(จอมทัพ)
“ผมว่าเราจัดแค่เล็ก ๆ แค่คนสำคัญก็พอนะครับเพราะว่าที่ท่านนายกบอกมามันออกจะยิ่งใหญ่และใช้เงินเยอะเกินไปน่ะครับ เราเอาเงินที่จะจัดงานพวกนั้นมาทำอะไรที่มีประโยชน์กันดีกว่านะครับผม” เสียงของ สส.ฝ่ายค้านบอกเมื่อผมจะจัดงานรับตำแหน่งทั่วประเทศ
“มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอกนะครับผมจัดงานนี้ขึ้นเพื่อขอบคุณประชาชนที่เลือกผมขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีและการจัดงานแบบนี้ก็เป็นการเปิดโอกาศให้ประชาชนไปขายของเพื่อเพิ่มรายได้ไปในตัวด้วยเหมือนเป็นงานประจำปี” ผมอธิบายวัตถุประสงค์ที่จัดงานนี้ขึ้นมา
“และคนสำคัญที่คุณพูดมานั้นก็คือประชาชนนั่นเองประชาชนคือคนสำคัญของผม...” และหลังจากนั้นเราก็ลงมติกันเรื่องจัดงานของผมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพวกนั้นไม่กล้าคัดค้านมากหรอกเพราะตอนนี้การประชุมสภาพได้ผ่านการถ่ายทอดสดเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนั้นก็มีการประชุมอีกยาวนานกว่าจะจบแล้ว
หลายชั่วโมงผ่านไป
“ผมขอจบการประชุมสภาแต่เพียงเท่านี้ครับ...” เมื่อประธานสภากล่าวปิดบรรดา สส.ก็เดินออกจากที่ประชุมไปส่วนผมเองก็ออกมาด้วยเช่นกัน
“ทำได้ดีมากครับท่าน” ผมกำลังเดินออกก็พบกับประธานสภาวันนี้คุณมหิดล
“เช่นกันครับ” ดีที่เขาไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหนมากจนเกินไป
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” และเขาก็ขอตัวและเดินออกไป
“น้ำค่ะ” และไม่นานเสียงใส ๆ ก็ดังเป็นพักพิงที่มาพร้อมน้ำดื่มในมือ
หมับ!! ผมรับมาเพราะว่าคอแห้งเนื่องจากตลอดการประชุมผมไม่ได้ดื่มน้ำเลย มันเป็นการประชุมที่ต่อเนื่องแม้จะมี สส.หลายคนทั้งลุกไปข้างนอก ทั้งนอนหลับ แต่ผมจะไม่ทำอย่างนั้นเพราะว่ามันเป็นเรื่องของมารยาท
“ขอบใจมาก”
“วันนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ท่านนายกจะกลับเลยไหมคะ?” เธอถามผม
“ยังก่อนฉันมีงานที่ต้องเคลียร์ต่อนิดหน่อย เธอเหนื่อยหรือไง?”
“ปะเปล่าค่ะ ท่านว่าไงฉันก็ว่าตามนั้นแหละค่ะแต่ว่าเราสั่งอาหารมาทานหน่อยดีไหมคะ?” เธอเสนอขึ้นมา
“อืม เอาสิผมเลี้ยงเองซื้อให้รปภ.พวกแม่บ้านทำความสะอาดด้วยนะ”
“รับทราบค่ะ!” เธอบอกแบบนั้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อสั่งอาหาร ส่วนผมก็เดินกลับห้องทำงานที่ตอนนี้แทบจะเป็นห้องนอนอีกห้องของผมแล้ว
ชั่วโมงต่อมา
ห้องทำงานของท่านนายกรัฐมนตรีจอมทัพ
ก๊อก ๆ
“เข้ามา” ผมอนุญาตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
“ขออนุญาตค่ะท่านนายกค่ะได้เวลารับประทานอาหารเย็นแล้วค่ะ” กึก! เธอบอกและวางอาหารที่ฝั่งโต๊ะโซฟาสำหรับรับแขก
“กินไปเลย” ผมบอกโดยไม่เงยหน้ามองเธอ
“ฉันทานเรียบร้อยแล้วค่ะ นี่เป็นส่วนของท่านนายกเพราะงั้นวางปากกาลงและมาทานข้าวค่ะ” หมับ!!เธอบอกแถมยังแย่งปากกาในมือของผมไปอีก
“พักพิงอย่าขึ้นหน้า” ผมพยายามดุเธอ
“ฉันไม่สิวนะที่จะขึ้นหน้า” แต่เธอมันขี้เถียงที่หนึ่ง
“ฉันเพื่อนเล่นเธอเหรอ?” ผมถามเสียงนิ่งเรียบเพื่อให้เธอรู้ว่าผมกำลังจริงจังและเอาจริงถ้าเธอยังไม่สำนึกว่ากำลังพูดอยู่กับใคร
“ไม่ใช่ค่ะท่านนายกคือนายกรัฐมนตรีผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมาบริหารประเทศ ฉันไม่กล้าเล่นด้วยหรอกค่ะแต่ที่กำลังพยายามให้คุณไปทานข้าวเพราะว่าวันนี้คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ” พรึ่บ! เธอพูดและก้มหน้ามาใกล้หน้าของผม
“...” ผมมองหน้าเธอนิ่ง หน้าตาเหมือนจะเรียบร้อยพูดง่ายแต่ดื้อฉิบหายเลย
“ว่าไงคะจะไปทานดี ๆ หรือให้ฉันเอามาป้อน?” เธอเอียงคอถามผม
“ถ้ามันไม่ทำให้ฉันต้องหยุดทำงานก็ได้นะ” หมับ!! และผมก็แย่งปากกาคืนมาก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อไป
“ชิ!!รักงานได้แต่ต้องรักตัวเองด้วยค่ะ!” เธอเท้าเอวใส่ผมชักจะเอาใหญ่แล้วนะ
“ฉันมีเวลาแค่ 4 ปีพักพิงเพราะงั้นทุกนาทีของฉันมีความหมาย...” ผมหันไปมองหน้าของจริงจัง ผมลงสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีส่วนหนึ่งมันมาจากการเบื่องานที่ทำอยู่และอยากเปลี่ยนงานเท่านั้นเอง และไม่คิดว่ามันจะได้ด้วยไง ผมแค่วางแผนและนโยบาลตามภาพที่ผมเห็นประเทศนี้ มันสามารถไปได้ไกลถ้าได้รับการพัฒนาและส่งเสริม คนในประเทศมีประสิทธิมากนะเพียงแต่เราใช้เขาไม่ถูกต้องและไม่เป็นเท่านั้นเพราะงั้นผมก็พยายามทำมันให้ดีที่สุดไหน ๆ ก็ได้เป็นแล้ว ผมก็จะตั้งใจทำมันให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง และผมจะลงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นหวังว่าตลอด 4 ปีนี้ผมจะทำให้ประเทศเปลี่ยนได้เยอะมากกว่าเดิมนะ
“เข้าใจแล้วค่ะ” เธอยอมถอยออกไปและให้ผมทำงานต่อ...
ครืนนน!!!
พรึ่บ!!
“อ๊ะ!!อ้าปากค่ะ!!” พักพิงที่ผมคิดว่าถอดใจไปแล้วก็กลับมาพร้อมกับอาหารที่วางตรงข้ามผมและป้อนซูชิให้
“ฉันไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกินค่ะถ้าท้องอิ่มแล้วท่านนายกจะได้มีแรงทำงานต่อไงคะที่นี้จะทำถึงกี่โมงกี่ยามก็ตามสบายเลย^^” เธอจ่ออาหารมาที่ปากของผม
“งับ!”
“เก่งมากค่ะที่นี้ท่านนายกก็ทำงานโดยทานอาหารไปพร้อมกันได้แล้วค่ะ” สุดท้ายผมก็ต้องยอมทานข้าวโดยมีเธอคอยป้อนไปด้วย มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่กับการที่ทำแบบนี้
“แล้วหาพี่เลี้ยงคุณเจ้าจอมได้หรือยังคะ?” เธอถามขึ้น
“ตอนนี้ไอ้มอนกำลังหาคนอยู่ หาที่ไม่ได้ต้องการมาเป็นเมียฉัน” ผมพูดพร้อมหน้าเธอนิดหน่อย
“มองหน้าฉันทำไมคะฉันไม่ได้อยากเป็นเมียท่านสักหน่อย” เธอเท้าคางและยิ้มออกมาเพื่อเป็นการยืนยันว่าเธอไม่คิดเป็นมากกว่าเลขาของผมนั่นเอง
“เหอะ!!ฉันก็ไม่ได้คิดจะเป็นสมภารกินไก่วัดอยู่แล้ว โดยเฉพาะไก่ผอมแห้งอย่างเธอ”
“ฉันไม่ได้ผอมแห้งขนาดนั้นสักหน่อย แล้วอย่ามากลับคำนะคะฉันยิ่งสวย ๆอยู่ด้วย”
“อุ๊บ!” ผมเกือบขำออกมาจากท่าทางมั่นอกมั่นใจของเธอ เฮ้ออออ
“จะขำก็ขำเถอะค่ะจะได้คลายเครียดบ้าง^^” เธอยิ้มหมายความว่าเธอตั้งใจทำท่าทางตลก ๆ เพื่อให้ผมขำและหายเครียดสินะ
หึ แบบนี้ค่อยคุ้มเงินเดือนหน่อยทำได้หลายหน้าที่ดี
“ไม่เห็นจะขำเลยเธอเป็นตลกหรือไงฮะ?”
“พอได้แล้วและเก็บจานไปซะฉันจะทำงานต่อ” ผมไล่เธอ
“ค่ะ ๆ งั้นก็รีบทำให้เสร็จนะคะ”
“ทำไม?” ผมเงยหน้ามองเธออย่างสงสัย
“ก็ฉันเหนื่อยยยยย แล้วไงคะอยากกลับไปนอน” ยัยคนนี้นิ
“เฮ้ออ!!” ผมได้แต่ถอนหายใจแรง ๆ และทำงานต่อไปอย่างไม่หยุดก็อย่างที่บอกว่าผมมีเวลาน้อยสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
หลายวันต่อมา
บ้านนายกรัฐมนตรีจอมทัพ
ตอนนี้ผมยังไม่ได้ไปทำงานเพราะว่าไอ้มอนจะพาพี่เลี้ยงใหม่ของเจ้าจอมมาแนะนำตัวซึ่งตอนนี้เจ้าตัวยังไม่ได้ลงมาเพราะกำลังเล่นอยู่กับพักพิงไม่รู้ว่าชอบอะไรนักหนา ผมเกือบโดนแย่งเลขาไปซะแล้วสิ เหอะ!!
“แนะนำตัวสิ” เสียงของไอ้มอนบอกกับเด็กผู้ชายตรงหน้าดูอ่อนแอจะรับมือเจ้าจอมไหวไหมเนี่ย
“สะสวัสดีครับ” เด็กตรงหน้ายกมือไหว้ผม
“อืม ชื่ออะไร?” ผมถามเด็กตรงหน้าพร้อมทั้งเปิดประวัติดูด้วยเรียนจบแล้วแต่ยังไม่มีงานทำ จบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกับพักพิงด้วยแหะ
“ขะขนมปังครับ” ชื่ออย่างกับเด็กผู้หญิงแหนะแต่ท่าทางของเด็กตรงหน้าก็คล้ายอยู่นะเหมาะดี
“เหมาะดีนะ”
“ขอบคุณครับ” มือไม้อ่อนดีแหะ
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ชอบเด็กใช่ไหมมีประสบการณ์หรือเปล่า?” ผมถามเพราะชี้เกียจอ่านแค่เอกสารที่สภาก็ทำผมหลอนจะตายห่าอยู่แล้ว
“ชอบครับ! ผมมีน้องชายและน้องสาวอย่างละ 1 คนผมเลี้ยงเองกับมือเลยครับ^^”
“อืม ดีแล้วเริ่มงานได้วันไหน?”
“วันนี้เลยครับ” ไฟแรงแหะ
“อืม งั้นเริ่ม....”
“กวางน้อยยยยยย!!!” พรึ่บ!! ผมกำลังจะบอกให้ขนมปังเริ่มงานแต่ก็โดนพักพิงขัดขวางซะก่อนด้วยการวิ่งเข้าไปกอดพี่เลี้ยงคนใหม่ของเจ้าจอม
“พะพี่พักพิง...”
“คิดถึงจัง ฟอดดด!!!” เธอหอมแก้มขนมปัง
“พักพิง!!!!” ผมเลยต้องดุเธอไปหน่อยทำอะไรไม่ระวังตัว!!