“กรี๊ดดดดดดดดด”
เสียงกรีดร้องดังลั่นไม่ใช่เสียงใครอื่นนอกอลิชา มันดังจนดีแลนที่กำลังนั่งสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่หน้าบ้าน ต้องรีบวิ่งตรงดิ่งไปหาเธอในทันที
“ลิชา! เปิดประตู! คุณเป็นอะไร!” สองมือทุบประตูดังปึงปัง เสี้ยววินาทีต่อมา เธอก็เปิดมันออก พร้อมวิ่งมายืนด้านหลังเขา เธอวิ่งออกมาในชุดที่ทำเอาชายหนุ่มต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ และส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อสะบัดภาพอลิชาที่มีเพียงผ้าขนหนูพันตัวให้หลุดออกจากความคิด
“ตรงนั้นมีตะขาบ ตัวใหญ่มาก” เธอชี้ไปตรงนั้น ซึ่งระบุไม่ได้เลยว่าตรงไหน แต่เป็นในห้องของเธอนั่นแหละ
“ตรง... ไหนนะ?” เขาไม่ได้กลัวตะขาบ แต่ที่ถามตะกุกตะกัก เพราะเธอคงไม่รู้เลยว่าอะไรต่อมิอะไรมันเบียดเสียดหลังเข้าเต็ม ๆ แล้วไหนจะกลิ่นหอมจากสบู่ กลิ่นเดียวกับตอนเจอเธอริมทะเลวันนั้น นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาฟุ้งซ่าน
“ตรงนั้นไง ข้างเตียง เห็นไหม นั่นไง ๆ”
ดีแลนเห็นแล้ว มันตัวโตเต็มวัย เลื้อยไป เลื้อยมา หาที่หลบภัย เพราะคงตกใจไม่แพ้กัน ว่าแล้วเขาก็ถอดรองเท้า ถือเข้าไปในบ้าน และฟาดมันจนสิ้นใจในครั้งเดียว
“ขอโทษนะ แต่จำเป็นจริง ๆ” เขายกมือไหว้ตะขาบ ไม่อยากทำร้าย แต่ถ้าไม่ทำ มันก็คงวนเวียนสร้างความวุ่นวาย และอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตหากกัดใครสักคน
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก ฉันหัวใจจะวาย มันจะไต่ขาฉัน” เธอพูดจบก็ขนลุก สัมผัสจากขาหลายคู่ของมันยังวนเวียนอยู่บนหลังเท้า ดีที่ตกใจจนสะบัดมันออกได้ทัน
“ครับ” เขาตอบสั้น ๆ ไม่สบตา จ้องมองไปที่รองเท้า เพราะยังไม่หายใจสั่นที่เห็นอลิชาอยู่ในชุดวาบหวิว ยิ่งตอนนี้อยู่ในบ้านด้วยกันตามลำพัง ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้
“ขอกระดาษทิชชูครับ”
“คุณจะเอาไปทิ้งให้ฉันใช่ไหม” เธอถามตาเป็นประกาย หุบยิ้มไม่ได้ เพราะไม่อยากเห็นภาพสยดสยอง และเมื่อเขาพยักหน้า เธอก็หยิบสิ่งที่เขาต้องการมาให้ ถอยไปยืนห่าง ๆ มองเขาหยิบรองเท้าขึ้นมา
“กรี๊ดดดดดดด”
อีกครั้งที่อลิชากรีดร้อง ตะขาบยังไม่ตาย มันตรงมาหาเธอ พอจะวิ่งหนีก็สะดุดขาตัวเอง
ดีแลนก็ตกใจ แต่ไม่ได้ตกใจตะขาบ ตกใจที่เธอกรี๊ด ตกใจที่เธอจะล้ม และแน่นอนว่าเขาต้องช่วยไม่ให้เธอหน้าขมำ ชายหนุ่มจึงวิ่งไปรับตัวเธอไว้ ก่อนจะล้มลงไปบนเตียง โดยที่ตัวเองอยู่ด้านล่าง รองรับแรงกระแทกแทนอลิชาที่อยู่ด้านบน
เธอทำตัวไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก เมื่อถูกดวงตาที่เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์กักขังให้อยู่ในภวังค์
ดีแลนเองก็เช่นกัน เขามองเธออยู่แบบนั้น ร่างกายไม่ขยับเขยื้อนไปไหน สิ่งเดียวที่ยังทำงานอยู่คือหัวใจ มันเต้นแรงผิดปกติ คล้ายจะบอกว่านี่ไม่ใช่ฝัน และเมื่อรู้ว่านี่คือความจริง ตาจึงมองหน้าเธอไว้ จ้องไม่กะพริบ ไม่เลื่อนลงไปมองอย่างอื่น ไม่อยากให้บางอย่างที่เคยถูกผ้าขนหนูปกปิด แต่ตอนนี้ไร้ซึ่งสิ่งปิดกั้น จนสัมผัสที่ได้รับคือเนื้อที่กำลังแนบเนื้อ
“ผม...”
