EP.2 : ยีน

3333 Words
ลินิน Say :: “อาาาาา ไปทำงานได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ทำอาหารเช้าไว้แล้วกินด้วยนะ” เสียงจากแม่คนที่สองที่ปลุกฉันก่อนที่ตัวเองจะไปโรงเรียน “ผู้ชายคนนั้นไปรึยัง” ฉันถามหลานด้วยความงัวเงีย แต่กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมาเลย “เห็นเขาบอกว่าอาขับรถชนเขา เขาแจ้งความ ยังไงอาก็ผิด อาเมาจนขับรถชนคน หนูกลัวอาติดคุกจะแย่แล้วไปเคลียร์กับเค้าให้รู้เรื่องนะอานะ เฮ้อออออ หนูไปเรียนแล้วนะ ไปทำตัวดีๆ อย่าให้เค้าแจ้งความล่ะ หนูไม่มีคนทำงานเลี้ยง” แล้วหลานสาวตัวดีก็พาน้องชายไปโรงเรียน แกกล้าพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไงชีฟอง รักฉันมากเลย กลัวไม่มีคนทำงานเลี้ยงงั้นเหรอ ใจร้าย ฉันลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปทำงาน ตั้งแต่มีชีฟองชีวิตฉันดีขึ้นเยอะเลย ไม่ต้องทำงานบ้าน เพราะชีฟองกับคอตตอนทำหมด มันเป็นการอยู่ร่วมกันที่ดี เฮ้อออออ ยังไงก็หลานฉันพ่อมันก็พี่ฉัน ฉันไม่เลี้ยง เด็กพวกนี้จะอยู่ยังไง ฉันใส่ชุดชั้นใน เตรียมตัวจะใส่ชุดยูนิฟอร์มร้าน Sasi Love Widding ร้านรับจัดงานแต่งงานที่ฉันทำงานอยู่ ร้านที่ใช้งานฉันเยี่ยงทาส แต่ที่ฉันยอมไปทำ เพราะฉันอยากจะเรียนรู้วิธีการจัดเย็บชุดเสื้อผ้า แล้วฉันก็คิดว่าฉันทำมันได้ดี เพราะฉันเองก็รับเย็บสารพัดจะเย็บอยู่แล้วนี่ “ปึง!!!! นี่ฉันคิดออกแล้ว” เสียงของประตูห้องของฉันที่เปิด และผู้ชายที่เข้ามาห้องของหญิงสาวแบบไร้มารยาท ที่สำคัญฉันยังไม่ได้ใส่เสื้อเลย!!!!!! “อ๊ายยยยยยย ไอ้นี่!!!! ออกไป” ฉันปาข้าวของใส่ไอ้คนที่เข้ามาในห้องฉัน เหมือนกับว่ามันเป็นห้องของตัวเอง ไอ้บ้านี่ สมองเสื่อมลืมแม้แต่มารยาทเลยเหรอ!!!!! ไม่ได้การแล้ว แบบนี้ต้องไล่ไอ้นี่ออกจากบ้านให้เร็วที่สุดแล้วสิ ฉันจัดการใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วรีบลงมาเพื่อจะด่าไอ้งี่เง่า ที่มันเข้าห้องของฉันโดยไม่ขออนุญาต ต้องไล่ ต้องไล่ออกจากบ้าน “ฉันคิดว่าคุณแข็งแรงแล้วออกไป!!!! ออกไปได้แล้ว” ฉันตวาดใส่ไอ้ตาตี่ดังลั่น แต่นอกจากเขาไม่สลดแล้วยังเถียงอีก “แต่เธอชนฉันจนสมองเสื่อม ไล่ฉันได้เหรอ ฉันคิดว่าเธอจำเป็นต้องรับผิดชอบชีวิตฉันด้วยซ้ำ” นั่นนนน มันยังเถียง แล้วนี่ทำไมไม่ใส่เสื้อ!!!!! มาถอดเสื้ออยู่ในบ้านของหญิงสาวได้ยังไง!!!!! ว่าแต่ผิวพรรณดีจังเลย “รับผิดชอบอะไร ฉันชนนายฉันก็เจ็บนะโว้ย” “อาฮ่า นี่ไง ยอมรับออกมาแล้วว่าชนฉัน บอกอะไรให้ฉันเดินออกไปแจ้งตำรวจ ยังไงเธอก็โดนจับ” โอ้ยยยยยย ฉันจะทำยังไงกับไอ้นี่ดี ทำไมฉันต้องไปชนเข้ากับเจ้ากรรมนายเวรด้วย ถ้าฉันชนหมาชนแมว ฉันจะรับเลี้ยงแบบไม่มีข้อแม้เลย แต่นี่มนุษย์ผู้ชายบ้ากาม ทำยังไงดี ทำยังไง จะไล่ไป มันต้องเอาไปฟ้องตำรวจแน่ จะทำยังไงดี “แล้วนี่ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า” “แล้วถ้าคนข้างนอกเห็นฉันใส่เสื้อที่เต็มไปด้วยเลือดเค้าจะคิดยังไง คิดหน่อยดิ แล้วอีกอย่างสาวบ้านตรงข้าม เขาแอบมองฉันมา 3 ทีแล้ว ก็เลยคิดว่า แบบนี้ก็ฟินดี” กล้าตอบออกมาได้ยังไง!!!! แล้วอีติ่มซำตรงข้ามบ้าน ผัวมันดุจะตาย “เขามีผัวแล้ว จะโดนผัวเขากระทืบเอา” “ไม่เอา ไม่หวงฉันสิ ฉันจะบอกเธอว่า ฉันจะกลับไปที่เกิดเหตุ เธอชนฉัน ยังไงก็ต้องมีกระเป๋าหรือเอกสารของฉันหล่นอยู่สิ ทำไมฉันถึงไม่มี ขนาดกระเป๋าของเธอยังมีบัตรประชาชนเลย” “นายค้นกระเป๋าฉันเหรออออ!!!!!” “ฉันเจอเสื้อของฉันในห้องของเธอ แสดงว่าเธอรูดทรัพย์ฉันจริง ฉันก็ต้องแน่ใจดิ ว่าเธอไม่ได้เอากระเป๋าตังฉันไป” นี่มันจำไม่ได้จริงรึเปล่า!!!! หรือแกล้ง ไม่ปกติอย่างแรง “ไหนบอกจำไม่ได้ แล้วรู้ได้ยังไงว่าเป็นเสื้อของนาย!!!!! อาจจะเป็นของผัวฉันก็ได้” “ฉันวัดจากขนาดที่ฉันใส่ได้พอดี แล้วก็รอยเลือดที่ต่อกัน ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ก่อนที่ฉันจะลืมเรื่องตัวเอง ฉันจะต้องเป็นคนที่ฉลาดมากแน่ ๆ เรื่องบางเรื่องมันไม่จำเป็นต้องจำได้ แต่ฉันแค่เคยทำมันได้ ฉันอาจจะเป็นเจ้าชายสักกะประเทศหนึ่งก็ได้นะ” ไอ้นี่มโนเพ้อพบอะไร เจ้าขายอะไรมาเดินในซอยเปลี่ยว ถ้าบอกเป็นโจรยังหน้าเชื่อกว่าเลย ฉันเดินไปเปิดตู้กับข้าว ที่ตอนนี้ว่างเปล่า เพราะเจ้าชายจากโลกที่สามได้สวาปามอาหารมื้อเช้าของฉันไปเรียบร้อย อาหารเช้าของฉัน ความเจ็บปวดรวดร้าวในใจ ไม่อาจจะกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดได้ ฉันทำได้แค่…… “กรี๊ดดดดดดดดดดดด” “เอ้ยยยย!!!! เกิดบ้าอะไรขึ้น อีนิน” เสียงแปดหลอดจากหญิงสาวที่วิ่งเข้ามาในบ้านฉันเพราะเสียงกรี๊ด หญิงสาวผู้เป็นเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงข้ามบ้าน ติ่มซำ หรือ อีติ๋ม อยู่บ้านนอกชื่อติ๋ม แต่พอเข้ากรุงมาก็เลยชื่อติ่มซำ สาวสวยอกบึ้ม ที่ผัวดุยิ่งกว่าพ่อ ผัวของมันหวงมากจนไม่ยอมให้ไปทำงาน “ข้าวเช้าของฉันโดนคนบ้ากินไปแล้วไง!!!!” ฉันชี้ไปที่ตู้กับข้าวที่ว่างเปล่า แน่นอนว่าคนที่ก่อเรื่องก็วิ่งมาดูแล้วทำหน้ามึนใส่อีก “คนบ้าที่ไหนหล่อขนาดนี้ ว่าแต่สาวสวยคนนี้ชื่อ” “ฉันติ่มซำค่ะอยู่บ้านตรงข้ามค่ะ นี่ผัวแกเหรอ ลืมพี่สองได้แล้ว ได้ผัวหล่อแบบนี้ เป็นฉัน ฉันก็ลืม” นังติ๋มเริ่มพูดเพ้อเจ้อ แล้วเข้ามากระแซะใส่ฉันด้วยความอยากรู้ “ฉันกำลังจะไล่ไปอยู่แล้ว!!!!!!” “ไล่อะไร ฉันยังจำอะไรไม่ได้เลย ในความรับผิดชอบอย่างน้อยๆ ก็ต้องให้ฉันจำอะไรให้ได้ก่อน หน้าสวยใจดำ แค่กินข้าวต้องไล่ออกจากบ้านเลย นี่เธอขับรถชนฉันจนสมองเสื่อมนะ” ทำไมไอ้นี่มันขี้เถียง!!!! ฉันปวดประสาทมากพอแล้ว ฉันจะต้องไปทำงาน ไม่งั้นเจ้านายยักษีจอมใจร้าย ได้ไล่ฉันออกแน่ ๆ “อีนินแกขับรถชนคนเหรอ” “จะย้ำเอาอะไร ฉันจะต้องไปทำงานแล้ว ไม่นั้นเจ้านายไล่ออกแน่” ฉันเดินไปที่รถห้างของฉันที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยถลอกไม่มีชิ้นดี “ฉันดูแลคนหล่อคนนี้ให้เองนะ!!!!!” อีติ๋มตะโกนตามก้นมาติด ๆ ฉันเลยต้องรีบไปดึงตัวปัญหาออกมาจากบ้านของฉัน ไม่งั้นผัวมันได้กระทืบตายคาบ้านของฉันแน่ ผัวมันสิ่งประสาทอยู่ “เดี๋ยว แล้วฉันอะ” “รอไปก่อน ว่างแล้วจะพาไป ที่เกิดเหตุอะ” วุ่นวาย วุ่นวายชีวิตฉันจริง ๆ ฉันขับรถไปไปทำงานตามปกติ แต่สิ่งที่ฉันเจอระหว่างซอยเปลี่ยว คือตำรวจมากมายที่มาเต็มที่เกิดเหตุ ตายห่าแล้ว ถ้าเขารู้ว่าฉันชนต้องจับฉันแน่ แล้วหลานฉันจะอยู่กับใคร แล้วใครจะอยู่ดูแลเด็กๆ ฉันตัดสินใจขับรถผ่านที่เกิดเหตุ แต่ก็ไม่วายโดยตำรวจโบกให้หยุดอยู่ดี “ขอโทษครับ ทางนี้ห้ามผ่านนะครับ ผ่านทางนี้เป็นประจำหรือครับ” “เปล่าค่ะ ฉันนาน ๆ มาที มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ” “แล้วนี่รถคุณไปล้มที่ไหนมาครับ” ตำรวจชี้มาที่รอยถลอกของรถฉัน “พวกชาวบ้านไม่น่าจะเกี่ยวนะจ่า อย่าให้รู้เลย แถมที่ยังห่างกับที่เกิดเหตตั้งไกล ไปเถอะครับ แรงจูงใจแทบไม่มีเลย” เสียงจากนายตำรวจที่มีดาวเยอะบนแขน ทำให้ฉันต้องรีบพยักหน้าเห็นด้วย “เอ่อ ครับผู้กอง” ฉันถูกปล่อยให้ไปทำงานแบบงง ๆ เพราะตำรวจไม่ถามต่อ แต่ทำไมอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวับชาวบ้าน?? ไอ้เจ้าตาตี่ที่บ้าน อาจจะเป็นผู้ร้ายหนีคดี!!!! หรือ!!! อาจจะเป็นเจ้าชายจากประเทศเล็ก ๆ จริง ๆ หรือไม่ ฉันก็บ้า . . ฉันมาถึงที่ทำงานแบบเส้นยาแดงผ่าแปด พอมาถึงก็มาเจอไอ้แฟนชั่วกับนักเด็กฝึกงานสุดคันจู๋จี๋กันสบายใจ อยากเดินเข้าไปใกล้แล้วฟาดมันด้วยหมวกกันน็อค แต่ถ้ามีเรื่องโดนเจ้านายไล่ออกแน่ “พี่สองคะ แขนปลาไม่รู้ไปแพ้อะไรมา คันมากเลย สงสัยน่าจะฝุ่นผ้า” “คันนัก ซีม่าไหมน้อง แก้คัน” “ซีม่าก็มากไปค่ะพี่ คารามายก็พอ” นั่นอีนี่ต่อล้อต่อเถียง “ซีม่าถูกแล้ว คารามายมันแก้ผื่น แต่ร่านต้องใช้ซีม่า เอาไวใช้ราดสังคัง” ฉันเดินผ่านคนทั้งคู่ แม้จะเจ็บสะเทือนอยู่ข้างในใจ คนที่แสนดีหายไปไหนแล้ว ทำไมให้ชะนีนี่มันมาหาเรื่องอยู่ได้ ใช่สิ พี่ได้มันเป็นเมีย แต่ฉันไม่ใช่สินะ ฉันเดินผ่านคนทั้งคู่ “ลินิน” เสียงของพี่สองที่เรียกฉัน มันทำให้ฉันหันไปมอง แต่นังปลาแรดเกาะแขนพี่สองเอาไว้แน่น มันทำให้ฉันต้องตัดใจ พี่สองเป็นหัวหน้าทีมจัดงานแต่ง การที่พี่สองกับนังปลาแรดต้องออกไปซื้อของจัดงานด้วยกันบ่อย ๆ เลยได้เสีย แค่จะผ่านงานต้องเอาตัวเข้าแลกเลยเหรอ น่าสมเพช ฉันเดินเข้ามาในร้านเพื่อเจอกับความเป็นจริง กองทัพชุดเจ้าสาวและชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ฉันต้องแก้ ฉันหันไปมองข้างโต๊ะ ที่ฉันแปะรูปภาพไอดอลของฉันเอาไว้ คุณพัชชา เจนกิจโสภณ หญิงสาวที่เป็นเจ้าของแบรนด์ Ulzzz เสื้อผ้าที่เธอออกแบบ ผู้หญิงทุกคนแย่งกันซื้อ ฉันก็อยากจะทำได้แบบนั้นบ้าง ฉันเรียนจบออกแบบมา แต่สิ่งที่ฉันทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจ้าสาวได้ใส่ชุดที่ฉันแก้ “อย่าฝันเพ้อเจ้อ แก้ชุดให้เสร็จ ไม่งั้นโดนหักเงินเดือนแน่” นี่ไงนางยักษีเจ้านายของฉันเอง “ค่ะ คุณศศิ” คุณศศิ สาวใหญ่ใจว้าวุ่น เจ้าของร้าน Sasi Love Wedding คุณศศิมีเชื่อเสียงในวงการชุดแต่งงานมาก ชุดแต่งงานและชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ฉันต้องแก้ มันเลยมีมากมายหลากหลายสไตล์ จะมีสักวันไหมที่ฉันจะได้แต่งชุดแต่งงานแบบนี้ จะใส่ชุดแต่งงานได้ ฉันต้องหาผัวให้ได้ก่อน แต่คนที่คบด้วยก็โดนปลาแรดขโมยไปแล้วไง ฉันมองพี่สองที่รับสั่งจากคุณศศิให้ไปซื้อพร็อพมาเสริมในงานแต่ง แน่นอนเขาไปกับยัยปลาแรด แม้เขาจะมองฉันอยู่ แต่มันก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้ ว่าเขากับยัยนั่นคบกันอยู่ “ทำงานไปสิ ใจลอยอะไร อู้งานเก่ง” “ค่ะ” . . ชายที่จำอะไรไม่ได้ Say :: 18:59 น ทำไมผมถึงจำอะไรไม่ได้เลย ผมเป็นใคร พื้นที่ผมอยู่ตอนนี้ผมไม่คุ้นเลย ผมอยากไปจากที่นี่ แต่ผมไม่รู้ว่าผมควรจะไปที่ไหน ผมเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งจากความทรงจำ ผู้หญิงที่ร้องไห้ ผู้หญิงคนนั้นเมียผมรึเปล่า ทำไมผมถึงนึกอะไรไม่ออกเลย สิ่งที่ผมมีตอนนี้ มันคือสิ่งที่ผมเข้าใจได้เพราะผมน่าจะทำเป็นอยู่แล้ว ผมรู้อยู่แล้วว่าคนเราต้องอาบน้ำยังไง กินข้าวยังไง นึกอะไรไม่ออกเลย ขนาดผู้หญิงที่อยู่ในหัวผมเป็นใครผมยังไม่รู้เลย ผมรู้สงสารเธอ แต่ไม่ได้อยากสืบพันธ์ ขนาดกับยัยโจรเจ้าของบ้าน ผมยังอยากผสมพันธ์ุเลย สาว เอ็กซ์ นมนี่บึ้ม ๆ เมื่อวานจับแป๊บเดียวแต่ก็รู้เลยว่าล้นมือ แต่เสียอย่างเดียวปากอย่างกับส้วม “พี่ใส่เสื้อนี่ก่อนเถอะค่ะ มันเป็นเสื้อของพ่อหนูเอง พ่อหนูไม่ว่าหรอก เพราะไม่รู้ว่าพ่อจะกลับมาชาติไหน ผู้หญิงในระแวกบ้านเค้าจะใจแตกกันหมดแล้ว ยิ่งพี่ติ๋มบ้านตรงข้าม ผัวเขาโหดมากนะใส่ไว้เถอะค่ะ” หลานเจ้าของบ้านเอาเสื้อสีขาวที่พับเอาไว้อย่างดีมาให้ผมใส่ เป็นเสื้อยืดฟิตเปี๊ยะ อาจจะเพราะว่าพ่อของพวกเธอตัวเล็กกว่าผม “ขอบใจนะ เธอชื่อชีฟองสินะ ทำไมถึงตั้งชื่อเป็นชื่อเนื้อผ้าทั้งบ้านเลย อ๊ะ!!! รู้ได้ยังไงว่ามันคือเนื้อผ้า” ผมรู้ได้ยังยังไงมันคือเนื้อหรือจริงแล้วผมอาจจะเป็นพ่อค้าขายผ้า แต่ที่แน่ ๆ ผมอาจจะเป็นผู้ชายที่น่าจะมีฐานะในระดับหนึ่ง เพราะของที่ผมใส่ มันทำให้ผมรู้สึกได้ทันทีว่ามันมีราคา แม้จะไม่รู้มูลค่าของมัน “นี่มันทุ่มหนึ่งแล้ว ทำไมอาของหนูยังไม่กลับมา” เธอจะรู้ไหมว่าผมรอไปที่เกิดเหตุ “น่าจะสัก 3 ทุ่ม อาทำโอทีค่ะ โอทีที่ไม่มีเงินเพิ่ม แค่ทำเพื่อไม่ให้เงินมันลด อาของหนูอาจจะดูขี้งก แต่เขาไม่ใช่คนขี้ขโมยหรอกนะคะ แต่เขาต้องทำงานหาเงินมาส่งหนูกับน้องเรียน ใช้หนี้ของพ่อบ้างเป็นบางครั้ง แต่ อาไม่ใช่คนไม่ดีหรอกค่ะ พี่อย่าแจ้งตำรวจมาจับอาหนูเลยนะ” ชีฟองบอกกับผม ผมก็พอจะเข้าใจว่าผู้หญิงที่ต้องทำงานคนเดียว เลี้ยงคนทั้งครอบครัวมันต้องเข้มแข็งแค่ไหน แต่เด็ก ๆ ก็เป็นเด็กดีนะ ทำงานบ้าน ทำกับข้าวเอาไว้รอ “กลับดึกคนเดียวไม่อันตรายเหรอ” “หนูก็อยากให้รีบกลับ ตอนนี้หนูต้องไปเอาน้องอาบน้ำ ทำการบ้านแล้วนอน ยังไงตามสบายค่ะ” . . 22.35 น. แล้วคนที่ผมรอก็กลับมาถึงบ้านพร้อมกับอาการเมาแอ๋ เดินยังไม่ตรงเลย ดวงตาก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ทำไมนัดผมว่าจะพาไปดูที่เกิดเหตุ แต่ตัวกลับมาเมาแบบนี้ สภาพแบบนี้ขับรถกลับมาได้ยังไง “ทำไมทางเข้าบ้านมันมีครึ่งเดียว” “นั่นมันหน้าต่าง” ผมบอกคนที่กำลังเดินทะลุหน้าต่างเข้าบ้าน แต่นอกจากยัยโจรจะไม่สน ยังใช้ขาเกี่ยวกับขอบหน้าต่างจะปีนเข้าไปในบ้าน ผมพยายามจะเข้าไปดึงเธอ แต่เธอก็พยายามเข้าบ้านทางหน้าต่างจริง ๆ ที่สำคัญมันเข้าได้ด้วย “ประตู เข้าได้ก็ประตูทั้งนั้น” สภาพแบบนี้ คงพาผมไปดูที่เกิดเหตุไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อยก็ควรจะทำแผลที่หัวให้ผมสิ ไม่มีความรับผิดชอบเลย ผมเดินอ้อมมาเข้าบ้านทางประตู ผมไม่ปีนหน้าต่างตามเธอแน่ แต่เข้ามากลับเจอเธอนั่งร้องไห้อยู่ที่พื้น อะไรอีกล่ะ เฮ้ออออ เป็นหลานคนบ้านนี้ต้องเหนื่อยใจแค่ไหน “อาเพิ่งเลิกกับอาสองอ่ะ ช่วงนี้ก็เลยเมากลับมาบ่อย ๆ อาเคยบอกว่าตอนคบกันมันดีมาก ตอนเลิกกันมันเลยเจ็บ หนูไม่เข้าใจ หนูพาน้องไปนอนดีกว่า ปล่อยอาไว้แบบนั้น เดี๋ยวอาหายก็จะลุกขึ้นมาจัดการตัวเองและเข้านอนเอง พี่ก็รีบไปนอนล่ะ” ชีฟองพาน้องชายเดินขึ้นชั้นบน ด้วยตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่นี่คือสิ่งที่ตัวเองทำได้สินะ ผมเดินเข้ามาหาคนที่เอาแต่กอดเข่าร้องไห้ แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างเธอที่นั่งพิงโซฟาตัวเก่าขาดๆอยู่ ผมไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของเธอเท่าไหร่ แต่ผมต้องการคนทำแผลที่หัวนะ เพราะผมมองมันไม่เห็น เฮ้ออออ รอเธอดีขึ้นก่อนก็แล้วกัน “ผู้ชายมันหวังฝันทุกคนเลยเหรอ แค่ฉันไม่ให้มันต้องมีคนใหม่เลยเหรอ มันไม่มีเลยเหรอคำว่าซื่อสัตย์” คำถามที่ดังมาจากคนที่นั่งข้าง ๆ ทำให้ผมต้องหันไปมองเธอ “ฉันไม่แน่ใจ ฉันไม่รู้สิ แต่คบกันการได้สัมผัส มันก็เรื่องธรรมชาติปะ ไม่รู้สิ ฉันไม่เข้าใจ ฉันไม่มีความทรงจำในส่วนนี้” ทำไมกันนะ หรือจริงแล้ว ผมก็ไม่ใช่คนซื่อสัตย์ ผมเลยไม่มีความซื่อสัตย์ในความคิดเลย “แต่ฉันก็อยากมั่นใจก่อน จะมีผัว ก็ต้องมั่นใจก่อนไหมว่าเขาเป็นคนดี” เสียงที่พูดกับผม มันซ้อนทับกับผู้หญิงอีกคนในความคิดของผม ผู้หญิงผมม้าที่ผมอยากสืบพันธ์ุด้วย ทำไมในหัวผมมันถึงมีแต่ผู้หญิง แต่เสือกไม่มีตัวเองเลย ก่อนจะความจำเสื่อมหรือผมจะเป็นเสือผู้หญิง “แล้วเสียใจทำไม ตอนนี้ก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ ก็ถือว่าโชคดีที่ไม่เสียตัวไง คิดไม่เห็นยาก” ประโยคของผมทำให้คนที่นั่งข้าง ๆ ร้องไห้โหออกมาอีก อะไรเล่า!!! ผมพูดความจริง ยัยโจรนี่ดันรับไม่ได้อีก ผมวางมือใหญ่ลงหัวของคนที่ร้องไห้ไม่หยุด ไม่รู้หรอกว่าทำทำไม แต่จิตใต้สำนึกมันบอกว่าผมทำแบบนี้บ่อย ๆ “เข้มแข็งต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉันจะอดทน สู้เพื่อหลาน ๆ ฉันอยากจะลาออก ไม่อยากเห็นพวกชั่วนั่นอีกแล้ว แต่ถ้าลาออกตอนนี้หลาน ๆ จะอยู่ยังไง ไม่ไหวแล้ว ทนเห็นพวกมันไม่ไหวแล้ว” อ้อมแขนเล็กกอดหมับเข้าที่คอของผมแล้วปล่อยโฮหนัก ๆ ออกมา อดทนเพื่อคนอื่นอย่างงั้นเหรอ เก่งจังเลยนะ “อย่าทำให้มันมันสมเพชเราดิ สวยขนาดนี้ อึ๋มขนาดนี้ ผู้ชายต้องเสียดายเราดิ เราจะไปเสียดายผู้ชายทำไม” ผมลูบหัวปลอบคนที่กอดผมอยู่ “แต่ฉันลืมเค้าไม่ได้ นายไม่เข้าใจ” “เธออาจจะมีปัญหาที่ลืมไม่ได้ แต่ฉันมีปัญหาที่ฉันจำไม่ได้นะ ที่บ้านฉันอาจจะมีครอบครัวที่รอฉันอยู่ แต่ฉันจำไม่ได้ เฮ้ออออ หลานชื่อชีฟอง คอตตอน แล้วเธอชื่ออะไรอะ” ผมถามชื่อนางโจรยั่วสวาทที่ตอนนี้กอดผมอยู่เลย “ลินิน” “แล้วแบบนี้ฉันชื่ออะไรดี” ทุกคนมีชื่อหมด ทำไมผมถึงไม่มี “บ้ากามดีไหม” “บ้ารึไง เดินไปข้างนอกเรียกบ้ากาม ได้เหรอ เอาชื่อใหม่ ให้หล่อสมกับหน้าของฉันเนี่ย” ผมยืดอกโชว์ความหล่อ “ไอ้หลง ก็นายหลงมาให้ฉันชน” “โหยยยยย นั่นชื่อคนหรือชื่อหมาแม่คุณ ตั้งใจตั้งชื่อหน่อย” “เรื่องมากจัง ชื่อ ยีน จะได้เข้าแก๊ง บ้านฉันมีลินิน ชีฟอง คอตตอน แล้ว ชื่อยีนก็แล้วกัน แต่จะให้ตั้งชื่อทำไม จะไล่นายออกจากบ้านอยู่แล้ว” คนจะไล่ออกจากบ้านที่ไหนเขามานั่งให้กอด นอกจากขี้เมา ขี้อ่อยด้วย “พอรับได้ แต่ทำแผลที่หัวให้หน่อยสิ แผลหายฉันอาจจะจำอะไรได้ก็ได้นะ” ผมหลอกคนเมาให้ทำแผลให้ แล้วเธอก็ยอมทำให้จริง ๆ ยัยนี่มัน ซื่อบื้อจริง ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD