ตอนที่ 2... เรื่องวันวาน (2/3)

3521 Words
“สวัสดีครับ” เสียงหวานประทับใจ สะกดจิตให้อลิชายืนนิ่งไม่ไปไหน ขยับได้มากสุดก็แค่หลบคนที่เดินไปเข้าห้องน้ำ เพราะผู้ชายที่เพื่อนวิเคราะห์เรื่องราวชีวิตของเขาเมื่อครู่ จับแขนเธอเบา ๆ ให้มายืนชิดติดผนัง “ค่ะ” แน่ละว่าเขาไม่ได้คุยกับคนอื่น จะเมินเฉยเดินจากไปก็เสียมารยาท “ผมชื่อ...” “วันนี้ฉันมีเพื่อนเยอะแล้ว ไม่อยากมีเพื่อนใหม่ค่ะ” อลิชารู้ว่าเขาเข้ามาทักทายเพราะจุดประสงค์ใด และแม้จะอยู่ไกลหู ไกลตาแทนคุณ แต่จะไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชายคนไหนเป็นเด็ดขาด เราต้องซื่อสัตย์กับคนรักทั้งต่อหน้าและรับหลัง เธอจึงส่งยิ้มให้เขาแทนคำบอกลา ก่อนจะออกไปรวมตัวกับเพื่อน ๆ แต่เธอไม่รู้อะไรซะแล้วว่าเขาหมายปองจ้องเป็นเจ้าของ ตั้งแต่เห็นเธอที่สนามบินเมื่อเช้านี้ อลิชาสวยสะดุดตาตั้งแต่นั่งรอขึ้นเครื่องบิน แม้เธอจะไม่ได้สนใจ ไม่มีเขาอยู่ในสายตา แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็คอยมองเธออยู่ร่ำไป จนกระทั่งต้องแยกทางกันที่สนามบินภูเก็ต เขาก็ได้แต่ภาวนาว่าหากปาฏิหาริย์มีอยู่จริง ขอให้ได้เจอกันอีกครั้ง และโชคชะตาก็ดลบรรดาลให้ทันใจ ยังไม่ทันข้ามวันก็ได้เจอผู้หญิงที่หมายปอง และเขาจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เพื่อนเยอะแล้วยังไง ตอนนี้เพื่อนเธอทยอยกลับ ไม่ก็หลับคอพับเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปแล้ว ส่วนอลิชาที่ตอนแรกไม่ได้เมา ตอนนี้กระแสเลือดนั้นคละเคล้าไปด้วยคอกเทลเกือบสิบแก้ว “สวัสดีครับ” “ว้ายยย! ทักผิดคนหรือเปล่าคะคุณ” กวินนาตอบกลับผู้ชายที่นั่งมองเพื่อนไม่วางตาตั้งแต่หัวค่ำ จนตอนนี้เที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว “เปล่าครับ ผมตั้งใจจะมาคุยกับคุณ ผมชื่อดีแลนนะครับ” “ค่ะ ฉันชื่อกวินนา ส่วนเพื่อนฉัน คนที่คุณมองตาไม่กะพริบและคนที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้ชื่ออลิชาค่ะ เรียกลิชา เรียกลิ เรียกช่า เรียกอะไรก็ได้ค่ะ” เธอใช้เวลาที่เพื่อนซี้ไปเข้าห้องน้ำโฆษณาอลิชาอย่างเต็มที่ “ขอบคุณครับ ผมอยากรู้ว่าเพื่อนคุณมีแฟนหรือยังครับ มีคนมาด้วยหรือเปล่า มีคนมารอรับไหม เธอพักที่ไหนครับ” “แฟนมี แฟนก็มาแล้วค่ะ คุณเห็นผู้ชายคนไหนมาตามเฝ้าเพื่อนฉันไหมล่ะคะ” กวินนาไม่บอกดีแลนว่าอลิชามีเจ้าของอยู่แล้ว เพราะมีแฟนแบบนั้น อย่ามีเลยดีกว่า “ถ้าอย่างนั้น... ผมขอเวลาสักห้านาทีให้ผมได้คุยกับเธอได้ไหมครับ” “ได้ค่ะ ให้สิบนาทีเลยก็ได้ ช่ากลับแล้ว ฉันกำลังจะเรียกรถมารับเพื่อน แต่ถ้าคุณอยากไปส่ง คุณแค่บอกทะเบียนรถของคุณมา ระหว่างทางคุณมีเวลามากกว่าห้าหรือสิบนาทีแน่นอน แต่ถ้าถึงโรงแรมแล้ว เพื่อนฉันไม่คิดจะสานต่อ คุณห้ามตอแยเพื่อนฉันเด็ดขาด โอเคไหมคะ” “โอเคครับ” ดีแลนตอบตกลงทันที นี่เป็นแผนที่ยิ่งกว่าใช้ได้ มันคือแผนที่ยอดเยี่ยม “บอกทะเบียนรถมาค่ะ และทันทีที่คุณหันหลังจากฉัน เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ตกลงไหมคะ” “ตกลงครับ” สำหรับกวินนา เธอยอมรับว่าที่ทำลงไปนั้นไม่เหมาะสม แต่เบื่อเต็มทน ที่ต้องเห็นเพื่อนอยู่กับผู้ชายอย่างแทนคุณ และเธอรู้ดีว่าผู้ชายในอุดมคติของเพื่อนคือผู้ชายแบบดีแลนนี่แหละ ไม่เชื่อก็ลองดูเพลงที่เพื่อนฟัง หนังที่เพื่อนดู ดาราที่เพื่อนชอบ ล้วนแต่มาจากประเทศตะวันตกทั้งนั้น “ถึงแล้วบอกด้วยนะช่า” กวินนาบอกหลังจากส่งอลิชาขึ้นรถ เธอยิ้มบอกลา และปิดประตูให้เพื่อนที่เข้าไปนั่งตรงเบาะหลังเป็นที่เรียบร้อย “เออ” อลิชาโบกมือให้เพื่อน เมื่อรถเคลื่อนตัวออกมาเพียงเสี้ยววินาที เธอก็มองไปที่คนขับเพื่อจะทักทาย และเมื่อมองจากด้านข้าง เห็นเพียงสันกรามกับใบหู เธอก็เปิดกระจกแล้วชะโงกหน้าไปด่ากวินนาทันที “อีนา! อีงูพิษ!” “มาเที่ยวทั้งที ฉันไม่ให้แกพลาดของดีภูเก็ตหรอกเว้ย!” “เพื่อนทรยศ...” อลิชาหงุดหงิด แต่ไม่เสียแรงตะโกนออกไป เพราะรถขับเลยมาไกลเกินกว่าจะแหกปาก พูดไปเพื่อนก็ไม่ได้ยิน บ่นเสร็จก็นั่งกอดอก มองคนขับรถตาขวาง “สวัสดีครับ” “ฉันพูดตรง ๆ เลยนะ คุณไปส่งฉันได้ แต่ฉันไม่นอนกับคุณเด็ดขาด” ดีแลนอมยิ้ม เธอช่างเป็นผู้โดยสารที่ตรงไปตรงมาที่สุดเท่าเคยเจอ หรือจะพูดให้ถูก เธอเป็นผู้โดยสารคนแรกต่างหาก เพราะนี่เป็นการประกอบอาชีพคนขับรถครั้งแรกในชีวิต “ผมยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นเลยครับ แค่อยากทำความรู้จัก” “ฉันไม่อยากรู้จัก ไม่ต้องแนะนำนะคะว่าชื่ออะไร” “ผมชื่อ...” “ฉันบอกว่าไม่อยากรู้จักไงคะ ฉันมีแฟนแล้ว” “แต่เพื่อนคุณบอกว่า...” “นี่ไงแฟนฉันโทรมาพอดี” อลิชายื่นโทรศัพท์ไปให้ดู หน้าแทนคุณปรากฏบนหน้าจอ ทำเอาดีแลนหน้าสลด ถ้าในรถสว่างกว่านี้อีกนิด คงได้เห็นว่าหน้าเขาซีดขนาดไหน “ห้ามเสียงดังเด็ดขาด เข้าใจไหมคะ” เขาเข้าใจดี เพราะคำตอบที่ได้กลับมาคือการพยักหน้า “แทน” “อุ๊ย...” อลิชาตกใจ เพราะเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงผู้หญิง แต่ยังนั่งนิ่ง ไม่แสดงอาการใด ๆ ออกไป “แทน” เธอเรียกคนรักอีกครั้ง แต่ปลายสายเงียบไป ได้ยินแค่เสียงคนคุยกันแว่ว ๆ ผ่านเข้ามาในหูและสายก็ตัดไป อลิชากดโทรกลับ แต่ไม่มีคนรับ โทรอีกครั้งก็ยังเหมือนเดิม “คุณพักโรงแรมชื่ออะไรครับ” “เพื่อนฉันน่าจะบอกคุณแล้วนะคะ ถามทำไม?” เธอตอบอย่างหงุดหงิด ตอนนี้ในหัวกำลังครุ่นคิด สมองผูกติดอยู่กับคำว่า ‘อุ๊ย’ ที่ได้ยินเมื่อครู่ นั้นเป็นเสียงของใคร ไม่ว่างตอบคำถามที่เขารู้คำตอบอยู่แล้ว “เพื่อนคุณไม่ได้บอกครับ” อลิชาไม่ค่อยเชื่อ แต่ตอบไปให้จบ ๆ จะได้โทรหาคนรักอีกครั้ง “สวรรค์ค่ะ” “โอเคครับ ผมจะพาคุณไปสวรรค์” “คุณ!” “ครับ?” ดีแลนทำหน้าใสซื่อ โทษทีครับ พอดีเป็นลูกครึ่ง ภาษาไทยเลยไม่ค่อยแข็งแรง “ไม่มีอะไรค่ะ” อีกครั้งที่เธอตอบให้เรื่องจบ เพราะตอนนี้แทนคุณโทรกลับมาแล้ว “แทน” “มีอะไรหรือเปล่าลิชา แล้วปาร์ตี้เสร็จแล้วเหรอ” “อือ กำลังกลับโรงแรม แล้วเมื่อกี้โทรมาแล้วทำไมไม่พูดอะ” “เมื่อกี้เหรอ?” “ใช่ เราเลยโทรกลับมาไง” “อ๋อ เราดูหนังแล้วเผลอหลับ สงสัยมือไปโดนมั้ง” อลิชาคิดว่าคำตอบไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ แต่เมื่อหูยังได้ยินเสียงจากทีวีเลยยอมเชื่อ เสียงงัวเงียของเขาพอจะเป็นหลักฐานยืนยัน อีกอย่างไม่ได้คิดว่าแทนคุณโกหก “โอเค งั้นแค่นี้นะ” “ครับ เรานอนต่อนะ” “ฝันดี” เธอรีบวางสาย ถอนหายใจด้วยความน้อยใจ คนรักเลือกที่จะนอนต่อ ไม่มีคำอวยพรให้กลับโรงแรมดี ๆ หรือ พูดว่าถึงแล้วบอกเราด้วยนะ แต่ก็ไม่เป็นไร เข้าใจมาตลอดและเข้าใจเสมออยู่แล้ว “แฟนไม่สนใจเหรอครับ” ดีแลนถามตรง ๆ เขาไม่ได้ยินว่าปลายสายพูดว่าอะไร แต่หน้าเธอบ่งบอกได้ดีว่าเกิดความน้อยใจ แม้จะพยายามไม่รู้สึกแบบนั้น “ยุ่ง” อลิชาอารมณ์เสียเป็นทวีคูณ แค่เพื่อนหลอกให้ขึ้นรถผู้ชายคนนี้ แทนที่จะเป็นแกร็บ อูเบอร์ หรือแท็กซี่ก็เบื่อพอแล้ว คนขับปลอม ๆ ยังรู้ดีอีกว่ากำลังรู้สึกอะไร “ขอโทษครับ ผมแค่อยากคุยด้วย แต่ผมเลือกคำถามไม่ดีเอง” “เห็นด้วยค่ะ” “งั้นผมขออนุญาตถามว่าคุณหิวไหมครับ ไปกินข้าวกันไหม ผมรู้จักร้านข้าวต้มอร่อย ๆ หลายร้านเลยนะครับ” อลิชาไม่ตอบ ตอนนี้สายตาจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง และไม่ใช่แค่จ้อง เธอซูมดูรูปถ่ายที่กวินนาส่งมา มันคือรูปที่แทนคุณกำลังถือแก้วเหล้า ข้างกายรายล้อมไปด้วยเพื่อนฝูงของเขา “บอกแล้วให้ระวัง อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจผัว” แล้วเพื่อนก็รู้ใจเหลือเกินว่ากำลังมีคำถาม กวินนาเลยโทรมาทันทีที่เห็นว่าเพื่อนอ่านข้อความแล้ว “นา!” “จะถามใช่ไหมว่าไปเอารูปมาจากไหน” “ใช่” “น้องสาวฉันอยู่ที่นั่นพอดี น้อยหน่ามันเห็นหน้าคุ้น ๆ เลยส่งมาถามว่าใช่แฟนแกไหม” “โอเค” อลิชาพูดจบก็วางสาย ไม่อยากรู้รายละเอียดให้ช้ำใจ ไหนจะบ้าตายกับแทนคุณและกวินนา ไม่รู้สองคนนี้โกรธกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน แล้วทำไมผลกรรมของความแค้นถึงตกอยู่ที่เธอ ทำไมคนที่ไม่ได้บาดหมางกับใครถึงต้องทุกข์ทรมานใจ “เปลี่ยนใจไปกินข้าวแก้เซ็งไหมครับ” “กิน” เธอตอบโดยไม่ต้องคิด หงุดหงิดเกินใจรับไหว ได้แต่นั่งหลับตาสงบจิตใจและนั่งเงียบตลอดทาง เปิดปากอีกทีก็ตอนสั่งอาหาร และตัดสินใจคุยกับผู้ชายแปลกหน้า ที่เลี่ยงมองไปทางไหน สุดท้ายก็หลบสายตาเขาไม่ได้อยู่ดี “อยากรู้จักผมแล้วเหรอครับ” ดีแลนดีใจที่ในที่สุดอลิชาก็มีท่าทีผ่อนคลายและเปิดโอกาสให้ได้เอ่ยถาม หลังจากเธอใจดีเติมน้ำเปล่าให้เต็มแก้วอีกครั้ง “อยากคุยเฉย ๆ ไม่ต้องแนะนำตัวนะคะ กินข้าวเสร็จ คุณไปส่งฉัน แล้วเราก็แยกกัน ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ เราคงไม่ได้เจอกันอีก” “แต่ผมอยากเจอคุณอีกนะครับ” “ถ้ารู้จักฉันจริง ๆ คุณไม่อยากเจอฉันอีกหรอกค่ะ” “ทำไมคิดแบบนั้นครับ” เท่าที่เห็นตอนเธออยู่กับเพื่อนก็ดูเป็นคนสนุกสนาน ยิ้มง่าย เมื่อเข้ามาด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ได้อยากเป็นเพื่อน และเธอมีแฟนอยู่แล้ว ก็ไม่แปลกที่เธอทำตัวห่างเหิน “ถามมาได้นะคุณ คนสติดี ๆ ที่ไหนจะมานั่งพูดข้อเสียของตัวเองให้คนอื่นฟังกันล่ะ เอาเป็นว่าอย่าแนะนำตัว ฉันไม่อยากจำคุณได้” “โอเคครับ แค่คุณนั่งกินข้าวกับผม ผมก็ขอบคุณมากแล้วครับ” อลิชาได้ยินแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะกำลังถอนหายใจเบา ๆ เมื่อกวินนาส่งคลิปวีดิโอของคนรักที่ชัดกว่าเดิมมาตอกย้ำว่ารูปที่ส่งมาก่อนหน้า ไม่ได้ตัดต่อแต่อย่างใด ว่าแล้วก็เธอก็ตัดสินใจปิดโทรศัพท์ แล้วกลับมาให้ความสนใจกับคนตรงหน้า “คุณเป็นลูกครึ่งเหรอคะ” “ครับ พ่อผมเป็นคนอังกฤษ แม่ผมเป็นคนภูเก็ต” “มิน่าล่ะ พูดภาษาไทยชัดเชียว แล้วตอนเด็ก ๆ เรียนที่ไหนเหรอคะ ที่อังกฤษหรือว่าที่ไทยครับ” “เรียนที่ไทยถึงมัธยม ปริญญาตรีไปเรียนที่อังกฤษครับ” “ดีจัง ฉันเคยฝันว่าอยากไปเรียนเมืองนอกค่ะ พอดีชอบดูหนังฝรั่ง อยากลองสัมผัสชีวิตนักศึกษาที่แต่งชุดอะไรไปเรียนก็ได้ ปาร์ตี้กับเพื่อน อะไรประมาณนั้นค่ะ” “แล้วคุณลิชาเรียนจบมานานหรือยังครับ” “ประมาณ...” เธอเงยหน้ามองพัดลมเพดานเพื่อคิดเลข “เจ็ดปีแล้วค่ะ” “ผมคิดว่าเพิ่งจบมาสามสี่ปี” ดีแลนรู้ว่ามุกจีบสาวมุกนี้มันเห่ย แต่เท่าที่เคยใช้ก็ทำให้อีกฝ่ายพอจะมีรอยยิ้มได้บ้าง แต่สำหรับอลิชา เธอไม่เพียงยิ้ม แต่หัวเราะออกมา “ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดแบบที่พูดจริง ๆ ไหม แต่ฉันชอบมากค่ะ เพราะฉันนวดหน้าบ่อยมาก นอกจากนวดหน้าก็ยังทำทรีตเมนต์หน้าใสเป็นประจำด้วย ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่ได้เสียเงินเปล่า แล้วคุณเรียนจบอะไรมาคะ” “ผมจบบริหารธุรกิจครับ” “ตอนนี้คุณบริหารธุรกิจให้ตัวเองหรือคนอื่นคะ” “ให้ตัวเองกับครอบครัวครับ” “หน้าตาดี การศึกษาดี หน้าที่การงานดี ฐานะดี ไม่น่าเชื่อว่ายังโสดอยู่ เอ๊ะ หรือไม่โสดแต่เจ้าชู้ จะไม่มีใครเดินมาตบฉันกลางร้านข้าวต้มใช่ไหมคะ” “ผมโสดครับ ไม่มีคนมาทำร้ายคุณหรอกครับ” เขากลั้นขำ ไม่กล้าตลกกับจินตนาการของเธอ กลัวจะเสียมารยาท “ดีจัง... แต่เสียดายที่ฉันไม่โสด เพราะตั้งแต่หัวจรดเท้า คุณถูกสเปกฉันทุกอย่างเลยค่ะ” ดีแลนก้มหน้าเขิน จากที่กล้าสบตาเธอทุกวินาทีที่คุย ตอนนี้ไม่กล้าทำแบบนั้นแล้ว นี่คงเป็นนิสัยของเธอ พูดตรง ไม่อ้อมค้อม “กินข้าวกันค่ะ ฉันเริ่มง่วงแล้ว” อลิชาเห็นเขาหน้าแดงไปถึงหูก็ยิ้มตาม ที่กล้าพูดเพราะรู้ว่าจะไม่ได้เจอกันอีก อีกไม่นานก็ลืมหน้า ชมเขาซึ่ง ๆ หน้า คงไม่เป็นไร “ครับ” เขากลับมาสบตาเธออีกครั้ง และคล้ายว่าอาหารหลากหลายจะทำให้บทสนทนาลื่นไหลขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว มีหลายครั้งที่เขาถือช้อนค้างไว้ ไม่ได้ตักอะไรเข้าปาก เพราะมัวแต่ฟังเธอพูดว่ามาทำอะไรที่ภูเก็ต พรุ่งนี้ต้องตอนบ่ายต้องไปลองชุดเพื่อนเจ้าสาว และเย็น ๆ ก็กลับกรุงเทพ ดีแลนฟังเธอเล่าว่าตอนเดินทางมาภูเก็ตตอนสายวันนี้ ระหว่างทางฝนตกค่อนข้างหนัก เครื่องบินสั่นตลอด กัปตันต้องประกาศให้คาดเข็มขัดตลอดเวลา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเขาเองก็นั่งอยู่บนเครื่องบินลำเดียวกัน “ห้ามเลี้ยงนะคะ ฉันเลี้ยงเอง” “ไม่ได้ครับ ผมต้องเลี้ยง” “ไม่ได้ค่ะ ฉันจะจ่ายค่าข้าว เพราะคุณเสียเวลาและเสียค่าน้ำมันที่จะไปส่งฉันแล้ว แม้ว่าคุณจะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ฉันก็ไม่อยากเอาเปรียบ คิดเงินค่ะ” เธออธิบายเหตุผล และปิดท้ายด้วยการบอกพนักงาน “ขอบคุณครับ” ดีแลนประทับใจ ชอบที่เธอไม่ต้องการเป็นผู้รับเพียงฝ่ายเดียว ยิ่งได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น ยิ่งไม่อยากจาก ขับรถช้าเหมือนเต่าเดินเจ็บขา แต่ทำไมเวลาผ่านไปเร็วเหมือนอยู่บนรถไฟฟ้าความเร็วสูง “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” “ครับ” เขาฝืนยิ้มให้มีความสุข เพราะเสียดายที่จะไม่ได้เจออลิชาอีก “พอจะมีโอกาสให้ผมเลี้ยงข้าวคุณบ้างไหมครับ” “ถ้าในอนาคตฉันโสด แล้วบังเอิญได้มาภูเก็ต และบังเอิญเจอคุณอีก ฉันจะให้คุณเลี้ยงข้าวค่ะ” อีกครั้งที่เธอตอบอย่างตรงไปตรงมา “ผมจะรอวันนั้นนะครับ” อลิชายิ้มน้อย ๆ แทนคำตอบรับ และส่งยิ้มอยู่อย่างนั้น ยิ้มอยู่นานกว่าเขาจะยอมขึ้นรถ “ฝันดีครับ” “ค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย และเมื่อรถขับออกไป เธอก็เดินตรงไปที่ห้องพัก ด่าตัวเองในใจว่าทำตัวแย่ไม่แพ้คนรักที่หนีไปเที่ยว แม้จะแค่ไปกินข้าวและให้ยินยอมให้เขามาส่ง แต่มันก็ไม่เหมาะสม เผลอ ๆ อาจจะเป็นความผิดที่ร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำ เพราะเขาอยู่กับกลุ่มเพื่อนไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่น ว่าแล้วก็ถอนหายใจทิ้งท้าย เหยียดกายลงบนเตียงนอนแสนนุ่มของโรงแรม ทว่าจะหลับตอนนี้ก็เกรงใจตัวเองกับหมอนสีขาวสะอาด หากหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางเปรอะเปื้อน คงเสียค่าปรับหลักพัน อลิชาจึงพาตัวเองไปอาบน้ำ ล้างหน้า สระผมอย่างสะอาด จนกลิ่นหอมของสบู่ โชยกลิ่นละมุนไปทั่วห้องพัก เธอเปิดโทรศัพท์ที่ปิดไว้ตั้งแต่ตอนทานข้าว นั่งรอให้มีเสียงเตือนข้อความ หรือสายที่ไม่ได้รับจากคนรัก แต่ก็ผิดหวัง เพราะแทนคุณไม่ได้ติดต่อมาเลย พิมพ์ ๆ ลบ ๆ ลังเลว่าจะส่งข้อความหาเขาดีไหม และสุดท้ายก็ส่งไป “เราถึงห้องแล้วนะ แทนหลับยัง?” “หลับไปแล้ว ตื่นมาเข้าห้องน้ำ นอนต่อละ” แทนคุณส่งข้อความกลับมาหลังจากรอไม่นาน แต่เมื่ออลิชาโทรกลับทันที เขากลับไม่รับสาย เหมือนอยู่ ๆ ก็กลายเป็นรูปปั้นมนุษย์แฟนยอดแย่ ที่ไม่รู้จักการกดรับสายโทรศัพท์ สิ่งที่เขาทำ กระตุ้นความหงุดหงิดให้เกิดขึ้นอีกครั้ง จากที่ปลงก็ปลงไม่ได้ และมันทำให้นอนไม่หลับ จนต้องออกไปเดินเล่นริมชายหาด โชคดีที่มันไม่ได้เงียบจนน่ากลัว ยังมีนักท่องเที่ยวเดินผ่านไปมาหลังจากเที่ยวสถานบันเทิง “นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอครับ” อลิชาไม่ตกใจที่ดีแลนนั่งลงบนพื้นทรายข้าง ๆ เพราะเธอยังไม่ลืมเสียงของเขาและกำลังเศร้ากับชีวิต ไม่คิดเลยว่าคนรักจะโกหกกัน ที่ผ่านมาไม่เคยห้ามไม่ให้ไปไหน ไม่เคยตามจิก ตามด่า หรือไปนั่งเฝ้า ขอแค่บอกให้หายห่วงก็พอว่าอยู่ที่ไหนกับใคร “บ้านคุณอยู่แถวนี้เหรอคะ” “เปล่าครับ บ้านผมห่างจากตรงนี้สี่สิบกิโลเมตร ผมมีที่พักอยู่แถวนี้ครับ” “ดีจัง... ฉันอยากอยู่แถวนี้บ้าง วันไหนเซ็ง ๆ ก็อยากมานั่งฟังเสียงคลื่น” “ชอบทะเลเหรอครับ” “ชอบมากค่ะ” “ผมก็ชอบเหมือนกัน โดยเฉพาะที่นี่ ถึงแม้จะไม่ได้สวยที่สุด แต่ผมผูกพัน” “คุณคงมาที่นี่บ่อยมาก” “ใช่ครับ ทำไม... คุณถึงพักโรงแรมนี้ล่ะครับ ผมได้ยินว่ามันเปิดใหม่ ยังไม่ค่อยมีลูกค้า เขาบริการดีไหมครับ” เขาหลอกถามเธอในฐานะเจ้าของโรงแรม “พี่สาวที่ฉันรู้จักทำงานอยู่ที่นี่ค่ะ เป็นผู้จัดการโรงแรม ถามว่าบริการดีไหม ก็ดีตามมาตรฐานค่ะ ไม่ได้แย่อะไร ข้างในก็ตกแต่งสวยดี แล้วคุณมานั่งเล่นที่นี่บ่อยไหมคะ” “บ่อยครับ” “ทุกครั้งที่มาก็คงจะถือขวดเบียร์ติดมือมาด้วย” เธอวิเคราะห์จากสิ่งที่เห็น “ดื่มให้ลืมเธอ เคยได้ยินวลีนี้ไหมครับ” “ถ้าเธอที่คุณหมายถึงคือฉัน เดี๋ยวคุณก็ลืมค่ะ” “ผมอาจจะไม่ลืมก็ได้ แล้ว... ทำไมนอนไม่หลับครับ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้นะ ระบายให้ฟังก็ได้ ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีความบังเอิญ เราก็คงไม่ได้เจอกันอีกแบบที่คุณพูด” อลิชาลังเล กลัวว่าจะได้เจอเขาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเล่าปัญหาคาใจที่มีกับคนรักให้ฟัง และไม่รู้ว่าลมพัดแรงจนแสบตาหรืออย่างไร ทำไมน้ำตาไหลโดยที่ไม่รู้ตัว “คุณกลัวว่าเขาจะ... พาผู้หญิงคนอื่นกลับบ้านใช่ไหม” “ค่ะ” นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้นอนไม่หลับ “ผมไม่รู้จักแฟนคุณ ผมตอบไม่ได้ด้วยสิว่าเขามีนิสัยแบบนั้นหรือเปล่า แต่ผมอยากให้คุณเชื่อใจเขานะครับ” ดีแลนไม่พูดเปล่า เขาเช็ดน้ำตาให้เธออย่างเบามือ และไม่ลืมขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ ใช้ช่วงเวลาที่เธอเผลอให้เป็นประโยชน์ ด้วยการโอบกอดเธอไว้แนบกาย “ใกล้ไปค่ะ” เธอดันตัวออกห่าง ไม่ชอบเลยที่ถูกผู้ชายในอุดมคติทำตัวใกล้ชิด ตอนนี้ยิ่งหวั่นไหว หากเผลอประชดแฟนด้วยการจูบคนแปลกหน้าที่ไม่ยอมถอยไปไหน แถมยังยื่นหน้ามาใกล้ จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันจะทำยังไง ทันใดนั้นหญิงสาวก็ยกมือขึ้นมาปิดหน้าผาก เพราะปากดีแลนจะหอมตรงนั้น ทว่าเขารู้ทัน เปลี่ยนมาจูบปากอลิชา และที่เธอให้เขาจูบอยู่แบบนั้น ให้ริมฝีปากกันและกันได้สัมผัสแนบชิด ให้ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาเพราะตกใจจนอ้าปากค้าง ไม่ใช่ยินยอมพร้อมใจ และเมื่อได้สติกลับมา มือก็คว้าขวดเบียร์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ฟาดหัวเขาเต็มแรง “โอ๊ย!” “ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าฉันจะไม่นอนกับคุณ” “ผม...” “เอาเวลาแก้ตัวไปทำแผลเถอะค่ะ” อลิชาพูดจบก็เดินหนี ไม่สนใจว่าทรายที่ติดตามตัวปลิวเข้าตาเขา ไม่สนใจว่าเขาเจ็บมากไหม สมควรแล้วที่ฉวยโอกาส และถึงแม้ต่อไปจะโสด โอกาสกินข้าวด้วยกันอีก ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD