกันแล้วละครับ”
สปันยังไม่ทันถามต่อว่าเธอเข้าใจอะไรผิด เสียงของเจ๊เจ้าของร้านก็ดังขึ้นเสียก่อน “ข้าวมันไก่ได้แล้วจ้ะ”
“ค่ะเจ๊” สปันหันไปตอบ พร้อมกับยื่นเงินให้พอดี “คุณณัฐคะ ปันต้องไปก่อนนะคะ ไว้พบกันใหม่”
สปันตั้งท่าจะเดินจากไป ณัฐเศรษฐ์ก็รีบเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อนครับปัน”
“คะ”
“ได้รับดอกไม้แล้วใช่ไหมครับ”
สปันกะพริบตาปริบใส่เขาก่อนจะถามออกไป “ของคุณณัฐหรือคะ”
“ใช่ครับ ดอกไม้ของผมเอง ผมเป็นคนส่งไปเยี่ยมไข้คุณพ่อของปัน” ณัฐเศรษฐ์บอก แล้วขยับเท้าเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยืนนิ่ง แววตาฉายความประหลาดใจ
“คุณแม่ก็บอกว่าเจ้าของดอกไม้ชื่อณัฐเศรษฐ์ แต่ปันไม่คิดว่าจะเป็นคุณณัฐส่งมา”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”
“คือเราไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ปันเลยนึกไม่ถึง”
“แต่ก็ยังดีนะครับที่ยอมรับดอกไม้ไว้”
“ค่ะ” สปันตอบเขินๆ แล้วต้องใจเต้นแรงไม่หยุดเหมือนมีใครมาตีกลองในอกเมื่อสบกับสายตาเป็นประกายของเขา “เรื่องดอกไม้ปันต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ตามหาเจ้าของอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมาเสียที แต่เธอก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันว่าทำไมต้องส่งดอกไม้มาเยี่ยมบิดาด้วย
“ถ้าผมจะแวะไปเยี่ยมคุณพ่อปันได้ไหม”
สปันอึกอัก เพราะเธอเพิ่งเจอเขาครั้งนี้เป็นครั้งที่สองเท่านั้นเอง “คือเอ่อ”
“ปันไม่สะดวกหรือครับ”
“คุณณัฐเป็นเพื่อนของหมอก้องอีกทีไม่ใช่เพื่อนปัน แต่ถ้าอยากไปก็ได้ค่ะ”
ณัฐเศรษฐ์ยิ้ม สปันเลยถามต่อสิ่งที่สงสัย “ว่าแต่คุณณัฐเป็นเพื่อนกับหมอก้องตอนไหนคะ”
“ผมเป็นเพื่อนที่ทำงานของเขาครับ”
“เพื่อนที่ทำงาน คุณณัฐทำงานอะไรคะ”
สปันยังไม่ทันได้คำตอบ เจ๊ร้านข้าวมันไก่ก็เรียกเสียงดังขึ้น “ข้าวมันไก่ได้แล้วจ้ะพ่อหนุ่ม”
“คุณณัฐคะ ข้าวมันไก่ได้แล้วค่ะ” สปันบอกเขา แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากตัดบทสนทนากับเธอง่ายๆ “เราคงได้เจอกันอีกนะครับ ผมขอเบอร์ไว้ได้ไหม”
สปันอึ้งไปครู่หนึ่ง เพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าขอเบอร์ตรงๆ แบบนี้ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความไม่สบายใจ “คุณณัฐไม่ต้องห่วงเรื่องหมอก้องนะคะ ปันรับรองว่าปันจะไม่ใกล้ชิดกับหมอก้อง เพราะฉะนั้นคุณสบายใจได้เลยค่ะ ปันไม่ชอบเป็นมือที่สามของใคร”
ชัดเลย ณัฐเศรษฐ์แทบจะหัวเราะพรืดออกมา สีหน้าของเขาตอนนี้คงดูไม่ได้ สาวน้อยตรงหน้าที่เขาอยากจีบกลับมองว่าเขาแอบกินกันเองกับอชิรวิทย์ เขาเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม กำลังจะเคลียร์แต่คนตรงหน้าก็รีบพูดขึ้นก่อน
“ปันต้องขอตัวแล้วนะคะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะรอค่ะ”
สปันเดินกลับไปที่โรงพยาบาล ขณะที่ณัฐเศรษฐ์โคลงศีรษะไปมา เบอร์โทร.ก็ไม่ได้ แถมถูกเข้าใจผิดอีก แม่คุณเอ๊ย เห็นเขาเป็นแฟนกับหมอก้องได้อย่างไร หรือว่าที่เขานั่งคุยกับมันวันนั้น
ณัฐเศรษฐ์ยกยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา มองตามร่างบอบบางที่วิ่งข้ามถนนไปยังโรงพยาบาล รู้สึกถูกตาต้องใจสาวร่างเล็กแต่บางอย่างพลัสไซซ์เกินตัวเข้าอย่างจัง เธอยังต้องเฝ้าบิดาอีกหลายอาทิตย์ อย่างไรเสียก็ต้องได้เคลียร์เรื่องที่เธอเข้าใจผิด เธอคงไม่รู้ว่าเขาคือเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ และยังเป็นเจ้าของบริษัทยาอีกด้วย
................................................................................................
สปันกลับมาถึงห้องพักผู้ป่วยก็พบว่าน้องชายมาถึงก่อนแล้ว พอเธอวางถุงอาหารลง น้องชายก็ลุกจากโซฟามาช่วยจัดจานอาหาร
“พี่ปันทำไมมาช้า ผมหิวไส้กิ่วแล้วเนี่ย”
“บ่นเก่ง พี่ก็รีบมาแล้ว” สปันไม่ได้บอกว่าที่มาช้าก็เพราะมัวคุยกับใครบางคน เพราะคิดถึงเขาทีไรก็มีแต่ความแปลกใจในการกระทำและคำพูดของเขาหลายๆ อย่าง ซึ่งเธอก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าเขาทำแบบนั้นทำไม
“มีกะเพราหมูกรอบของผมไหม”
“ไม่มี เรากินข้าวกับน้ำปลาสิ”