ตอนที่ 2... เรื่องวันวาน (3/3)

1680 Words
“จ้องหน้าผมขนาดนี้... กำลังคิดว่าผมหน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอมาก่อนเหรอครับ” เสียงของดีแลนทำให้อลิชาตื่นจากภวังค์ เธอไม่รู้ว่าใช้เวลาทบทวนเรื่องในวันวานนานแค่ไหน แต่มันคงนานพอให้เขาจับได้ว่ากำลังคิดถึงเรื่องใด และมันคงจะนานมากจริง ๆ เพราะตอนนี้พี่สนธิขับรถมาถึงโรงแรมแล้ว “ยินดีต้อนรับสู่สวรรค์โฮเทลครับคุณอลิชา” ดีแลนเปิดประตูเชิญเธอลงจากรถ ผายมือไปทางด้านหน้าของโรงแรม เพื่อบอกให้รู้ว่ายินดีต้อนรับสุดหัวใจ “นี่คือที่พักของคุณ ที่เคยบอกฉันใช่ไหม” เธอหวนนึกถึงตอนที่เจอเขาที่ชายหาดโดยบังเอิญ ตอนนั้นเธอพักที่นี่ เพราะเป็นโรงแรมที่ธัญญาทำงานอยู่ แต่เธอไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าของโรงแรมเป็นใคร “ใช่ครับ” เขาพูดจบก็ยกมือห้ามไม่ให้สนธิยกกระเป๋าไปยังที่พักของอลิชา “ในฐานะที่รู้จักโรงแรมนี้ดีที่สุด ผมจะไปส่งคุณเองนะครับ ระหว่างทางเราจะได้พูดคุยกัน” “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับน้ำใจจากคุณดีแลนค่ะ รบกวนนำทางด้วยนะคะ” อลิชาหมดทางเลือก จะปฏิเสธก็ไม่กล้า เพราะต่อไปนี้เงินเดือนที่จะได้รับในหลักหมื่นปลาย ๆ อีกนิดจะหลักแสนนั้นมีเขาเป็นผู้จ่าย “เดินไปพร้อมกันน่าจะดีกว่านะครับ ผมอยากให้คุณอยู่ข้าง ๆ และถ้าเย็นนี้คุณว่าง ไปกินข้าวด้วยกันนะครับ” “โทษทีนะคะ พอดีว่ายังไม่โสดค่ะ” เธอปั้นหน้ายิ้ม ยิ้มให้หวานที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้ ยิ้มปกปิดคำโกหก จะให้เขารู้ว่าโสดไม่ได้ “ไม่โสดแต่หนีมาทำงานซะไกลเลย พี่ทรายเล่าให้ฟังว่าตามตื๊อคุณอยู่นาน แต่คุณปฏิเสธที่จะมาทำงานที่นี่ตลอด อะไรให้ทำให้คุณเปลี่ยนใจครับ” “เงินไงคะ คุณให้เงินเดือนฉันตั้งแปดหมื่น ที่พักฟรี อาหารเช้าฟรี ฟิตเนสฟรี สระว่ายน้ำฟรี แถมยังมีวิวทะเลสวย ๆ อยู่ห่างแค่เอื้อม ของแถมฟรีขนาดนี้ ใครจะไม่มาล่ะคะ” “แล้วทำไมไม่มาตั้งนานแล้วครับ วันนั้นคุณบอกผมว่าคุณชอบที่นี่มากไม่ใช่เหรอ” “ฉันไม่ได้บอกว่าฉันชอบที่นี่ ฉันบอกว่าฉันชอบทะเล” อลิชาพยายามไม่โวยวาย เพราะระหว่างทางต้องเดินสวนกับคนนั้นคนนี้มากมาย และพวกเขาก็คอยส่งยิ้มให้ดีแลนเสมอ “เดี๋ยวคุณก็ชอบที่นี่ แล้วก็จะชอบคนที่นี่ โดยเฉพาะผม” เขาทำหน้ากวนประสาท ส่งยิ้มกวนบาทาและกวนใจคนฟังไปพร้อม ๆ กัน “โดนขวดเบียร์ฟาดหัวเรียกสติวันนั้น สติไม่กลับเข้าร่างคุณบ้างเหรอคะ” “คุณไม่ได้ฟาดหัว คุณฟาดหน้าผากผม” เขาพูดจบก็หยุดเข็นรถที่เต็มไปด้วยสัมภาระของอลิชา ยกมือขึ้นมาเปิดผมที่ปรกหน้าผากให้เธอเห็นรอยแผลชัด ๆ “แล้ว... เศษแก้วไม่ได้เข้าตาใช่ไหม” “ไม่...” “ไม่เข้า?” เธอถามเบา ๆ ที่จริงก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน แต่ความโกรธรั้งขาเอาไว้ไม่ให้เดินกลับไป เช้าวันต่อมาก็แอบหวังว่าจะบังเอิญเจอกันอีก แต่โชคชะตาไม่เล่นตลกแบบนั้นแล้ว “ไม่ต้องทำหน้าสำนึกผิดเลย คุณใจร้ายมาก นี่คือสิ่งที่คุณทำกับผู้ชายที่ตรงสเปกตั้งแต่หัวจรดเท้าเหรอครับคุณลิชา” “โอ้...” อลิชายกมือปิดปาก ตลอดทางภาวนาให้เขาลืมคำพูดนั้นไปซะ แต่ทำไมจำแม่นขนาดนี้ และเธอได้กลิ่นความหายนะ เขาคงจะเอาเรื่องนี้มาพูดไม่หยุด จึงเอ่ยถามเล่น ๆ ว่า... “ฉันลาออกตอนนี้ได้ไหมคะ” “ผมไม่ให้ออก” “แต่...” “นอกจากเงินเดือนแปดหมื่น ผมให้ของแถมอีกอย่างเอาไหมครับ” “อะไรเหรอคะ” “รถยนต์หนึ่งคัน เบิกค่าน้ำมันได้” “ตกลงค่ะ” เรื่องอะไรจะปฏิเสธ ลาออกจากที่ทำงานเก่าแล้ว หากลาออกจากที่นี่ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงาน อีกไม่กี่เดือน สภาพการเงินคงสั่นคลอนไม่น้อย “ขอบคุณนะคะ” “แต่ผมเป็นคนขับนะ จะไปไหนก็บอก เดี๋ยวพาไปทุกที่เลยครับ” “แต่ฉันขับรถเป็นนะ” “แต่ผมจะขับให้” “แต่...” “แต่ผมอยากขับรถให้ผู้หญิงที่ผมชอบ ผมอยากให้คุณนั่งสบาย ๆ หรือถ้าอยากลำบาก ก็เอามือขวาของคุณมาจับมือซ้ายของผมไว้ก็ได้ครับ” “ฉันว่าเราคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วนะคะ” “คุณรู้... แต่คุณอยากเปลี่ยนเรื่องคุย และผมยืนยันว่าจะขับรถให้เอง” “คุณรู้... ว่าฉันอยากขับรถเอง แต่ทำไมยังจะขับให้ฉันอยู่ได้คะ” “ผมถือคติ ด้านได้ อายอด” “อย่าด้านมากนะคะ ผู้หญิงที่คุณชอบเขาจะรำคาญเปล่า ๆ ลืมเหรอคะว่าแถวนี้มีผู้ชายแบบคุณเยอะแยะ ซึ่งนั่นแปลว่าทุกคนตรงสเปกฉันหมด” เธอต่อล้อต่อเถียงจนเขาพูดไม่ออก และโชคดีที่เดินมาจนถึงโซนที่พักของพนักงาน ซึ่งอยู่ด้านหลังโรงแรม เธอเลยเปลี่ยนเรื่องคุยซะเลย “ถึงที่พักแล้วใช่ไหมคะ” “ครับ” เขาเลิกพูดเรื่องรถ เพราะกลัวเธอรำคาญจริง ๆ ที่ทำได้ตอนนี้คือเปิดประตูและช่วยยกกระเป๋าเข้าห้อง นี่คือบ้านพักหลังเล็ก ๆ แต่ทุกอย่างครบครันและแบ่งสัดส่วนอย่างลงตัว ด้านหน้ามีระเบียงไม้ พร้อมโต๊ะเอนกประสงค์ จะนั่งเล่น จะทานอาหาร จะนั่งทำงานจะทำอะไรก็ตามแต่ใจต้องการ ด้านหลังมีพื้นที่เล็ก ๆ ปูกระเบื้องไว้สำหรับตากผ้าและทำอาหาร โดยที่ด้านข้างมีไม้ระแนงกั้นไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวของบ้านแต่ละหลัง “ขอบคุณมากนะคะ” “ครับ อีกฝั่งหนึ่งของโซนนี้เป็นของพนักงาน จะเป็นห้องแถว ส่วนที่เป็นบ้านพัก เป็นของคนที่มีตำแหน่งผู้บริหารที่ไม่ได้มีบ้านอยู่แถวนี้ครับ” “แล้วฉันมีเพื่อนบ้านกี่คนเหรอคะ” อลิชาถามเป็นความรู้ เท่าที่ยืนมองจากหน้าบ้านตอนนี้ มีบ้านทั้งหมดหกหลัง แต่ไม่รู้ของใครเป็นของใคร “มีหนึ่ง...” ดีแลนหยุดคิด นับนิ้วไล่เรียงรายชื่อไม่นานก็พูดต่อ “มีหนึ่งคน” “รวมฉันเป็นสอง?” “ใช่ครับ” “แล้วเขาคือใครเหรอคะ” “ผมเอง” “อ๋อ... แล้วไม่ทราบว่าแถวนี้มีหอพักให้เช่าแนะนำไหมคะ” “คุณลิชาครับ คุณรังเกียจผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ” “อย่าใช้คำว่ารังเกียจเลยค่ะ ใช้คำว่าระแวงจะเหมาะสมกว่า และถ้าเป็นไปได้ ฉันขออนุญาตพักผ่อน แล้วค่อยเจอกันตามเวลานัดหมายตอนบ่ายสองนะคะ” “ผมขอกอดหน่อยได้ไหม” “อะไรนะ!” เธอตกใจยกใหญ่ อะไรของเขาเนี่ย “กอดต้อนรับ ใคร ๆ เขาก็กอดกัน กอดแบบเพื่อน คนรู้จัก อะไรแบบนี้” “ไม่ค่ะ” “ผมกอดเฉย ๆ สาบานเลย” ดีแลนยืนอ้าแขน หากเธอไม่ยินยอมก็ไม่เป็นไร แต่ขออ้อนอีกหน่อยก็แล้วกัน อลิชาฟังแล้วก็ได้แต่ครุ่นคิด ลังเลว่าจะเอายังไง เรื่องกอดสำหรับเธอมันปกติมาก ติดตรงคนที่จะกอดด้วยนี่แหละ แต่ก่อนเขาจะแยกกับสนธิ เธอก็เห็นเขากอดคนขับรถอย่างเป็นกันเอง เมื่อบอกตัวเองดังนั้นก็กอดตอบ จะกอดสั้น ๆ นับหนึ่งถึงสามแล้วจะปล่อย แต่ดีแลนก็รั้งไว้ด้วยอ้อมแขน กอดแน่น ๆ ไม่ให้ไปไหน พร้อมกระซิบที่ข้างหู “คืนนั้นผมขอโทษนะครับ ขอโทษที่ทำตัวแย่ ๆ ผมไม่โทษบรรยากาศหรืออะไรทั้งนั้น ผมผิดเองที่อยากจูบคุณมากเกินไป มากจนห้ามใจไม่ไหว ผมสมควรแล้วที่มีแผลบนหน้าผาก ผมจะไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกครับ” ดีแลนบอกอย่างจริงใจ อยากพูดคำนี้มานาน แต่ไม่รู้จะบอกยังไง ได้แต่คิดว่าขอให้มีโอกาสได้เจอเธออีกสักครั้ง และเมื่อได้ทำในสิ่งที่ต้องการก็คลายอ้อมกอด ปล่อยให้เธอเป็นอิสระตามที่ต้องการ “จะไม่จูบฉันอีกแล้วใช่ไหม” “ผมจะจูบคุณอีก แต่จะจูบตอนที่ไม่มีขวดเบียร์อยู่ใกล้มือคุณครับ” “คุณ!” อลิชาถลึงตาใส่เขา จะตีเขาที่แขน แต่ดีแลนก็เดินหนีออกไปแล้ว “ผมดีใจจริง ๆ นะครับที่เราได้เจอกันอีก บ๊ายบายครับ” แววตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หาจากดวงตาสีฟ้าเข้มคู่สวยบ่งบอกได้อย่างดี ว่าทุกคำที่ออกมานั้นจริงใจและจริงจัง ทำเอาคนถูกมองรีบวิ่งเข้าห้อง ปิดประตูลงกลอน ก่อนจะแอบมองเขาจากหน้าต่าง สิ่งที่เธอเห็นคือดีแลนหันหลังกลับไปพร้อมรอยยิ้ม เขายกมือปัดผมไปมา เหมือนทำตัวไม่ค่อยถูก ส่วนบ้านพักของเขาก็อยู่ไม่ไกล ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร และเป็นบ้านหลังข้าง ๆ เธอนี่เอง “ผมคิดถึงคุณ รับสายผมหน่อยนะครับ” เสียงเตือนข้อความจากแทนคุณ ทำให้อลิชากลับมาอยู่กับตัวเอง ตั้งแต่เห็นภาพบาดตาวันนั้น จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาร่วมเดือน ทว่าทุกวินาทียังชัดเจนในความทรงจำ ปลอบใจตัวเองว่าการตัดสินใจมาทำงานที่นี่นั้นถูกต้องแล้ว หากได้วุ่นวายกับงานใหม่คงเลิกคิดถึงคนรักเก่า และหวังว่าลมทะเลจะพัดพาความทุกข์ใจ ให้สลายหายไปโดยเร็ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD