มันขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ความเกลียดชังแล่นเข้าจู่โจมหัวใจดวงน้อยๆของเธออีกครั้ง…ทั้งที่พยายามจะลืม
ดาวสูดลมหายใจแรงลึก ประทับเอากลิ่นอายความรื่นรมย์ของสรรพสิ่งรอบกาย พยายามดึงใจออกมาจากอารมณ์คับแค้น พยายามบอกตัวเองว่าที่เธอกลับมาครั้งนี้ ‘เธออโหสิกรรมให้กับทุกสิ่งทุกอย่างแล้วไม่ใช่หรือ?’ หญิงสาวถามตัวเองอยู่ในใจด้วยความสงสัย
ครั้นแล้วก็ทิ้งร่างละมุนลงบนเตียงนอนอุ่น ฟูกนุ่มยวบยุบโอบรับเรือนร่างของเธอเอาไว้เหมือนกอด เพียงเสี้ยวอึดใจ ดาวก็พริ้มตาหลับผล็อยไปอย่างง่ายดาย เพราะร่างกายที่อ่อนล้า อดหลับอดนอนขับรถเหมือนคนบ้าระห่ำมาจากกรุงเทพฯถึงเชียงใหม่โดยแทบไม่หยุดพัก
ในวินาทีที่หญิงสาวพยายามบังคับเปลือกตาให้หลับ เมื่อกลับมาสู่บรรยากาศเก่าๆ อดไม่ได้…หล่อนนึกถึงเรื่องราวซึ่งพี่สาวเคยทำให้เสียใจ ขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งได้เห็นดงกล้วยน้ำว้าตรงนั้น ภาพเหตุการณ์เมื่อวันเก่าๆก็กลับมาชัดเจน รบกวนจิตใจขึ้นอีกครั้ง
ดาวนึกเสียใจ…
‘ถ้าไม่ต้องลงไปพบไปเห็นเหตุการณ์ในวันนั้น’ ไม่รับไม่รู้…ยังจะดีเสียกว่า ที่ต้องมาบาดหมางต่อกัน เจ็บปวดใจจนถึงทุกวันนี้ คงไม่ต้องรอให้วันเวลาชะล้างรอยแผลที่ฝากเอาไว้ในความรู้สึกของตนและพี่สาว
ดาวนึกถึงค่ำคืนก่อนหน้า…ที่ทำให้ผู้หญิงสองคนจะผิดใจกันถึงขั้นประกาศตัดพี่ตัดน้องขึ้นมาอีกครั้ง
ย้อนเหตุการณ์กลับไปเมื่อสองปีก่อน
“นอนไม่หลับหรือดาว?” พี่สาวที่ชื่อเดือน ลืมตาโพลงอยู่ในความมืด พลิกตัวเบาๆก่อนจะเอ่ยถามน้องสาวที่ชื่อดาว ซึ่งกำลังนอนไม่หลับเช่นกัน
“คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” ดาวตอบ พลางตะแคงใบหน้ามาหาเดือน หนุนมือน้อยๆของหล่อนที่กระพุ่มแทนหมอน ขดตัวคุดคู้ ก่อนที่ทั้งคู่จะสะดุ้งเบาๆเพราะเสียงจากหินก้อนเล็กๆที่ละลิ่วลอยมากระทบเข้ากับฝาบ้าน ซึ่งตรงกับห้องนอนที่ดาวและเดือนนอนอยู่พอดิบพอดี
“ได้ยินไหมดาว?”
เดือนเอ่ยขึ้นเบาๆ เหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ดาวยังนอนนิ่ง…เบือนหน้าไปจากสายตาของพี่สาว ทำเป็นไม่สนใจ
เมื่อเดือนเห็นว่าดาวไม่มีอาการตอบสนองกับเสียงก้อนหินกระทบฝาบ้าน จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล
“ดาวจะไม่ออกไปพบเขาหน่อยหรือ บางทีนาวินอาจจะอยากร่ำลาดาวก็ได้”
เดือนก้มลงไปกระซิบบอกเบาๆ เพราะเสียงจากหินก้อนเล็กๆที่จงใจส่งสัญญาณด้วยการขว้างให้กระทบฝาเรือนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ หากไม่ใช่นาวิน หนุ่มฉกรรจ์ผู้มีใบหน้าหล่อเหลา คมคาย ร่างกายสูงใหญ่ เป็นลูกชายกำนันทองที่ผู้คนในละแวกนั้นต่างรู้จักกันดี
นาวินเทียวมาจีบดาวหลายครั้ง กระทั่งดาวใจอ่อน ยอมรับไมตรีจากเขา และคบหากันมาได้สักพัก
ทว่าด้วยความเจ้าชู้ของนาวิน ไม่นานก็มีข่าวแว่วมาถึงหูของดาวว่านาวินทร์กำลังแอบผูกไมตรีกับเพื่อนสาวอีกคนที่ดาวและเดือนต่างก็รู้จักดี ดาวจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลบหน้านาวินนับแต่นั้นมา แม้ชายหนุ่มพยายามตามมางอนง้อหลายต่อหลายครั้ง
ใจจริงดาวก็รักและแคร์นาวินมาก แต่อยากดัดนิสัยเจ้าชู้ของเขา ดาวจึงงอน กระเง้ากระงอดมาหลายวัน นาวินพยายามสื่อสารผ่านมาทางเดือนซึ่งเป็นพี่สาว ทุกวันนี้เดือนจึงกลายมาเป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับนาวินและดาวไปในที่สุด
“มาเรียกอะไรกันตอนนี้นะ” ดาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียด เริ่มรำคาญกับเสียงก้อนหินกระทบฝาบ้าน สัญญาณที่นาวินแอบส่งมาเป็นนัย
เมื่อสงสัยว่าเสียงจากหินก้อนเล็กๆนั้นดูจะไม่ได้ผล คิดไปว่าดาวคงกำลังหลับจนไม่ได้ยิน นาวินจึงตะโกนเรียกในที่สุด
“ดาว…ได้ยินไหม วินมาหา”
ดาวยังคงนอนนิ่ง แกล้งทำไม่รับไม่รู้ แต่คนที่กระวนกระวายใจจนทนไม่ได้กลับเป็นเดือนซึ่งกำลังผุดลุกผุดนั่ง ก่อนตัดสินใจหยัดร่างขึ้นจากที่นอน ถ้าปล่อยไว้นานกว่านั้น หากยายน้อมตื่นมาได้ยิน มีหวังจะเป็นเรื่องใหญ่ คงได้ฟังยายน้อมด่าปากเปียกปากแฉะไปหลายวัน
“ดาวจะไม่ลงไปหน่อยหรือ สงสารนาวินนะ” เดือนสะกิดน้องสาวที่นอนหันหลังให้กับตน หันหน้าเข้าหาฝาเรือน ไม่ใยดีกับเสียงเรียกของแฟนหนุ่ม
“ไม่…” ดาวตอบเบาๆ ทว่าน้ำเสียงนั้นก็ยืนกรานหนักแน่น
“ดาว…ได้ยินไหม นี่วินเองนะ”
น้ำเสียงของนาวินดังขึ้นอีกหลายครั้ง
นาวินตั้งใจจะมาลาหล่อน เพราะเขาต้องเข้ากรุงเทพฯในวันรุ่งขึ้น นาวินได้งานทำที่กรุงเทพฯ งานที่กำนันทองผู้เป็นพ่อฝากฝังกับเส้นสายที่ทำงานอยู่ในบริษัทผลิตรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นค่ายใหญ่ ซึ่งนาวินเรียนจบมาทางสาขาช่างยนต์
“จะใจร้ายใจดำ…ไม่ลงไปจริงๆหรือดาว” เดือนทำน้ำเสียงตำหนิน้องสาว
ดาวลอบถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความรำคาญ
“ถ้าอยากเจอนัก…พี่เดือนก็ลงไปเองก็แล้วกัน บอกว่าดาวไม่มีอะไรจะคุยกับเขา ยังไงดาวก็ไม่ลงไปเด็ดขาด ดาวจะนอน” เดือนตอบด้วยทิฐิแรงกล้าที่เจืออยู่ในน้ำเสียง
“นี่ถ้าไม่กลัวยายน้อมตื่นขึ้นมาด่าจนน้ำหมากกระจาย…อย่าหวังนะว่าพี่จะลงไปนะ” คนเป็นพี่ว่า พลางขยับร่างลุกขึ้นจากที่นอน ก้าวออกจากประตูห้องนอนไปอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่เสียงเรียกของนาวินจะลอยไปกระทบหูของยายน้อมที่มักจะนอนหลับช้าแต่ตื่นเร็วจนเป็นนิสัย
เดือนก้าวลงไปเงียบกริบ บนทางดินแคบๆที่มีเพียงแสงจันทร์เลือนลางช่วยนำทาง
ทว่าเดือนก็ต้องแปลกใจ เมื่อตรงจุดนัดพบอันเป็นที่รู้กันของหนุ่มสาว กลับไม่มีร่างของนาวินอยู่ตรงนั้น
“นาวิน...อยู่ไหนน่ะ ถ้าไม่ออกมาเดือนจะกลับขึ้นเรือนแล้วนะ ดาวให้มาบอกว่ายังไงดาวก็ไม่ลงมา นาวินรีบกลับไปเถอะ ไม่งั้นดาวจะโกรธมากกว่านี้” เดือนตะโกนสุ่มไปในความมืด โดยไม่รู้ว่านาวินอยู่ตรงไหน
“นาวิน...อย่าเล่นบ้าๆแบบนี้นะ เดือนใจไม่ดี ถ้าไม่ออกมาเดือนจะกลับขึ้นบ้านแล้วนะ” คำขู่ของหญิงสาว ตะโกนเข้าไปในดงกล้วยซึ่งกำลังขยับก้าน ระบัดใบไปตามสายลมกลางคืนที่โชยมาเบาๆ รู้สึกถึงกลิ่นอายของรัตติกาล ชัดเจนอยู่ที่ปลายจมูก
เดือนรู้สึกถึงความหนาว ไม่ใช่เพราะอากาศ หากเป็นความหวาดกลัวที่ออกมาจากใจ ยามที่มองขวามองซ้ายล้วนเจอแต่ความมืดมิดและดงกล้วย มันวังเวงพิกล เมื่อไร้เงาของชายผู้มาตะโกนเรียก
“นาวิน! เดือนจะนับหนึ่งถึงสาม หากไม่ออกมา เดือนจะกลับขึ้นเรือนเดี๋ยวนี้แหละ หนึ่ง.....สอง.....สาม” สิ้นเสียงนับของเดือน ในวินาทีที่หล่อนกำลังหมุนตัว ทว่าไม่ทันที่เท้าเล็กๆนั้นจะหันกลับ ท่อนแขนใหญ่ของใครบางคนก็รวบรั้งเข้าที่เอวคอดของหล่อนเต็มแรง
“ว้าย!”