“คุณ คุณเป็นใคร ทำไมอยู่ในหัวของผม” ผมพยายามไขว่คว้าหญิงสาวตรงหน้า หญิงสาวที่มีดวงตาเหมือนกับผมเลย เธอกำลังไกลออกไป เธอพยายามจะเรียกผม แต่มันดันไม่มีเสียง ดังกว่านี้อีกสิ ดังกว่านี้ นอกจากปากจู๋ผมก็ไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงของตัวเอง
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป!!!! ฮึก!!!!” ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงที่ว่างเปล่า ความฝันเมื่อกี้มันชัดเจนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ไอ้ปากจู๋ ๆ มันคำคำว่าอะไร งู คนบ้าอะไรชื่อไอ้งู หรือ ชื่อรู ไม่เอา ผมไม่ชอบชื่อนี้
ผมเก็บเรื่องความฝันออกจากห้องแล้วเดินลงมาชั้นล่าง ก็เจอคุณเจ้าของบ้านที่หยุดงาน แล้วถกเถียงกับหลานสาวของตัวเอง ว่าจะเรียกผมว่าอะไรดี นั่นสินะ ตอนที่ผมให้เธอตั้งชื่อ เธอเมาแล้วก็ตั้งส่งไปงั้น
“คนบ้าอะไรชื่อยีน ไม่เอาอา น่าเกลียด”
“ฉันตั้งตอนเมา แล้วแบบนี้เรียกอะไรดีอ่า บุญหลงไหม หรือไม่ก็บุญทิ้ง” อาของพวกเด็ก ๆ พูดออกมาอย่างติดตลก จะให้ผมชื่อบุญหลงงั้นเหรออออ หล่อขนาดนี้ชื่อบุญหลง
“ยีนเป็นชื่อของเหล้านะ” ผมบอกกับทุกคนที่กำลังคุยกันสนุก ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมรู้ได้ยังไง แต่เหมือนว่ามันอยู่ในหัวของผมอยู่แล้ว ผมแค่พูดมันขึ้นมาเฉยๆ
“เมื่อคืนฉันฝัน ว่าผู้หญิงคนหนึ่งเรียกฉันว่า…..” ผมทำปากจู๋ จนคนทั้งบ้านลุ้นประโยคที่ผมจะพูด แต่ผมไม่รู้ไง ว่าไอ้ปากจู๋นี่ มันคือคำว่าอะไร
“ชื่อจู๋ ใช่ไหมครับ” เสียงของเด็กชายพูดขึ้นมา ทำให้ทุกคนต่างปล่อยก๊ากออกมาเลย ขำกันจนน้ำหูน้ำตาไหล
“คอตตอนคร้าบ คนอะไรจะชื่อจู๋” ผมจะชื่อไอ้จู๋ก็คงจะไม่ใช่หรอกมั้ง
“ฮ่ะๆ งั้นชื่ออะไรก็พูดมาสิ”
“ไม่รู้อะ ฉันไม่ได้ยินเสียง แต่ชื่อฉันต้องมีสระอู” ผมพูดกับทุกคน จนคนทุกเหมือนจะมีสีหน้าครุ่นคิด แล้วเริ่มไล่ชื่อของผมไปกันเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่ กู ขู คู งู จู
“หรืออาจจะชื่อปูพี่” ชีฟองเสนอชื่อโหลขึ้นมา
“ไม่เห็นคุ้นเลย มันจะต้องมีสักชื่อสิ ที่คุ้นอยู่ในใจ” อันนี้คือสิ่งที่ผมคิดในใจนะ ถ้าชื่อคือสิ่งแทนตัวผม มันจะต้องมีคุ้นอยู่ในใจ
“หรือชื่อ ยู ยากจัง ทำไมผู้หญิงคนนั้นไม่พูดออกเสียงออกมาเลย ทำให้ยากทำไม สรุปแล้วผู้หญิงคนนั้น เมียหรือใคร ผู้หญิงคนที่นายพูดมาตลอดว่าอยู่ในหัว” เจ้าของบ้านถามผม แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจ
“เธอมีตาเหมือนผมแบบนี้เลย ไม่แน่ใจว่าเมียไหม มันไม่มีความรู้สึกพิศวาสใด ๆ เลย เลยตอบไม่ได้” ต่างจากผู้หญิงอีกคนที่ผม เหมือนกับว่าผมจะคิดถึงเธออยู่ตลอดเวลา อ่าาา ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
“วันนี้ฉันจะพานาย ไปที่เกิดเหตุ นายอยู่นี่มาเป็นอาทิตย์แล้ว แล้ววันนี้ฉันหยุดฉันต้องทำตามสัญญา จะชื่ออะไรพักกันไว้ก่อน ค่อย ๆ จำก็ได้” ในที่สุดก็มีวันนี้สักที ผมเนี่ยอยู่ที่นี่มาเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว อาทิตย์ที่แล้วดันมีงานแต่ง ลินินเธอไม่ได้หยุด อาทิตย์นี้แหละผมจะได้ไปที่เกิดเหตุสักที
ในเวลาต่อมา
“นายขับ”
“ทำไมอ่า ปกติเธอก็ขับ”
“ถ้าเกิดฉันขับอยู่แล้วนายจับนมฉันล่ะ!!!!! นายไว้ใจไม่ได้ ฉันต้องเซฟตัวเอง” คิดอะไรของเธอคิดว่าฉันจะจับนมเธอในที่สาธารณะรึไง เธอเมาฉันก็ได้จับตลอด ไม่ต้องเก็บกดไปทำในที่สาธารณชนหรอกหน่า
“แล้วถ้าฉันขับไม่เป็นเล่า”
“เออว่ะ ไม่ได้เรื่องเลยนายเนี่ย” ประโยคเบา ๆ ที่บอกว่าผมไม่เอาไหน ผมเคยได้ยินมาก่อน แต่มันไม่เจ็บเท่ากับเธอด่าเลย เฮ้อออออออ ผมความจำเสื่อมนะ คำว่าไม่เอาไหนใช้ได้เหรอ อย่างน้อยก็ต้องสอนผมก่อน ความน้อยใจไม่ทันได้อยู่นาน หมวกกันน็อคครึ่งใบถูกโยนมาให้ผม จนผมเกือบรับไม่ทัน ยัยนี่ไม่อ่อนโยนเลย
ผมเพิ่งได้ออกจากชุมชนแออัดนี่เป็นครั้งแรก ในชุมชนนี้ถ้าเกิดไฟไหม้จะหนีกันยังไง มันมีแค่ทางเล็ก ๆ น่าจะแค่ 1 เมตรที่ใช้ในการเดินเท่านั้น แต่คนที่นี่ใช้เป็นทางเดินรถด้วย ลินินขับรถมาที่ซอยเลียบทางด่วนที่เธอชนผม คำถามคือ นี่เธอขับรถบนทางเปลี่ยวแบบนี้กลับบ้านเหรอ มันอันตรายมากเลยนะ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวนะ แล้วกลับบ้าน 4-5 ทุ่ม บ้าไปแล้ว เธอไม่รู้จักกลัวบ้างรึไง แล้วแดดอะไรมันจะร้อนขนาดนี้!!!! ผมใช้มือบังแดดยามเที่ยงที่ตอนนี้มันกำลังจะเผาผมตาย
“ฉันชนนายตรงนี่ น่าจะตรงนี้นะ มันมืดฉันก็จำได้ไม่แม่น” เธอชี้จุดที่เธอชนผม ภาพแว็บ ๆ มันฉายสลับไปมากับภาพในความมืด ผมไม่มีทางมาถึงนี่ได้เพราะเดินหรอกใช่ไหม รถของผมล่ะ
“เธอได้เห็นรถของฉันไหม”
“ไม่เห็นนะ แต่เห็นตำรวจมาแถวนี้เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว”
“ไม่ได้เรื่องเลยเธอนี่ ถ้าเธอจะชนฉัน ก็ควรจะเช็กก่อนว่าฉันรวยไหม” ผมฉีกยิ้มให้เธอ ผมรู้ว่าเธอไม่ตั้งใจจะไปต่อว่าเธอไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้าเธอเจอผมเพราะผมเดินมาให้เธอชน แสดงว่าผมประสบอุบัติก่อนหน้านี้แล้ว ถ้ามีตำรวจก็ต้องมีข่าว แต่บ้านยัยนี่จนขนาดไม่มีทีวีเลย ผมจะตามข่าวได้ยังไง แต่ตอนนี้ผมจะต้องไปจากแดดพวกนี้ก่อน
“ขอโทษนะที่ช่วยได้แค่นี้ นายร้อนมากเหรอ หน้านายแดงมากเลย”
“ไม่รู้สิ ฉันมีความรู้สึกว่า ฉันมีการทนทานต่ออากาศร้อนแย่มาก ฉันอาจจะเป็นคนที่ค่อยได้ออกแดด นี่นินช่วยอะไรอย่างได้ไหม ฉันอยากได้โทรศัพท์” ผมบอกถึงสิ่งที่ผมต้องการ แต่เธอกลับมีสีหน้าลำบากใจ กำลังคิดอะไรอยู่ลำบากใจอะไร
“ฉันซื้อให้ไหม” ประโยคอ่อย ๆ ที่ดังออกจากปากของเธอ มันทำให้ผมต้องขยี้หัวของเธอแรง ๆ เป็นการลงโทษ คิดได้ยังไงว่าผมจะไปใช้เงินเธอ แค่เห็นเธอต้องจ่ายค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ แค่นี้ก็สงสารจะแย่แล้ว
“ใจดีจังเลยนะ ไม่ต้องหรอก เอาเงินเธอไปทำอย่างอื่น”
“อย่ามาขยี้หัวฉันได้ไหมมันยุ่งหมดแล้ว เดี๋ยวทุบเลย!!!!” เก่งจังเลยแม่คุณ ผมมองตาดุ ๆ ของหญิงสาวตรงหน้า แต่ท่ามกลางแดดที่ร้อนเหมือนซ้อมลงนรก โรแมนติกไม่ลงเลย จะเป็นลมมากกว่า
“กลับบ้านเถอะ นี่ไม่ใช่ที่ที่ฉันตามหา รีบไปเถอะร้อนจะตายอยู่แล้ว”
“เว่อร์จริง ร้อนอะไรขนาดนั้น แล้วนายตามหาอะไร??”
“ไม่รู้สิ ที่เกิดเหตุแรก ฉันไม่มีทางเดินมาให้เธอชนได้ ฉันจะต้องขับรถมา หรือจะต้องโดนเอามาทิ้ง หรืออะไรสักอย่างฉันไม่รู้ ฉันบอกไม่ได้”
“หัดขับรถสิ เช้าก็ไปส่งฉัน แล้วนายก็เอารถไปตามหา” ข้อเสนอของเธอผมเห็นด้วย จะให้ผมมาอยู่แต่บ้านได้ยังไง
“สอนหน่อยสิคร้าบ” ผมอ้อนคุณครูที่มีอาการหน้าแดงน้อย ๆ แต่กลับได้รางวัลเป็นฝ่ามือที่ตวัดเข้าใส่ผม จนผมต้องเอี้ยวตัวหลบอะ
“อะไร เขินแล้วลงไม้ลงมือเหรอ”
“ไม่ได้เขิน ฉันจะไปเขินนายทำไม ที่ฉันช่วยเพราะนายช่วยฉันก่อน ช่วยแบบที่ฉันไม่ได้ร้องขอ ฉันก็แค่ช่วยนายคืน ฉันเป็นคนสวยที่ชอบช่วยเพื่อนมนุษย์อยู่แล้ว” แค่ตอบก็ไม่ตรงคำถามแล้ว เรื่องใช้กำลังเก่งจังเลยนะ
เราเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดตากแดดจนเบาะร้อนจี๋ เพียงแค่ขึ้นซ้อนเธอ ไข่ก็แทบจะสุกอยู่แล้ววววว ทำไมเบาะมันร้อนจังวะ
“ซี้ดดดดดดดดดดด”
“ร้อนตูดเนอะ ฮะๆ”
“ไอ้ตูดมันยังทนได้ แต่ไข่ของฉันจะสุกอยู่แล้ว” มันคือจุดนุ่มนิ่มที่บอบบางกว่าตู๊สสสสสเยอะ
“ไอ้ทุเรศใครไปอยากรู้สารทุกข์สุกดิบไข่ของนาย”
“อยากบอกไม่ได้เหรอ” ผมเนียนกอดเอวคนที่ขับรถโคตรจะช้าเลย ถ่วงเวลาอยู่กับผมสองต่อสองนาน ๆ รึไง ร้อนเว้ย แดดจะร้อนขนาดนี้ ผมจะต้องตายแน่ๆ
“กอดฉันทำไมเนี่ย”
“แดดร้อนจนอยากจะเป็นลมเลย ข้าวก็ยังไม่ได้กิน อยากกินน้ำสุด ๆ”
“เรื่องเยอะ”
“ขับรถเร็ว ๆดิไม่กลัวดำรึไง ผู้หญิงดำมันจะไม่สวยนะ”
“เร็วกว่านี้ก็จรวดแล้วนะ ฉันขับ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว” อะไรกัน 80 ก็เร็วแล้วเหรอ แล้วคำว่าเร็วสำหรับผม มันต้องเท่าไหร่นะ
ลินิน Say::
พาขับรถตากแดดแค่นี้ สภาพเหมือนจะตายนายนี่มันโตมายังไงวะ ฉันพายีนมากินก๋วยเตี๋ยวไก่แถวบ้าน โดยที่ฉันเป็นเจ้ามือเอง ตั้งแต่วันที่เขายอมช่วยฉันเรื่องพี่ชาย ฉันก็คิดว่าที่จริงเขาอาจจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เราอาจจะเป็นเพื่อนกันได้ แล้วนี่แกหิวอะไรขนาดนั้น!!!! ชามที่ 3 เข้าไปแล้ว ไอ้ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกนี่มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ
“ทำไมไม่กินอะ มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อกินก๋วยเตี๋ยวเหรอ” ไอ้นี่ แกกินก๋วยเตี๋ยวขนาดนี้ แกไม่คิดว่าบ้านฉันจะล่มจมรึไง
“แค่เห็นนายกินฉันก็รู้สึกอิ่มแล้ว” กินเก่งจังวะ กินแบบนี้เงินจะพอจ่ายไหม ไอ้สันขวาน
“ต้องเข้าใจนะ ฉันกินไข่เจียวของชีฟองทุกวัน มันเบื่อ นี่มันเป็นครั้งแรกที่ฉันหลุดออกจากไข่” ไข่อีกแล้ว นายนี่จะวนเวียนอะไรกับไข่นักหนา
“พี่สองคะ นั่นพี่นิน!!!” เสียงแปดหลอดที่ฉันไม่อยากได้ยิน แต่ก็ได้ยิน ทำไมโลกมันกลมจังวะ ฉันพยายามก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยว แต่ไอ้คนที่อยู่ตรงข้ามของฉันมันดันชะเง้อหาต้นเสียง
“อ้าววว นิน” เสียงของอดีตแฟนเก่าที่หาเราเจอจนได้ เดินมาหาเราที่โต๊ะ โต๊ะเยอะแยะมากมาย มาวุ่นวายกับฉันทำไมน้าาาาา
“พี่สองคะ พี่นินมากับแฟนค่ะ นั่งกับพี่นินไหมคะ” ฉันจะหันไปด่ายัยปลาแรดที่สาระแนเรื่องของฉัน แต่เห็นหน้าเจื่อนของพี่สองก็เกิดอาการสะใจ
“ค่ะ นี่ยีน แฟนใหม่นิน” ฉันกระชากมือที่กำลังจะใช้ช้อนตักลูกชิ้นเข้าปากมากุมเอาไว้ ก่อนจะหันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้เขาช่วยฉันหน่อย แต่กลัวไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับ ฉันเลยตักลูกชิ้นในชามของฉัน ใส่ชามของไอ้คนเห็นแก่กิน รอยยิ้มหวานถึงส่งมาถึงฉัน ดีมาก
“เตงกินลูกชิ้นเยอะ ๆ นะค้า” ฉันซื้อใจคนตรงหน้าด้วยลูกชิ้นกุ้งที่ฉันชอบที่สุด แล้วในชามมันมีแค่ลูกเดียว
“นี่คือแฟนเก่าที่เตงเล่าให้เค้าฟัง ไม่เป็นไรแล้วนะ ตอนนี้เตงมีเค้าแล้ว เตงกินยังไงเลอะปากหมดเลย” กระดาษทิชชูสีชมพูหวานปานความรักของเราถูกนำมาเช็ดปากให้ฉัน จ้างร้อยเล่นล้านจริง ๆ
“พี่ไม่กวนละ ไปเถอะปลา” พี่สองเดินจากไปทันทีเลย จากไปนั่งที่อื่น ทำไมไม่ไปกินกันร้านอื่นวะ มลพิษทางการย่อยอาหารของฉัน
ฉันหมดอารมณ์จะกินก๋วยเตี๋ยวต่อแล้ว ทำไมมันถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย อยากจะออกไปจากที่นี่ ไม่อยากจะเห็นอะไรทั้งนั้น อยากจะไปไกล ๆ จากสองคนนั้น แต่จู่ ๆ ไอ้งี่เง่าตรงหน้าก็เอามือมาประคองหน้าของฉันด้วยรอยยิ้ม กับคำพูดที่สวนทาง
“อย่ามาอาการออกให้พวกนั้นรู้ว่าเธอโกหกนะ ฉันไม่รู้ที่ผ่านมาเธอกับมันดีแค่ไหน เธอถึงไม่ลืม แต่ตอนนี้เธอก็เห็นแล้วว่าไม่ควรจะจำ ความน่าสมเพชเอาไว้ทำที่บ้าน ตอนนี้ทำให้มันเห็นไปเลย ว่ามันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับเธอขนาดนั้น ตอนนี้มันยังมองเธออยู่เลย” เสียงเบา ๆ ที่พูดกับฉันมันทำให้ฉัน ฮึดสู้ สู้กับความเจ็บปวดในใจ แล้วยิ้มให้คนตรงหน้า
“อืม ขอบใจนะ”
“มีความสุขหน่อย ตอนนี้เธอกำลังมีแฟนใหม่แล้ว แถมยังหล่อแบบฉัน ไม่เห็นว่าไอ้พี่สองของเธอจะหล่อกว่าฉันตรงไหน” คนที่หลงตัวเอง ยืดชูคอยาว ที่จริงเจ้ายีนนี่ก็หล่อนะ
“นายหล่อกว่าอ่าใช่ เด็กกว่าอ่าใช่ จนกว่าก็ใช่ โทรมกว่าก็ใช่” ฉันพูดสิ่งที่เห็น แต่คนที่รับความไม่ได้กลับทำแก้มป่อง แล้วงอนเดินออกจากร้านไปเลย อะไร งอนอะไรเล่าาาาา ฉันแค่พูดความจริงง่ะ
“ยีน จะไปไหน ยีนนนน รอก่อนนนนนน” อะไรวะ รับความจริงไม่ได้ถึงกับงอนเลยเหรอ ฉันต้องรีบจ่ายตังค์แม่ค้าแล้ววิ่งไปหาคนที่ทำตัวเป็นเด็ก โดยไม่ได้สนใจสองคนที่เคยเป็นเหมือนหนามทิ่มแทงหัวใจฉันอีก
.
.
“ไหนคุณครู เราจะขับรถกลับบ้าน ตอนนี้หมวกกันน็อคพร้อมแล้ว”
“คุณครูก็พร้อมแล้ว จำไว้น้า ขาซ้ายคือเกียร์ เกียร์ต่ำคือรอบเร็ว มันจะพุ่งมาก เพราะฉะนั้น กรี๊ดดดดดด” ฉันผวากอดเอวของไอ้บ้าที่มันตบเกียร์รถ Honda wave 110 ตัวแรงของฉันจนหน้ายก ฉันเกือบจะร่วงลงไปกับพื้น
โอ้ยยยย ใจหายใจคว่ำหมด ไอ้นี่!!!!
“ขับดี ๆ ดิ”
“อุ้ย ๆ หลุม” คนที่เห็นหลุมเท่าตาแมวเหยียบเบรกแบบหมดใจ จนหน้าอกของฉันชนเข้ากับหลังของเขา นี่มันแกล้งกันชัด ๆ
“ไอ้ยีนนนนนนน แกหลอกแตะอั๋งฉันใช่ไหม”
“คุณครูคิดมากไปเปล่า ครูสอนผมเจอหลุมให้เบรก ถ้ารถครูพัง ผมไม่มีเงินจ่ายนะคร้าบ”
“เออว่ะ ฉันเพิ่งสอนไปเมื่อกี้”
“ใช่ไหมละค้าบ”
แล้วทุกอย่างมันก็จัดเจนขึ้น เพราะไอ้บ้ากามนี่ ขับเบรก ขับเบรก ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว ผัวะ!!!!! ฉันตบอย่างแรงที่หมวกกันน็อคของคนบ้ากาม
“นมนิ่มเนอะ”
“อีกทีไหม!!!!!”
ดึกดื่นคืนนี้เอง
ตึ๊ง~* ตึ๊ง~* เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ทำให้ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู แม้จะไม่ต้องเปิดอ่าน แต่มันก็แจ้งเตือนอยู่บนหน้าจอชัดเจน
[Song : นิน อย่าทิ้งพี่ไปได้ไหม วันนี้พี่รู้แล้ว พี่ยังรักนินนะ]