บทที่1 แฟนใหม่
บทที่1 แฟนใหม่
ใบหน้ารูปไข่ของสปันซีดเผือดหลังได้รับข่าวร้ายว่าบิดาล้มในห้องน้ำ และตอนนี้คุณหมอกำลังทำการผ่าตัดอยู่ ร่างบางนั่งหน้าเศร้าขณะกำลังปรึกษากับเพื่อนรักที่เป็นหมอ
ช่วงหลายเดือนมานี้บิดาและมารดาเดินทางจากจังหวัดน่านมาพักกับเธอและน้องชายที่บ้านเช่าในกรุงเทพฯ เพราะทุกคนในครอบครัวต้องการให้บิดาได้รับการรักษาอาการเส้นเลือดอุดตันกับนายแพทย์ที่เก่งที่สุด
สปันทำตามคำแนะนำของอชิรวิทย์ที่เป็นเพื่อนข้างบ้าน เขาเรียนจบหมอและทำงานที่โรงพยาบาลอีลิทฮอสพิเทล
“ก้อง คุณพ่อของปันไม่เป็นอะไรแน่นะ”
“ไม่เป็นไรแน่ๆ อาจารย์หมอเมธีท่านเก่งด้านนี้ ท่านดูแลเคสให้อย่างดี ปันไม่ต้องห่วง” อชิรวิทย์บอกพร้อมกุมมือเล็กของสปันสีหน้าแววตากังวลไม่น้อย เพราะคุ้นเคยกับบิดาของเพื่อนอย่างดี
แม้เพื่อนที่เป็นถึงหมอจะรับปาก แต่สปันก็ยังอดห่วงไม่ได้ “ปันห่วงพ่อ พ่ออายุมากแล้วด้วย”
“ปันเชื่อมืออาจารย์หมอได้เลย ตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือพาคุณน้ากลับไปพักก่อนเถอะ คุณน้าอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ” อชิรวิทย์บอกด้วยความเป็นห่วง คุณน้ารัญญามารดาของสปันมีโรคประจำตัวคือความดัน หากไม่ได้พักผ่อนติดๆ กันก็จะไม่ดีต่อสุขภาพ
“งั้นปันจะไปบอกคุณแม่”
“ปันไปบอกคุณน้าเถอะ” สายตาของคุณหมอหนุ่มที่มองเต็มไปด้วยความสงสาร เห็นใจ ผู้หญิงตัวเล็กแค่นี้แต่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในบ้านไว้คนเดียว
“ขอบใจก้องมากนะที่ช่วยเป็นธุระให้หลายๆ เรื่อง ถ้าไม่ได้ก้อง ปันก็ไม่รู้จะทำยังไง”
“ก้องเต็มใจช่วย ปันไม่ต้องคิดมากนะ”
สปันยิ้มให้เพื่อน แม้จะมีความเศร้าเต็มอก แต่ก็ยังดีที่มีเพื่อนอย่างอชิรวิทย์ที่คอยช่วยเหลือ
บิดาของเธอรับราชการครู แต่ตอนนี้เกษียณกินเงินบำนาญอยู่บ้าน ท่านมีโรครุมเร้าหลายโรค กระทั่งเมื่อปีก่อนหมอบอกว่าเป็นความดัน เบาหวาน ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินให้ดี แต่บิดาของเธอก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง กระทั่งอาการกำเริบจนถึงขั้นมีเส้นเลือดอุดตัน
ค่ารักษาที่นี่แพงหูฉี่ เธอและมารดาจึงนำเงินเก็บที่มีทั้งหมดมาจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาล โดยอชิรวิทย์ให้ยืมส่วนหนึ่งที่ยังไม่พอ
เมื่ออชิรวิทย์ยืนยันจนสปันสบายใจขึ้นบ้างแล้วก็พากันเดินออกมาจากห้อง สปันตรงไปหามารดาที่นั่งเฝ้าบิดาอยู่หน้าห้องผ่าตัด ร่างเล็กบางมีแววเหนื่อยล้าปรากฏออกมาให้เห็น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามารดาสปันก็รีบสลัดมันทิ้งไป
“ปัน พ่อยังไม่ออกมาเลยลูก”
“คุณแม่ใจเย็นๆ นะคะ ก้องบอกว่าการผ่าตัดต้องใช้เวลานาน รออีกหน่อยนะคะ อาจารย์หมอที่ผ่าตัดให้คุณพ่อเก่งมาก คุณพ่อต้องปลอดภัย”
แต่มีหรือคนอยู่กินกันมาเกือบสามสิบปีจะทำใจได้ นางรัญญายังอยู่ในอาการกังวล แต่ว่านางไม่อยากให้ลูกเครียดตาม นางจึงพยักหน้ารับคำลูกเพื่อให้คลายความกังวลลง
“คุณแม่คะ ปันว่าคุณแม่กลับบ้านก่อนไหม ให้ปืนไปส่ง”
“ใช่ครับคุณน้า คุณน้าไปพักก่อน แล้วค่อยมาเยี่ยมตอนที่คุณอาเข้าห้องพักฟื้นแล้วดีกว่า รออยู่ตรงนี้ก็ทำอะไรไม่ได้” อชิรวิทย์พูด
“แต่ว่าแม่เป็นห่วงพ่อ”
“แต่คุณแม่ไม่ได้พักเลยนะคะ กลับบ้านเถอะค่ะ ให้ปืนไปส่ง” สปันขอร้องมารดา
แม้ว่านางจะไม่อยากไป แต่ว่าฟังจากหลายๆ คนที่พูดด้วยความเป็นห่วงก็ทำให้นางไม่อยากสร้างความกังวลเพิ่ม
“จ้ะ งั้นปืน ไปส่งแม่หน่อย” นางรัญญาหันไปบอกลูกชายที่นั่งข้างๆ
“ปืน พาแม่นั่งแท็กซี่นะ” สปันบอกน้อง
“ปืนรู้แล้ว พี่ปันไม่ต้องห่วง” ปืนบอกพี่สาว
เมื่อมารดากลับไปแล้ว สปันจึงนั่งรออยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดของบิดาตามลำพัง “ก้องมีงานก็ไปทำงานเถอะ ปันอยู่คนเดียวได้”
“ไม่เป็นไร วันนี้ก้องไม่มีเวร ก้องอยู่เป็นเพื่อนปันได้”
สปันไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะหัวใจของเธอตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว เธอรอคอยทุกวินาทีอย่างมีความหวัง เฝ้าภาวนาให้บิดาปลอดภัย กระทั่งผ่านไปนานมากในความรู้สึก ประตูห้องก็เปิดออก
“คุณหมอคะ คุณพ่อของฉันเป็นยังไงบ้างคะ” สปันรีบวิ่งไปถาม
คุณหมอมีท่าทีเหนื่อยล้าแต่ก็ตอบด้วยความเต็มใจ “ปลอดภัยแล้วครับ”
คำนั้นคำเดียวมีผลต่อหัวใจดวงน้อย สปันยิ้มทั้งน้ำตา แล้วรีบโทรศัพท์บอกให้มารดากับน้องชายรู้ข่าวดีนี้
.................................................................................................
ภายในห้องพักผู้ป่วย
อาการของนายปรเมศดีขึ้นตามลำดับหลังจากผ่าตัดเสร็จเมื่อวาน แต่ยังขยับตัวได้ช้า เคลื่อนไหวตัวเองไม่ถนัด สปันลาพักร้อนมาสามวันเพื่ออยู่เป็นเพื่อนมารดาที่คอยเฝ้าไข้บิดา ส่วนปืนนั้นต้องไปสอบ ไม่สามารถหยุดได้
“คุณพ่อค่อยๆ นอนลงนะคะ” สปันบอกบิดา พร้อมกับปรับหัวเตียงให้เอนลง ท่านยังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มาก ต้องให้มารดาหรือว่าเธอช่วยพยุง
“ขอบใจมากนะปัน พ่อทำให้ปันกับแม่ลำบาก”
“ถ้าไม่อยากให้คุณแม่กับปันลำบากก็รีบหายสิคะ”
“พ่อจะรีบหายวันนี้เลย”
“รอคุณหมอมาบอกก่อนดีไหมคะ” สปันบอกบิดา พร้อมกับหัวเราะเบาๆ ฝ่ายคุณปรเมศไม่อยากให้ลูกกับเมียเป็นห่วงจึงพยายามพูดคุยไม่ให้เครียด
“พอลูกอยู่ด้วยก็ทำเก่งนะคะคุณ”
“โธ่ คุณญาก็”
“คุณแม่คะ เดี๋ยวปันไปคุยกับก้องหน่อยนะคะ ปันอยากจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลคุณพ่อ มะรืนนี้ปันคงมาช่วยคุณแม่ไม่ได้ ปันต้องไปทำงานแล้ว”
“ปัน แม่ว่าไม่ต้องจ้างหรอกจ้ะ แม่ดูแลพ่อเขาได้”
“ตอนกลางคืนคุณแม่จะดูแลได้ยังไงคะ จ้างพยาบาลเถอะค่ะ” สปันบอกมารดาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น จนคนเป็นแม่คร้านจะเถียงด้วยอีก สปันยืนกรานแล้วก็เดินออกไป
สปันรู้ว่าวันนี้อชิรวิทย์เป็นหมอเวร แต่เขาจะว่างตอนเที่ยง เธอเลยไปหาเขาที่ห้องพักแพทย์ แต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปจะพบว่าเขามีแขกอยู่เลยเห็นภาพแปลกๆ เข้า
มือของอชิรวิทย์ถูกมือหนาของชายหนุ่มคนหนึ่งกุมไว้ พอเธอโผล่เข้าไปพวกเขาก็เอามือออกจากกัน แต่ว่าไม่ได้รีบร้อนจนดูลนลาน
ชายหนุ่มที่นั่งกุมมือของอชิรวิทย์หันมาทางคนที่มาใหม่ เขาเลิกคิ้วสูงประสานสายตากับสปันพอดี
สาวเจ้ามองด้วยความฉงนก่อนจะปรับท่าทีให้ปกติ เรื่องแบบนี้เธอเข้าใจและยอมรับได้ เขามีซัมติงกันใช่ไหม แต่ว่าก็อดมองใบหน้าหล่อๆ นั้นเต็มตาไม่ได้ ดวงตาคมปลาบคล้ายมีมนตร์สะกดเพราะแค่มองก็ทำให้ใจเต้นแปลกๆ เธอดึงสายตากลับมาแล้วหันไปยิ้มเจื่อนๆ ให้เพื่อน
“ขอโทษค่ะ ที่ไม่ได้เคาะประตู” สปันบอกเสียงเจื่อน “เชิญคุยกันตามสบาย ปันขอตัวก่อนนะก้อง” ประโยคหลังสปันบอกเพื่อนแล้วรีบผลุบหายออกมา แต่อชิรวิทย์ไวกว่า เขารีบเรียกไว้แล้วลุกตาม
“เดี๋ยวปัน นี่เพื่อนก้องเอง”
อชิรวิทย์จูงแขนคนสวยให้เดินกลับเข้ามา สปันคงมีเรื่องอยากคุยกับเขา และเขาเองก็คุยกับณัฐเศรษฐ์ไม่นานก็จะจบแล้ว
“ปัน นี่คุณณัฐเศรษฐ์เจ้านายก้องเอง”
สปันมองหน้าคนที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เจ้านายของเขางั้นเหรอ สปันสงสัยว่าเขาเป็นใคร ทำไมตอนมาขายยาถึงไม่เคยเจอ แต่ว่ากลัวเสียมารยาทหากจะถามตอนนี้ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อสปัน”
ณัฐเศรษฐ์จ้องใบหน้าคนตรงหน้า เขากวาดมองเร็วๆ แล้วยิ้มให้ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณสปันคงมีเรื่องคุยกับหมอก้อง เชิญคุยตามสบาย ผมขอตัวก่อน” เขาบอกแล้วหันไปหาเพื่อน “ไอ้หมอก้อง งั้นฉันกลับก่อน เรื่องที่เราคุยกันก็ทำตามที่นายบอกได้เลย”
“ได้ ขอบใจนายมากนะณัฐ”
“ไม่เป็นไร” ณัฐเศรษฐ์ตอบ ระหว่างเขากับอชิรวิทย์เป็นมากกว่าเจ้านายลูกน้อง เขาเป็นเพื่อนกับอีกฝ่าย และเป็นคนให้ทุนฝ่ายนั้นไปเรียนต่อเฉพาะทางที่อเมริกาสองปีก่อนจะกลับมาทำงานที่โรงพยาบาล เขาอายุมากกว่าอชิรวิทย์สี่ปี แต่ความเป็นเพื่อนสนิทเลยให้เรียกชื่อเฉยๆ
ณัฐเศรษฐ์หันไปยิ้มให้คนที่ยืนนิ่ง ชื่อสปันงั้นเหรอ ชื่อแปลกดี หน้าตาก็สวย รูปร่างดี ตรงสเปกของเขาจนทำให้ณัฐเศรษฐ์รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที และคิดว่าคงทำความรู้จักได้ไม่ยากถ้าหากสปันเป็นเพื่อนกับอชิรวิทย์จริงๆ
ณัฐเศรษฐ์คลี่ยิ้มให้สปันอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป โดยมีสายตาของคนในห้องมองตามหลัง สปันรู้สึกร้อนวูบวาบตอนที่ได้รับรอยยิ้มบางๆ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน แต่แค่เจอสายตาคู่คมกับรอยยิ้มหวานก็ทำให้หน้าเห่อร้อนอย่างบอกไม่ถูก