ลินิน Say ::
“นิน พี่กับปลามันคือความรับผิดชอบนะนิน ตอนแรกพี่คิดว่าจะทำใจได้ แต่ตอนนี้พี่รู้แล้ว ว่าพี่รักนินแค่ไหน”
ไม่ตอบแชท มาทำงานก็ต้องเจอสินะ ไม่เข้าใจรึไงว่าฉันไม่ได้อยากได้เหี้ยกลับมา แค่ยังเสียใจไม่ได้แปลว่าอยากได้คืน ฉันคบกับเขามาหลายเดือน ยังแพ้เด็กฝึกงานที่มาทำงานได้แป๊บเดียว มันแปลว่าพี่สองก็ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น ฉันเดินผ่านพี่สองที่พยายามจะชวนฉันคุยไม่เลิก
“เค้าจ้างมาทำงานนะคะ” วุ้วววว วุ่นวาย แต่ทำไมดูสวย ฉันเดินมานั่งหน้าจักรเย็บผ้ากับงานกองโต และ…ความเงียบสงบอีกครั้ง แต่อะไรที่เงียบสงบมักอยู่ไม่นาน เพราะเจ้านายยักษีของฉันเดินมาหาเพื่อบอกว่าตัวเองจะเข้าฌานสั่งสมบารมี
“นิน ฉันกำลังจะออกแบบชุดแต่งงานแบบใหม่ งานพวกแก้ชุดแต่งงาน นินทำคนเดียวไปก่อน” เสียงแห่งนรกมันกำลังทำให้ฉันเหมือนหมดแรง โลกที่ธรรมดา ๆ ของฉันกำลังจะพังลง เกิดเป็นอีนินต้องฆ่าไม่ตาย
“ได้เลยค่ะ คุณศศิ” รอยยิ้มหวานแม้ในใจจะอยากกรีดร้อง อ๊ากกกกกก
“ขอบใจนะ” ฉันมองเจ้านายเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองจนลับสายตา ก่อนจะมาสนใจงานตรงหน้า
ทำไมฉันต้องทน เพราะฉันรักงานด้านนี้ ฉันจบออกแบบแต่ถ้าฉันไม่มีสกิลเย็บจริง งานของฉันมันก็ไม่ถูกสร้าง ในงานมากมายตรงหน้า มันคือการที่ฉันมีผ้ามากมายให้ซ้อมมือ ฉันไม่ได้อยากเป็นแค่พนักงานเย็บผ้าโหล อุ้ยตาย เรียกน่าเกลียดไปไหมนะ แต่การที่ฉันได้ทำงานที่ฉันรัก ทำให้โลกที่น่าเบื่อนี่ได้ดำเนินต่อไปได้ ตอนนี้ฉันกำลังเก็บตังค์ซื้อจักรดี ๆ สักตัว ในความโชคดี ที่ยีนช่วยพี่ชายฉัน คือฉันไม่ต้องทิ้งความฝัน อาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่เชื่อเถอะว่าฉันทราบซึ้งใจ เงินออกเมื่อไหร่ คงจะได้จักรสักตัว ถ้ามีเงินเหลือ จะซื้อโทรศัพท์ให้ละกันนะ
ฉันนั่งทำงานลืมวันเวลา รู้ตัวอีกทีคนก็ทยอยออกไปกันหมด พี่ ๆ พนักงานคนอื่น ๆ ลาเพื่อกลับบ้านกันแล้ว
“นิน พี่กลับก่อนน้า พี่ฝากปิดร้านด้วยนะ” พี่ฟ้า พนักงานคนสุดท้ายกลับไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันแล้วสินะ
“ค่ะ พี่ฟ้า เดี๋ยวนินปิดเอง”
ตอนนี้คงมีแค่ความเงียบและก็เสียงไถจักรเย็บผ้าที่ดังในความมืด อยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่หรอก มันทำให้ฉันทำงานได้เร็วขึ้นด้วยซ้ำ ครืดดดดด ครืดดดดด เมื่อไหร่ฉันจะฝีมือเข้าขั้นจนเจ้านายยอมให้ประกอบชุด ออกแบบชุดน้า ฉันจะออกแบบชุดเจ้าสาวแบบไหนดี เก๋ ๆ ชิค ๆ ฮ่ะ ๆ เพ้อเจ้อ ยัยนิน
“นิน ยังทำงานอยู่อีกเหรอ ทำไมไม่ตอบแชทพี่เลย” พี่สองเดินเข้ามาหาฉันที่นั่งทำงานอยู่แบบไม่เคยเป็น ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยฉันไป จะมาวุ่นวายกับฉันทำไม
“มันก็ชัดเจนแล้วนี่คะ”
“พี่ดูออกว่าสายตานินยังรักพี่อยู่ พี่ก็ยังรักนินอยู่ ถ้านินต้องการพี่จะไปเลิกกับปลา”
“นินไม่ได้ต้องการ พี่สองเลิกยุ่งกับนินได้ไหม นินกำลังจะทำใจได้ พี่ไม่ควรคิดที่จะกลับมา แล้วที่นินเป็นอยู่ตอนนี้มันดีมาก พี่ไปเถอะ” ฉันพยายามจะลุกหนี แต่กลับโดนพี่สองคว้าข้อมือเอา
“นินนนน ตอนนี้พี่รู้ใจแล้ว”
“อย่าทำแบบนี้ ก่อนหน้านี้นินเคยขอให้พี่เลือกแล้ว พี่เลือกเขา แล้วนินก็ต้องเป็นหมาที่เลียแผลตัวเองจนมันจะหายอยู่แล้ว พี่จะมาพูดคำว่ารักทำไมม!!!! พี่เหี้ยกับนิน นินยังไม่เจ็บขนาดนี้เลย” ฉันพยายามเอาแขนของตัวเองคืน ไม่เข้าใจคำว่าคนที่มันพยายาม มันเจ็บปวดรึไง ฉันเงยหน้ามองเพดานเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตามันไหล
“เราต่างรู้ว่าเรายังรักกันอยู่นิน นินไม่ได้ดูรักผู้ชายคนนั้นเลย พี่ดูออก อย่าคบใครเพื่อประชดพี่”
ฉันพูดอะไรไม่ออก ใจแข็งเอาไว้ตัวฉัน อย่า อย่าใจอ่อนเด็ดขาด ตอนนี้ฉันหวังให้ใครสักคนเข้ามาทำลายเหตุการณ์นี้
“ให้อภัยพี่นะครับนิน” ใบหน้าของพี่สองที่เลื่อนเข้ามาใกล้ กลิ่นลมหายใจที่แสนจะคุ้นเคยเหมือนแรงดึงดูดความทรงจำเก่า ๆ
กริ๊ง ๆ เสียงประตูที่เปิดเข้ามาทำให้เราผละออกจากกัน ใครที่มาเวลานี้ บอกเลยว่าถูกเวลามาก ฉันเดินไปที่หน้าร้านเพื่อบอกลูกค้าว่าร้านปิดแล้ว แต่พอมาถึงก็เจอยีนที่มารอรับฉันอยู่ที่ประตูหน้าร้าน แม้รู้ว่าตัวเองยังทำงานไม่เสร็จแต่ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว
“พี่สองปิดร้านด้วยนะคะ ไปเถอะยีน”
ฉันลากคนที่ยืนเป็นพระอิฐพระปูนอยู่ได้ให้กลับบ้านกันได้ ของอะไรค่อยมาเอาพรุ่งนี้ ไม่อยากเข้าไปแล้ว แต่นอนจากเขาจะไม่ขยับแล้ว ยังทำใจเย็นอยู่ได้
“นิน กระเป๋าล่ะ แล้วทำไมร้องไห้”
“พรุ่งนี้ค่อยมาเอาไม่อยากเข้าไปแล้ว…..” แต่ฉันยังไม่ทันพูดจบเขาก็ดึงฉันเข้าไปในร้านเพื่อเอากระเป๋า เดี๋ยว!!! ไม่เข้าใจคำว่า ฉันไม่อยากเข้าไปรึไง ฉันพยายามจะสะบัดมือของเขาออก แต่เขาจับมันเอาไว้แน่น
“อย่ามาขี้แพ้ ต่อจากนี้ เค้าจะไม่มีค่าต่อใจเธออีกแล้ว!!!” ดวงตาดุที่จ้องมองมาที่ฉันมันทำให้โลกของฉันช้าลง อะไรอะ เขากำลังโกรธเหรอ
“ตอนนี้ไม่มี”
“มีสิ ถ้าไม่มีเธอจะไม่ร้องไห้!!!!!” เสียงตะคอกใส่ฉัน มันทำให้ยิ่งปล่อยโฮออกมา ที่ร้องไห้ไม่ใช่เสียใจ แต่นายพูดออกมาแบบนี้ คนที่ฟังอยู่ในร้านก็รู้สึกว่านายเป็นแฟนปลอม ๆ โง่รึโง่
“โง่!!!!”
“มาด่าฉันทำไมเนี่ย”
“เปล่า ด่าตัวเองอ่า โง่เนอะ ไปเถอะ พาไปขับรถเล่นหน่อย ปริ้นๆ แบบวันก่อนไม่เอาแล้ว” ฉันลากแขนของชายแปลกหน้าที่มาอยู่กับฉันไม่ถึงเดือน แต่ชอบทำตัวเหมือนเราสนิทกันมาก วนเวียนอยู่กับฉันเหมือนเจ้ากรรมนายเวรเข้าไปเอากระเป๋าที่โต๊ะทำงานของฉัน โดยที่พี่สองก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น ฉันไม่ใช่ไม่เข้าใจคำว่าหมามันเคยกินขี้ ยังไงมันกินขี้ ต่อให้วันนี้ฉันรับหมาตัวนี้กลับบ้าน มันก็ต้องหนีไปกินขี้อยู่ดี
“พี่สองคะ ปิดร้านด้วยนะคะ อ่อ ใช่ค่ะ ฉันยังรู้สึก แต่ไม่ได้แปลว่ายังรักอยู่ค่ะ” ฉันจับมือผู้ชายอีกคนที่ทำให้ฉันเข้าใจ ว่าวันนี้ฉันไม่ได้สู้อยู่คนเดียว แล้วเดินผ่านพี่สองมาเลย
“เลิกยุ่งกับแฟนผมได้แล้ว ผมหวงมาก ทำเธอร้องไห้อีก อย่าหาว่าผมไม่เตือน” แววตาที่แข็งกร้าว ราวกับว่ามันเป็นเรื่องจริง มันทำให้ฉันสงสัย อันนี้การแสดงหรืออินเนอร์จริง การแสดงแหละ ฉันซื้อเขาแล้วด้วยลูกชิ้นกุ้ง
คนที่ทำเป็นเท่ลากแขนของฉันออกมาจากร้าน ต่อหน้าพี่สองที่กำลังทำหน้าเศร้า แม้ฉันจะสงสาร แต่ฉันก็สงสารตัวเองที่ต้องมาร้องไห้ทุกวันเหมือนกัน ฉันเลยไม่หันไปสนใจผู้ชายคนนั้นอีก แบบนี้มันอาจจะดีแล้วสำหรับฉันก็ได้
“เดี๋ยวเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว” ฉันพูดพร้อมกับซ้อนท้ายรถคนที่ทำเป็นเท่ การที่ฉันต้องเป็นคนซ้อนมันทำให้หน้าไม่โต้ลมเลย แถมตัวเขาก็บังลมเย็น ๆ มิดเลย ฉันเลยตัดสินใจ ยืนบนที่เหยียบของคนซ้อนให้ตัวเองได้โดนลมบ้าง
“ทำอะไร นั่งดี ๆ” เสียงดุจากคนที่ขับทำให้ฉันเมิน
“ต่อจากนี้ฉันไม่เสียใจเพราะหมาที่มันกินขี้แล้วค่าาาาาาา ต่อจากนี้ไป ฉันจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว เพราะฉันชนะแล้ววววว”
“นั่งดี ๆ ลินินมันอันตราย”
“ก็อยากโดนลมนิหน่า นายตัวใหญ่อ่า บังลมฉันมิดเลย” ประโยคของฉันทำให้คนที่ขับรถเบรกอย่างแรงจนฉันต้องผวา นั่งลงกอดเอวเขาเอาไว้แน่น ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว ตบสักทีดีไหมเนี่ย
ก่อนเข้าบ้านเราแวะร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เพราะวันนี้ไม่เมาเลยไม่ได้เนียนยำมะม่วงเจ๊ร้านยาดอง เลยต้องมาซื้อข้าวกินเอง การจะกินคนเดียวมันก็ยังไงอยู่ จากข้าวกล่องเลยต้องเหลือมาม่ากระป๋อง ว่าแต่ยีนอยู่ไหน ทำไมหายหัว ฉันเดินไปหาคนที่หายไปไหนไม่รู้ กลับเจอเขายืนดูอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีเงินซื้อให้หรอกนะ
“ดูไรอ่า ไปต้มมาม่าดิ”
“นินรู้จักคนนี้ไหม” ยีนส่งนิตยสารมาให้ฉันดู พวกคนเก่ง คนรวย ฉันจะไปรู้จักได้ยังไง มีนิตยสารกุ๊ยท้ายซอยไหม ฉันอาจจะรู้จักทั้งหมดก็ได้
“ฉันไม่ใช่ Google นะ ไหน!!! นี่ไง ชื่อก็บอกอยู่ หมอนที หมอหนุ่มอนาคตไกล อายุน้อยร้อยล้าน มีแววลั่นวิวาห์รักเร็ว ๆ นี้”
“ไม่ใช่!!!! ผู้หญิงสิ”
“จะไปรู้ไหม เขาบอกว่าหวานใจ แฟนละมั้ง”
“ผู้หญิงคนนี้ที่ฉันรู้สึกอยากผสมพันธุ์ด้วย” พูดกับผู้หญิงแบบนี้ด้วยสีหน้าจริงจัง แกต้องเป็นคนยังไงวะ!!!
“พูดอะไรออกมา เข้าใจไหมเนี่ย ทุเรศชะมัด ไปต้มมาม่า”
“ไม่ใช่แบบนั้น เธอไม่เข้าใจ ฉันรู้จักผู้หญิงคนนี้ ฉันชอบผู้หญิงคนนี้ หัวใจเต้นตึกตักเมื่อเห็นภาพนี้ เธอเป็นคนที่ฉันรู้สึกคิดถึง ตอนแรกฉันนึกว่าแฟนของฉัน แต่ฉันหมั่นไส้ผู้ชายคนนี้ด้วย เลยเข้าใจได้ว่า ฉันอาจจะโดนทิ้ง ฉันหล่อกว่าใช่ไหม” ยีนชี้ลงที่ผู้ชายบนปกหนังสือ พร้อมกับยืดอก ทำให้ฉันต้องสลับหมอสุดหล่อ กับคนที่ยืนอยู่ข้างฉัน โหยยย คีบอีแตะช้างดาวด้วย คลาสสิกสุด โทรมสุด
“ฉันว่าเขาหล่อกว่า แต่ถ้าอยากรู้รายละเอียด ซื้อเล่มนี้ก็ได้ ราคาเท่าไหร่อ่า” ฉันพลิกหลังหนังสือเพื่อดูราคา ก่อนจะวางมันลงที่เดิม หนังสืออะไร เล่มละตั้ง 199 บาท ในกระเป๋ามีเงินแค่ 67 บาทเอง เฮ้อออออ
“ทำไมแบบนี้คือไร ตังไม่พอใช่ไหม จนสุด จนจริง ฉันจะต้องหนีจากความรู้สึกนี้!!!!” แล้วคนขี้หงุดหงิดก็เดินออกร้านไปเลย ฉันผิดรึไง เอาวะ มาม่าไปต้มที่บ้านก็ได้ เฮ้ออออออออ
ชายผู้ที่ตอนนี้ก็ยังจำอะไรไม่ได้ Say ::
ทำไมผู้หญิงในหัวของผมถึงจะไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น หมอนที หมอนทีเป็นใคร ไม่รู้จัก จำไม่ได้ แต่ความรู้สึกแพ้หมดใจนี่คืออะไร ผมไม่เข้าใจ เจ็บ เจ็บ เจ็บในใจจังเลย หากมาดอนน่าในใจของผมกำลังจะแต่งงาน แล้วผมจะพยายามจำไปเพื่ออะไร
“เป็นอะไร นิ่งไปเลย ใครเตะปลั๊ก นิ่งเชียว ผู้หญิงคนนี้นะเหรอ ที่นายบอกเรียกนายในฝัน” ลินินเดินถือถ้วยมาม่ามาให้ผม ผมรู้สึกตัวเองทำตัวเอื่อยเฉื่อยมากไป เพราะผมอยู่ที่นี่เธอถึงแต่งงานรึเปล่า
“ไม่ใช่ คนนี้ฉันเห็นมันซ้อนทับกับเธอบ่อย ๆ ตอนเธอร้องไห้ ช่างเถอะ เขากำลังจะแต่งงานแล้วนี่ คนที่ฉันฝันถึงเป็นหญิงอีกคน ที่หน้าเหมือนฉันแบบเนี้ยะ”
“สงสารผู้หญิงคนนั้นจัง ที่ต้องหน้าเหมือนนาย คิดภาพไม่ออก จะต้องตาตี่ ๆ แล้วก็หน้าเหมือนแมว ต้องไม่ค่อยยิ้ม ชอบทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา”
“จับนมทีนึงเดี๋ยวยิ้มให้ดู” ผมก็แหย่เธอไปแบบนั้นแหละ เพราะตอนนี้ผมเซ็งมาก ที่ผมอาจจะอยากตายก็ได้ พอไม่ตายเลยโผล่มาให้เธอขับรถชนผมซ้ำ
“ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ แล้วไอ้คำว่าอยากผสมพันธุ์กับผู้หญิงเนี่ยเลิกพูด มันไม่น่าฟังเลย”
“มันคือสิ่งแทนคำพูดในใจ ในตอนนี้ฉันนึกคำอื่นออก จะบอกว่านอนกับผู้หญิงก็ไม่ใช่ ฉันนอนกับเธอตั้งหลายทีก็ไม่ได้กัน เฮ้อออออ ก็หาคำในหัวที่ดีกว่านี้ไม่ได้ ก็เท่านั้น แล้วเธอคิดว่ามันควรเป็นคำว่าอะไร” ผมถามเธอกลับพร้อมกับกินมาม่าที่เธอต้มให้ นี่รสอะไร ต้มยำกุ้งเหรอมันควรจะเป็นรสที่ดังที่สุดสินะ ทำไมผมถึงไม่คุ้นชินกับรสนี้เลยนะ
“อาาาาา ทำไมมากินกันไม่เรียกผมเลย” เสียงที่เรียกเราทำให้เราหันไปมอง คอตตอนที่ขยี้ตาเดินมาหาเรา
“ยังไม่นอนรึไงค้าบ ทำไมเดินลงมา”
“ต้อนลงมากินน้ำ เห็นอาจีบกัน” อะไรคือจีบกัน ผมไม่ได้จีบอาของเขาน้า รู้ไว้ก่อน
“จีบที่ไหนกันเด็กน้อยแค่กินมาม่ากันเฉย ๆ กินไหมพี่แบ่งให้” ผมใจดีเสียสละมาม่าในถ้วย ที่เพิ่งกินไปได้แค่ 2 คำ
“ไม่เอาฮะ ต้อนไม่กินเผ็ด แต่ทำไมพี่มีตุ่มขึ้นที่ปากด้วย” เด็กน้อยชี้ไปที่ปากผม ทำให้ผมต้องแตะมันน้อย ๆ เพียงแค่แตะเท่านั้นแหละ อาการคันปวดแสบปวดร้อนก็ทำให้ผมเกาไม่หยุด เริ่มจากที่ปาก ไปที่หน้า อ๊ากกกก คัน ทำไมคันนนนน