“หลับตาค่ะ” อลิชารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่นิ่งไม่ใช่แค่ตกอยู่ในภวังค์ แต่เธอเองก็ไม่กล้าขยับตัวไปไหน ยิ่งเขามองหน้าก็ยิ่งใจสั่น หวั่นไหวกับไปเรือนร่างของคนที่กำลังนอนทับ
เขาหลับตาตามคำสั่ง ควบคุมลมหายใจให้คงที่ ห้ามตัวเองไม่ให้มองอลิชาที่ค่อย ๆ ผละตัวเองออกห่าง คลำหาหมอน เมื่อมือคว้าได้ก็ดึงมาปิดหน้าในทันที
“ลืมตาได้ค่ะ” ตอนนี้ร่างกายกลับมาอยู่ในชุดเดิมกับตอนที่ใส่เดินทาง เขาได้ยินดังนั้นก็รีบลงจากเตียงไปดูตะขาบว่าหายไปไหน ซึ่งมันไม่ได้ไปไกล แค่ใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายหนีเอาตัวรอดเท่านั้น
“ขอบคุณนะคะ” อลิชาจำเป็นต้องมองหน้าดีแลน ขอบคุณส่ง ๆ เหมือนไม่ซาบซึ้งไม่ได้ เพราะเขาทำความสะอาดพื้นให้อย่างดี ไม่มีร่องรอยการฆาตกรรมเกิดขึ้นบนห้องเลยแม้แต่นิดเดียว
“ครับ” เขาทำตัวเป็นปกติ มองตาบ้าง หลบตาบ้าง และออกจากห้องไปโดยไม่ได้บอกลา เมื่อประตูปิดลงก็ถอนหายใจ ภายใต้เป้ากางเกงกำลังมีบางอย่างไม่ปกติ เพราะอุบัติเหตุที่แปรเปลี่ยนเป็นความใกล้ชิดเมื่อครู่
อลิชาเองก็เหมือนกัน เธอรู้ว่าความรู้สึกเป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ เมื่อได้ชิดใกล้กับเพศชายก็ไหวหวั่น ว่าแล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทว่าใจก็ยังว้าวุ่น คิดถึงแต่เพื่อนบ้านอยู่ร่ำไป เหตุใดร่างกายถึงโหยหาชายคนนั้นมากเพียงนี้ จากที่ตั้งใจจะนอนพักผ่อน เพื่อเตรียมสมองให้พร้อมไปเจอเพื่อนร่วมงานใหม่ตอนบ่ายสอง ตอนนี้บ่ายโมงเข้าไปแล้ว ไม่ได้นอนเลยแม้แต่วินาทีเดียว
พอเปิดประตูจะไปเดินเล่นที่ชายหาดฆ่าเวลา ดันเปิดมาเจอดีแลน เขานั่งอยู่หน้าบ้านตัวเอง มีควันสีขาวขุ่นลอยคลุ้งรอบตัว แต่กลิ่นที่ได้รับนั้นไม่ใช่กลิ่นบุหรี่ทั่วไป แต่เป็นกลิ่นช็อกโกแลตของบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อสายตาประสานกัน เขาก็พลันวางบุหรี่ ลุกจากเก้าอี้และยืนส่งยิ้มมาให้
“ขอโทษครับ”
“เรื่องอะไรคะ?” เธอไม่เข้าใจ ส่งยิ้มกลับไป พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
“เรื่อง... นี้ครับ” เขาชี้ไปบุหรี่ไฟฟ้า เข้าใจว่ามันไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็น แต่เธออาจไม่ชอบ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินออกมาตอนคุณสูบเอง”
“ครับ” ดีแลนตอบเก้ ๆ กัง ๆ ลังเลว่าจะเดินไปหาดีไหม แต่สุดท้ายก็ไม่ไป ส่งเพียงเสียงไปถามว่า... “จะไปไหนเหรอครับ”
เขาดูนาฬิกา ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานัด วันนี้ไม่ใช่วันเริ่มงานของเธอ แค่จะพาไปแนะนำให้คนอื่น ๆ รู้จัก และที่นัดเวลานี้ ก็เพราะรอธัญญา คนที่ชักชวนอลิชามาทำงานกลับจากทำธุระ
“จะไปเดินเล่นค่ะ”
“ที่ชายหาดเหรอครับ”
“ก็... ใช่ค่ะ แต่ไม่รู้ระหว่างจะแวะที่ไหนหรือเปล่า”
“กลัวหลงทางไหมครับ”
“ไม่ค่ะ” ในโรงแรมมีป้ายบอกว่าทางนี้ไปไหน ทางนั้นไปที่ใด และไม่เปิดโอกาสให้เขาร่วมทางไปด้วย แค่นี้ก็กระอักกระอ่วนใจพอแล้ว
“งั้น... เดินดี ๆ นะครับ ที่บาร์ริมชายหาด น้ำแตงโมปั่นอร่อยมาก ถ้าคุณอยากชิม บอกบาร์เทนเดอร์ว่าคุณเป็นคนของผมนะครับ”
“คนของผม?” เธอทวนคำอย่างใช้ความคิด ช่างเป็นคำที่กำกวมเหลือเกิน
“ผมหมายถึง...”
“ฉันเข้าใจค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ เจอกันตอนบ่ายสองนะครับ”
อลิชาพยักหน้าตอบ ‘คนของผม’ ฟังแล้วรู้สึกแปลก ๆ แต่เขาหมายความว่าจะจ่ายค่าเครื่องดื่มให้ ไม่ได้หมายความอย่างอื่นหรอกเนอะ