บทที่ 1 ครั้งแรกในรอบสิบปี(1)
ชายหนุ่มร่างสูงผิวสีน้ำตาลทอง ผมสั้นหยักศกตัดเข้ารูปไปกับศีรษะทุยดูดี แต่ฉับพลันความดูดีกลับถูกผู้เป็นเจ้าของใช้มือใหญ่เสยแรงๆ หลายครั้งเพื่อบรรเทาอาการหงุดหงิด
เสียงลมหายใจแรงบ่งบอกอารมณ์พร้อมกับดวงตาขี้เล่นอยู่เป็นนิจเปลี่ยนเป็นขุ่นขวางแดงก่ำ
แสดงให้เห็นว่าหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ ทั่วทั้งจังหวัดอย่างธิษน์ ธีราธร กำลังตกอยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะแผดเผาใครก็ตามหากกล้าเข้ามาขวางทางให้มอดไหม้เพียงแค่แสงจากนัยน์ตาคมตวัดมอง
มือใหญ่อีกข้างกำแน่นกับเอกสารสีขาวสามสี่แผ่นในมือจนมันยับยู่ยี่ ไม่สนใจว่าเอกสารฉบับนี้ มันจะมีเนื้อความสำคัญเพียงใด
สายตาคมกวาดมองหาอะไรบางอย่างเมื่อเดินเข้ามาหยุดอยู่บริเวณทางเข้าบ้านชั้นเดียวขนาดกะทัดรัด
ธิษน์ยืนสูดหายใจเข้าปอดแรงๆ ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองบ้านชั้นเดียวสีฟ้าน้ำทะเลตรงหน้า
ทุกอย่างรอบตัวตกอยู่ในความเงียบ...เงียบราวกับบ้านหลังน้อยน่ารักนี่ไม่เคยมีผู้ใดอาศัยอยู่
เป็นไปไม่ได้! ในเมื่อก่อนจะผ่านประตูไร่เข้ามา ธิษน์ได้สอบถามคนงานที่เดินอยู่แถวนั้นแล้วว่าเจ้าของบ้านอยู่หรือเปล่า
เสียงยืนยันหนักแน่นบอกว่าเจ้านายของพวกเขาไม่ได้ออกไปไหน หากแต่บรรยากาศเงียบสงัดแบบนี้ชายหนุ่มชักยิ่งหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น ก่อนจะทำเสียงฮึดฮัดก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือพร้อมกับขบฟันกรอดๆ ราวกับเจ้าสิ่งนี้ มันกำลังสร้างความเจ็บปวดให้เขาจนแทบทนไม่ได้
ยังไงเขาต้องได้เจอเจ้าของบ้านหลังนี้ให้ได้...เดี๋ยวนี้!
คิ้วคมขมวดยุ่งเมื่อเห็นประตูบ้านปิดสนิท ร่างสูงค่อยๆ เดินลัดเลาะไปตามทางเดินรอบๆ บ้าน เพื่อตรงไปยังหลังบ้านอย่างคุ้นเคยดี
คุ้นเคย...เพราะเมื่อเกือบสิบปีก่อน หนุ่มน้อยนามว่าธิษน์เดินเข้าเดินออกบ้านหลังนี้ราวกับเป็นบ้านหลังที่สอง
“ไปไหนของเขานะ” ธิษน์บ่นพึมพำอย่างหัวเสียเมื่อเดินอ้อมมาทางหลังบ้านก็เห็นประตูปิดสนิท ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆ ให้เขาได้พอเจอ
เอื้อมมือบิดลูกบิดอยู่หลายรอบ มันถูกล็อคอย่างดี แสดงว่าไม่มีคนอยู่จริงๆ
ร่างสูงหันหลังเตรียมจะก้าวกลับไปทางเดิม แต่เสียงอะไรบางอย่างแว่วลอยมากับสายลมยามสาย ทำสองขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะกวาดสายตามองหาต้นตอของเสียงสูงเสียงต่ำฟังดูไพเราะอ่อนหวาน เหมาะกับสภาพอากาศกำลังเย็นสบายกับแสงแดดอ่อนๆ
ความคุ้นชินบางอย่าง ทำเขาก้าวเดินไปตามทางปูด้วยหินแผ่นใหญ่สีแดงเข้ม ทอดตัวยาวเข้าไปในสวนสีชมพูบานเย็นเกือบสุดสายตาทั้งสองฝั่ง
“สวนเฟื่องฟ้า” ไม่มีป้ายชื่อบอก แต่ทุกคนรู้จักที่นี่ดีเพราะผู้เป็นภรรยาท่านเจ้าของไร่ ชื่นชอบดอกเฟื่องฟ้าสีสมพูบานเย็นเป็นพิเศษ ถึงขนาดใช้ดอกเฟื่องฟ้าสีชมพูบานเย็นปลูกเป็นรั้วรอบไร่ส่วนหน้า
และตลอดถนนจากทางเข้าไร่จนถึงตัวบ้านหลังนี้ ทั้งสองฝั่งข้างทางก็เต็มไปด้วยดอกไม้สีเดียวกันกินระยะทางถึงสามกิโลเมตร
เจ้าต้นไม้เลื้อยยืนต้นมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบปี ธิษน์ยังจำได้เมื่อครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาวิ่งเล่นที่นี่ เด็กชายธิษน์ขณะนั้นรู้สึกตื่นตาตื่นใจมากกับสีสันสีชมพูบานสะพรั่งราวกำมะหยี่นุ่มมือ และเมื่อมองไปจนสุดสายตามันจะตัดกับสีฟ้าสวยของท้องฟ้ายามเช้าเป็นภาพแรกที่เขาประทับใจไม่มีวันลืม
เสียงดนตรีบรรเลงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ทำชายหนุ่มเริ่มรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย แสดงว่าคนที่เขาต้องการพบคงอยู่แถวนี้ และนั่นหมายถึงว่า...เรื่องบ้าๆ ที่อยู่ในมือเขาตอนนี้...คงจบได้!
ธิษน์เดินผ่านทางเดินเข้าไปช้าๆ สีสันสดใสของดอกไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นพุ่มสูงเท่าเอว และด้วยการดูแลเอาใจใส่อย่างดีทำให้ภาพที่ปรากฏต่อสายตาราวกับพื้นที่ทุกตารางนิ้วถูกปกคลุมไปด้วยผืนพรมสีชมพูสดขนาดใหญ่ แซมด้วยใบสีเขียวเล็กๆ ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นเพราะถูกบดบังด้วยดอกน้อยใหญ่แน่นขนัด
“โอ๊ะ!...” ริมฝีปากหยักหลุดครางเสียงเบาราวกับคนละเมอ เมื่อสายตาคมปะทะเข้ากับอะไรบางอย่าง...สวยงามราวกับใครเอาพู่กันขนาดใหญ่มาปาดป้ายให้เกิดความตระการตาท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีสด