สองมือแกร่งบีบกำพวงมาลัยรถจนเกร็ง ขณะกำลังใช้สมาธิอย่างหนักเพื่อพาตัวเองออกไปจากไร่ “รักร้อย”
“รักร้อย” ชื่อนี้ถูกสลักแน่นอยู่ในห้วงลึกของความทรงจำ...
สลักจารจำจนลึกสุดห้วงคำนึง...เขาเคยคิดว่าลืมไปแล้ว!
แต่เมื่อได้มาเจอ...ร่างบางที่เพียงแค่นอนนิ่งๆ หายใจสม่ำเสมออย่างสบายอารมณ์
ทุกภาพจำที่เคยคิดว่าลืม...ย้อนกลับมาในมโนนึกอย่างแจ่มชัดราวกับมันถูกบันทึกไว้ด้วยหน่วยความจำคุณภาพสูง
ชัด!...ชนิดที่ผู้เป็นเจ้าของความทรงจำอย่างเขาถึงกับหัวใจสั่นด้วยความตกใจอย่างคาดไม่ถึง
ชัด!...ราวกับเรื่องราวต่างๆ เพิ่งผ่านเข้ามาในชีวิตเมื่อวานนี้เอง แต่...เกือบสิบปีแล้วที่เขาและเธอ...เคยใกล้ชิดกัน!
หนุ่มน้อยในวัยเพียงสิบแปดปี เจ้าของรูปร่างผอมสูงที่ใครๆ รู้จักในฐานะบุตรชายบุญธรรมของปูรณ์ ธีราธร เจ้าของฟาร์มเลี้ยงวัวขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย
ธิษน์ ธีราธร เป็นเด็กกำพร้าที่ผู้เป็นลุงซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานในฟาร์มธีราธร นำมาเลี้ยงตั้งแต่อายุได้เจ็ดขวบเนื่องจากพ่อแม่เสียชีวิตจากปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดตามแหล่งชุมชนแออัด
สามชีวิตอาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆ ถูกพรากจากกันด้วยคมกระสุนของผู้ค้ายาที่วิ่งหนีเข้ามาในบ้านและเกิดยิงต่อสู้กับตำรวจ
เหตุการณ์ชุลมุนไม่รู้ใครเป็นใคร ต่างฝ่ายต่างกระหน่ำยิงสู้กันโดยไม่นำพากับเหยื่อที่กำลังนั่งล้อมวงกินมื้อเย็นกันอย่างมีความสุข
ผู้เป็นพ่อแม่ใช้ร่างตัวเองเป็นเกราะกำบังเพื่อปกป้องลูกชายเพียงคนเดียวจนร่างทั้งสองเต็มไปด้วยบาดแผลจากกระสุนปืน
ทิ้งเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบเอาไว้เบื้องหลังอย่างโดดเดี่ยว...
เดิมทีเด็กชายธิษน์ถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า แต่ข่าวการสูญเสียจากเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งใหญ่ถูกแพร่ออกไปจนทราบถึงพี่ชายผู้เสียชีวิต
เขาเดินทางเพื่อมาขอรับเด็กชายธิษน์ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ไปเลี้ยงดู พร้อมทั้งเป็นผู้ดูแลเงินเยียวยาจากทางการก้อนใหญ่ และด้วยความที่ผู้เป็นลุงไม่ได้มีครอบครัว
เด็กชายธิษน์จึงถูกดูแลอย่างดีราวลูกแท้ๆ แต่เคราะห์กรรมของเด็กน้อยยังไม่หมดแค่นั้น สองลุงหลานมีความสุขอยู่ด้วยกันเพียงสามปีเท่านั้น
ผู้เป็นลุง...ญาติคนสุดท้ายของเด็กชายประสบอุบัติเหตุขณะขับรถออกไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัด เสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ สองลุงหลานถูกพรากจากกันโดยปราศจากคำสั่งเสียใดๆ
ในวัยเพียงสิบขวบ เด็กชายต้องอยู่ตัวคนเดียวในห้องพักคนงานของไร่ธีราธรตามลำพัง
เรื่องราวรู้ถึงคุณท่านซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์ม จากนั้นมาเด็กชายธิษน์ได้เข้ามาอยู่ในความดูแลของคุณท่าน
ด้วยนิสัยไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เด็กชายขยันขันแข็งทำงานทุกอย่างในไร่เพื่อแลกที่อยู่ที่กิน ทุกคนในฟาร์มธีราธร รักและเอ็นดูเด็กชายธิษน์เป็นอันมาก
ความฉลาดหลักแหลมและสู้งาน ขยันอดทนเกินเด็กทั่วไป สร้างความประทับใจให้กับปูรณ์ หรือที่ใครๆ เรียกคุณท่านซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์ม
ถึงกับจดทะเบียนรับเด็กชายเป็นบุตรบุญธรรม และให้ใช้นามสกุลธีราธร ถือเป็นลูกชายคนแรกที่ปูรณ์รักมากเพราะนิสัยใจคอคล้ายกัน
สองพ่อลูกธีราธรมีความรักและสนิทสนมกันมาก แทบจะตัวติดกันตลอดเวลา ปูรณ์มักจะพาธิษน์ไปโน่นมานี่ด้วยกันเสมอเพื่อเป็นการสอนงานไปในตัว
ทุกอย่างที่ปูรณ์รู้ ทุกเรื่องที่ปูรณ์ถนัด มักจะถูกส่งผ่านมาให้เด็กชายธิษน์อย่างเต็มใจ โดยปูรณ์จะบอกลูกชายเสมอว่าสิ่งมีค่าที่คนเป็นพ่ออย่างเขาจะมอบให้ได้คือความรู้และประสบการณ์ ขอให้ธิษน์เก็บเกี่ยวเอาไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
รวมทั้งไร่ข้างเคียงซึ่งสนิทสนมกันมานาน “ไร่รักร้อย” เป็นเสมือนบ้านพี่เมืองน้องเพราะปูรณ์และเริงศักดิ์ ผู้เป็นเจ้าของไร่รักร้อยนั้นรู้จักและนับถือกันมาตั้งแต่ปูรณ์เริ่มเข้ามาพัฒนาบุกเบิกผืนดินแห้งแล้งซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากบิดา จนกลายเป็นฟาร์มขนาดใหญ่เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศเพียงระยะเวลาแค่สิบกว่าปี
ขณะนั้นเป็นช่วงที่คู่ชีวิตของเริงศักดิ์ล้มป่วยด้วยโรคร้าย ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จนในที่สุดไร่รักร้อยก็สิ้นคุณผู้หญิงอันเป็นทั้งเมียและแม่ของทารกน้อยวัยไม่ถึงขวบ
ขณะนั้นเด็กชายธิษน์ถูกส่งเข้าโรงเรียนในตัวเมือง พอถึงวันหยุดก็จะกลับมาช่วยงานที่ฟาร์มทุกอาทิตย์ เป็นอย่างนี้จนกระทั่งจบมัธยมปลาย
เด็กหนุ่มเลือกสอบเข้าเรียนทางด้านวิศวกรรมการเกษตรของมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง โดยตั้งใจไว้ว่าจะใช้ความรู้ที่ได้รับกลับมาตอบแทนบิดาบุญธรรมและพัฒนาฟาร์มให้เติบโตยิ่งขึ้นไปอีก
และอีกหน้าที่หนึ่งที่เพิ่มเข้ามานั่นคือพี่เลี้ยงเด็ก...
“พี่ธิษน์ไปเล่นน้ำกัน” เสียงใสตะโกนกังวาน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงวิ่งตึงตังเข้ามายังบริเวณคอกวัวขนาดใหญ่ ซึ่งเด็กหนุ่มนามว่าธิษน์กำลังใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวทำความสะอาดอย่างขะมักเขม้น
เสียงเรียกทำใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อหันไปส่งยิ้ม
“พี่ธิษน์ทำงานเสร็จยัง พาร้อยไปเล่นน้ำหน่อยสิคะ” เด็กหญิงวัยสิบขวบนามว่ารักร้อย แต่งตัวทะมัดทะแมงด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงยีนส์ขาขาว ซึ่งเป็นชุดชินตาของคุณหนูประจำไร่ “รักร้อย”
ผมยาวสีดำสนิทถูกมัดรวบเป็นหางม้าเอาไว้แล้วครอบทับด้วยหมวกหนังสีน้ำตาลเข้ม บนแผ่นหลังเล็กมีกระเป๋าเป้ใบขนาดย่อมซึ่งคนมองพอจะเดาออกว่าในนั้นคงมีเสื้อผ้าหรืออะไรก็ตามเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปเล่นน้ำตามคำชวน
“พี่ยังทำงานไม่เสร็จ หนูร้อยรอก่อนได้ไหม” เด็กหนุ่มวัยสิบแปดเงยหน้าขึ้นจากงานส่งยิ้มโชว์ฟันขาวสะอาด มือข้างหนึ่งยกขึ้นถอดหมวกออกมาพัดใส่หน้าเพื่อคลายความร้อนจากอากาศ ดวงตาขี้เล่นอารมณ์ดีมองสาวน้อยที่กำลังยืนรอฟังคำตอบ
เมื่อใบหน้าเล็กน่ารักพยักตอบแล้วหันตัวไปนั่งรอใต้ต้นจามจุรีอย่างว่าง่าย เขารีบกลับมาทำงานให้เสร็จโดยเร็วก่อนที่เด็กน้อยจะกลายร่างเป็นจอมมารน้อยอาละวาดเมื่อไม่ได้ดังใจ
ลำธารเล็กๆ ท้ายไร่รักร้อย มักจะถูกใช้เป็นที่เล่นน้ำคลายร้อนของทั้งคู่เป็นประจำ สายน้ำเย็นฉ่ำจากน้ำตกเล็กๆ มีต้นกำเนิดจากต้นน้ำภายในไร่ธีราธร ไหลลงมาตามลำธารผ่านไร่รักร้อยซึ่งเป็นสัญลักษณ์แบ่งอาณาเขตทั้งสองไร่