ชายหนุ่มทรุดร่างลงทาบทับไปกับเรือนร่างของหญิงสาว แสงจันทร์กระจ่าง สว่างพอให้เห็นผิวเข้มคล้ำของนาวินที่ตัดกับผิวขาวผ่องของเดือนชัดเจน
ลมค่ำพัดโชยมาที่ดงกล้วยแห่งนั้น เสียงแรกของไก่ขันแว่วกังวานมากระทบหู หิ่งห้อยตัวน้อยๆส่องแสงลอยเรืองกระพริบพราวรำไรไปทั่วต้นลำพู
“วินขอโทษ…..” เป็นถ้อยคำที่ชายหนุ่มกล่าวออกมาทำลายความเงียบงันรายรอบ
หญิงสาวไม่ตอบ ได้แต่หายใจแรงแล้วพริ้มตา
นาวินพรมจูบ…เช็ดหยาดน้ำตาของหญิงสาวที่กลั่นออกมากระทบกับแสงจันทร์นวล แลเห็นเป็นประกายวิบวับ
“เราทั้งคู่เพิ่งทำผิด” เดือนเปรยขึ้นลอยๆ เมื่ออารมณ์ใคร่มอดลง สำนึกในผิดชอบชั่วดีจึงกลับมาทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง
“สัญญานะ…วิน ว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
“ได้…วินให้สัญญา” ชายหนุ่มรีบตอบ
หารู้ไม่ว่าความลับไม่มีอยู่บนโลกใบนี้ เพราะที่เบื้องหลังต้นกล้วยอีกกอที่อยู่ไม่ไกลจากนั้น ผู้หญิงอีกคนกำลังยืนร้องไห้ปานจะขาดใจ หล่อนปาดน้ำตา ให้กับเสียงที่หล่อนได้ยิน ให้กับภาพที่หล่อนได้เห็น ดาวได้แต่ยืนร้องไห้ สะอึกสะอื้น ใจหายกับภาพที่เห็น เพราะดาวรู้สึกแปลกใจที่เดือนหายมานาน จึงตัดสินใจลงมาตาม
‘พี่สาวกับผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของหล่อน…ช่างทำเรื่องบัดสี ทรยศหักหลังกันได้ลงคอ’
เจ็บเหมือนจะขาดใจ…เท้าน้อยๆสั่งให้ดาววิ่งออกมาจากเหตุการณ์บัดสีตรงนั้น เสียงเท้าที่เหยียบใบต้องแห้งเสียงดังกรอบแกร่บไปตามจังหวะก้าว ทำให้สองร่างเปลือยเปล่ารีบผละจากกัน
“ดาว!”
เดือนอุทาน เพียงเห็นหลังไวๆ หล่อนก็จำได้ว่านั่นคือดาว
ชายหนุ่มและหญิงสาวที่เพิ่งแพ้พ่ายให้กับอารมณ์เพียงชั่ววูบ เหลียวมองตามร่างของดาวที่กำลังวิ่งจากไปทั้งน้ำตา เดือนรีบคว้าผ้ามาสวมใส่ สับสน เสียใจ น้ำตาไหลพราก…รู้สึกผิดที่เธอเพิ่งทำลายความไว้วางใจของน้องสาวที่มีให้กับเธอ
ทุกครั้งเมื่อดาวนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาทีไร น้ำตาก็พาลจะไหลทุกที มือน้อยๆยกขึ้นปาดน้ำตา บอกกับตัวเองว่าจากนี้ไป จะไม่นึกถึงเรื่องนี้อีกแล้ว
เสียงลมพัดลอดริ้วม่านหน้าต่างเข้ามากระทบผิวเบาๆ ฉุดหญิงสาวออกมาจากภวังค์คิด บอกให้หล่อนลืมอดีตอันปวดร้าว ลืมเรื่องแฟนและพี่สาวไปเสียที
อากาศหนาวคลี่คลุมไปทั่วห้องนอน เสียงนกกระจิบที่จับเกาะอยู่ริมชายคา ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเจรจา ทักทายพวกพ้องของมัน ไกลออกไปที่ชายทุ่ง แลเห็นริ้วหมอกสีขาวรางๆ ระเรื่อยไหลอยู่ในสายลมเอื่อย จางกระจายอยู่ริมราวไพรที่แลเห็นอยู่ไม่ไกลจากเรือนยายน้อม
ก๊อกๆๆ…..
เสียงหลังมือของลำเจียก กระทบเบาๆกับประตูไม้สักบานกว้าง ที่หน้าห้องนอนของดาว
“ดาวจ๊ะ…เจ็ดโมงแล้วจ้ะ” ลำเจียกช่วยปลุกตามที่ดาวกำชับเอาไว้
หญิงสาวขยับ พลิกกายช้าๆ เปลือกตารียาวรูปผลอัลมอนด์หยีรับแสงแดดสีเหลืองนวลที่สาดเข้ามาทางช่องหน้าต่าง
หล่อนชูแขนทั้งสองข้าง ยืดเส้นยืดสาย คลายร่างกายออกจากอาการง่วงงุน ปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงสว่าง ครั้นแล้วจึงตะโกนตอบออกมาเสียงดัง
“ตื่นแล้วค่ะพี่ลำเจียก”
ที่หลังครัว กลิ่นแกงส้มผักบุ้งโชยฉุยออกมาจากหม้ออลูมิเนียมใบย่อม ยายน้อมก้มๆเงยๆ คนแกงส้มด้วยทัพพีที่ถืออยู่ในมือ คละเคล้าเนื้อปลาช่อนเข้ากับยอดผักบุ้งอวบอ่อนที่หั่นเป็นท่อนสั้นๆ ก่อนตักน้ำแกงซึ่งมีสีส้มสมชื่อขึ้นชิม
“หอมจังเลยค่ะยาย” ดาวทำจมูกฟุดฟิด ยื่นใบหน้าออกมาจากหลังประตูห้องครัว มองดูยายน้อมเอื้อมไปหยิบไข่ปลาช่อนสีเหลืองนวลที่แยกเอาไว้ในถ้วยใบน้อย เทรวมลงในหม้อแกงซึ่งกำลังเดือดพล่าน
“โห!...มีไข่ปลาด้วย” น้ำเสียงใสอุทานลั่น ก้าวรี่ออกมาจากเบื้องหลังประตูที่เพิ่งทำท่าซ่อนตัวเหมือนเด็กๆ
“แน่ละสิ!...” ยายน้อมตอบเบาๆ ยิ้มน้อยๆ ชำเลืองมองหลานสาว แล้วหันกลับมาตักน้ำแกงขึ้นชิมอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ หลังจากมอบหน้าที่แม่ครัวประจำบ้านให้ลำเจียกทำมานาน ด้วยเหตุผลของสังขารที่ไม่เอื้อ
ทว่าแกงส้มหม้อนี้ ยายน้อมตั้งใจว่าจะปรุงด้วยตัวเองให้สุดฝีมือ ยืนยันด้วยรอยยิ้มสุขใจที่ฉายอยู่ในดวงตาฟ่าฟางของแก เมื่อเห็นหลานสาวตื่นเต้นกับแกงส้มผักบุ้งที่ตนตั้งใจทำให้
ทันทีที่ยายน้อมวางทัพพี ดาวปรี่เข้าไปโอบเอวยายน้อมจากด้านหลัง ท่าทางประจบประแจง ทอดสายตามองยายน้อมด้วยแววตาชื่นชม ซาบซึ้งในความรักที่ยายน้อมให้ ไม่ว่าหลานสาวชอบกินอะไร? ยายน้อมยังคงใส่ใจ จดจำได้ แม้จะเป็นความทรงจำของผู้หญิงที่อยู่ในวัยชราเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ทว่าไม่มีรายละเอียดใดที่พร่องหายไปจากหัวใจที่แอบจดจำทุกเรื่องราวเกี่ยวกับหลานสาวทั้งสองคน
ดาวนึกชื่นชมความจำของยาย โอบกอดร่างกายของหญิงชราที่ดูเหมือนว่าตัวจะเล็กลีบ แห้งลงทุกปีๆ ครั้นแล้วจึงกล่าวชมออกมาว่า
“ความจำของยายยังดีอยู่เลยนะจ๊ะ”
“บางอย่างยายก็ไม่ได้จดจำมันด้วยสมอง…แต่ยายใช้หัวใจจำ” คำกล่าวนั้นเหมือนเป็นเคล็ดลับ เป็นวิธีจดจำคนที่ยายน้อมรัก และมันทำให้คนที่ฟังถึงกับอึ้ง…น้ำตาซึมเมื่อได้ยิน
ดาวแหงนใบหน้าขึ้นไปมองแมงมุมตัวน้อยที่กำลังชักใยระโยงระยางอยู่บนเพดาน ซ่อนหยาดน้ำตาจากสายตาของยายน้อม กลั้นให้มันกลับไปขังคลออยู่ในดวงตาคมงามดังเดิม
“แล้วยายจำอะไรเกี่ยวกับหลานได้อีกล่ะจ๊ะ…” ดาวถาม
“ยายยังจำได้ว่าดาวไม่ชอบกะปิ ไม่ชอบกลิ่นชะอม ต่างจากเดือน…เอ่อ…!!!” เหมือนฉุกคิดบางอย่างได้กะทันหัน ถ้อยคำที่เกี่ยวกับหลานสาวอีกคนจึงสะดุด หยุดอยู่เพียงริมฝีปาก
ดาวไม่ตั้งใจจะนำการสนทนาไปสู่ความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของยายน้อม ไม่ได้ตั้งใจจะทดสอบความทรงจำอะไรทั้งนั้น หากมันเป็นความบังเอิญที่หลุดออกมาจากปากของยายน้อมเอง
ยายน้อมแอบกลืนบางประโยคเกี่ยวกับหลานสาวที่ชื่อ ‘เดือน’ ลงลำคอไปอย่างยากลำบาก พยายามซุกซ่อนเสี้ยวหน้าบางส่วนจากสายตาของหลานสาว ไม่อยากให้ดาวสงสัย
ดาวไม่ได้ถามต่อ เข้าใจว่า ที่ยายน้อมไม่อยากกล่าวถึงเดือน คงเป็นเพราะตระหนักดีว่าตนกับเดือนมีเรื่องบาดหมางกันรุนแรงเมื่อสองปีก่อน ถึงขั้นประกาศตัดพี่ตัดน้อง เมื่อต่างคนต่างถือทิฐิเป็นใหญ่ ต้องการเอาชนะคะคาน แข่งขันกันอยู่ในที ตามวิสัยของผู้หญิงที่เติบโตมาด้วยกัน
กระทั่งถึงวันที่ทั้งคู่เริ่มโตเป็นสาว เริ่มมีความรัก…ความต้องการเอาชนะกันของสองพี่น้องจึงเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ‘เมื่อทั้งคู่เกิดหลงรักผู้ชายคนเดียวกันขึ้นมาอีก’ และจากเหตุการณ์รักสามเส้านี้เอง ที่นำไปสู่ความร้าวฉาน ทำให้ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา ดาวกับเดือนจึงไม่เคยโทรหากันเลยสักครั้ง