“ฮึ้ยยยยย แพ้ทำไมไม่บอก ปากเจ่อแล้ว”
“อาาาาา พี่เค้าตาปิด แถมมีตุ่มขึ้นตามตัวด้วย พี่เขาเหมือนตุ๊กแกเลย” คอตตอนเปรียบเทียบซะผมไม่กล้าหันไปมองกระจก ตอนนี้ทำได้แค่เกาแขน แขวก ๆ
“อย่าเกา ฉันพาหลานขึ้นไปนอน จะเอายาแก้แพ้มาให้” ลินินพาหลานไปกินน้ำก่อนจะพาคอตตอนไปขึ้นนอน ทิ้งไว้แต่ผมที่ตอนนี้ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว ผมแพ้อะไร แพ้มาม่าเหรอ ต้องไปหาหมอ ต้องๆไปหาหมอรึเปล่า แค่กินยาก็ได้เหรอ!!!!
ไม่นานลินินก็ลงมาพร้อมกับกระปุกยาเล็ก ๆ ยาเม็ดสีเหลืองสองเม็ดถูกส่งมาให้ผม พร้อมกับแก้วน้ำที่เทน้ำให้อย่างดี แชะ!!! แชะ!!! แสงจากแฟลชโทรศัพท์ฉาบใส่ตาจนตาผมปิด อะไรเล่า ลบรูปเดียวนี้!!!! ผมรีบเอายาเข้าปากแล้วกินน้ำตาม จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม!!!!
“ลบรูปปปป” ผมพยายามจะแย่งโทรศัพท์จากลินิน แต่เธอกลับเอามันไปซ้อนมันไปไว้ด้านหลัง
“ว้ายตัวประหลาด ฮ่ะ ๆ ตัวอะไรอะ โคตรตลกเลย ตาบวมตุ่ย ปากเจ่อเลย โคตรทุเรศเลยว่ะ” เสียงหัวเราะของเธอมันทำให้ผมนั้นอยากอัดเธอสักตุบ แต่ทำได้แค่ หยิกแก้มเหี่ยว ๆ ของเธอ เพราะตอนนี้ผมคันเหลือเกิน
“นอนแล้ว”
“อะไร งอนเหรอ ยีนนนนน เดี๋ยวงอนเหรออออออ”
“ไม่ได้งอน แต่นอนแล่ว”
“เดี๋ยว…เดินไหวไหม ฉันช่วยมา ๆ ขี้เหร่แล้วยังขี้ใจน้อยอีก”
อีกด้าน
“พี่ชีฟอง อากับพี่เค้าจีบกันเหรอ” คอตตอนถามคนเป็นพี่สาวที่แอบดูอาของตัวเองพยุงคนป่วยเข้าไปนอนในห้อง
“ทำไมต้อนถึงคิดว่าจีบกัน”
“ก็เพื่อนที่โรงเรียนจีบกันเขาให้ขนมกัน อาให้มาม่าพี่เขาด้วยนะ” เด็กน้อยพูดตามสิ่งที่เห็นอย่างไร้เดียงสา
“ตอนแรกไล่เค้าจะตาย ตอนนี้ดูแลอย่างดี ไม่เข้าใจผู้ใหญ่เลย”
“พี่ฟองก็จีบกับพี่บอล พี่แลกขนมกัน….” ประโยคของน้องชายทำให้คนเป็นพี่ต้องรีบเอามือมาปิดปากเอาไว้ เพราะกลัวคนได้ยิน
“พูดอะไรมั่ว ๆ อย่าบอกใครนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงขนม นอนเถอะ”