ตอนที่ 17 โชคชะตาลิขิตให้ต้องกลับมา/3

2439 Words
ในเวลาต่อมา เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ทีมงานถ่ายแบบชุดฮั่นฝูต่างทำงานแข่งกับเวลาชนิดที่ว่าแทบไม่ได้หยุดพักกันเลยทีเดียว ในขณะที่มี่อิงแม้จะเพิ่งทำงานแบบนี้เป็นครั้งแรกแต่กลับหัวไว อธิบายครั้งเดียวทำได้ทุกอย่างจึงทำให้การถ่ายทำช่วงเช้าผ่านไปได้อย่างราบรื่น และกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำซีรีสช่วงบ่ายหลังจากถ่ายภาพนิ่งผ่านพ้นไป มี่อิงในชุดฮั่นฝูสีแดงเพลิงสลับดำกับบทบาทนางมารในซีรีสสั้นที่จะเริ่มถ่ายทำในอีกไม่ช้า ร่างระหงของเธอรับกับชุดฮั่นฝูสไตล์นางมารอย่างยิ่งยวด ใบหน้าถูกแต่งเติมให้เข้มขึ้นไม่ว่าจะเป็นดวงตาที่ถูกกรีดอายไลเนอร์จนกลมโตมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมคิ้วสวยก็เติมให้เข้มขึ้นไปอีก รับกับลิปสติกสีเลือดนกและดวงตาที่แต่งเติมจนสวยเฉี่ยวหากแต่คมหวานซึ้ง ยามเวลาเธอมองพร้อมแสยะยิ้มเหยียดดวงตานั้นช่างจิกกล้องเสียนี่กระไร มิหนำซ้ำตรงกลางหน้าผากยังวาดลวดลายคล้ายเปลวไฟ สัญลักษณ์ของมารบนกลางหน้าผากเอาไว้ด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาจากพรรคมารแน่นอน ท่ามกลางเสียงชื่นชมของทีมงานต่างพูดออกมาเป็นเสียงด้วยกัน “น้องมี่อิงแต่งชุดนางแบบได้ขึ้นมากเลยนะ เหมือนนางมารตัวจริงเดินออกมาจากนิยายเลย รับรองว่าชุดฮั่นฝูที่หนูใส่โปรโมทให้กับร้านเจ๊หงส์ต้องถูกกองละครสั่งตัดออเดอร์เพียบแน่ๆ เลย โดยเฉพาะชุดนางมาร ถ่ายภาพนิ่งออกมาสวยทุกจุดเลย” เสียงชื่นชมเอ่ยออกมาไม่ขาดปากเมื่อเห็นเซตภาพนิ่งปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ในขณะที่เจ้าตัวซึ่งกำลังยืนฟังได้แต่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะก้าวเดินถอยหลังออกจากเต็นท์ของทีมงานมาอยู่ด้านนอก หญิงสาวเดินถือบทที่อยู่ในมือเพื่อทำความเข้าใจ เดินปลีกตัวตรงไปใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากกองถ่ายที่กำลังทำงานมากนัก เฮ้อ! เสียงถอนหายใจดังออกมาทันทีที่เดินมาถึงก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโขดหินเอนร่างพิงไปกับต้นไม้ใหญ่ที่มีความกว้างขนาดห้าคนโอบโดยรอบเลยทีเดียว “งานถ่ายแบบกับถ่ายทำซีรีสจะว่าง่ายก็ไม่ใช่จะว่ายากก็ไม่เชิง แต่ไอ้ที่ทำให้ปวดหัวก็คงเป็นเพราะต้องหมุนตัวไปมานี่แหละ บางทีหมุนจนมึนเลย” หญิงสาวบ่นพึมพำพร้อมเสียงจากวิทยุสื่อสารดังขึ้น “น้องมี่อิงอยู่ตรงไหน อาหารกลางวันมาแล้วนะ” ปลายสายส่งเสียงถาม “หนูนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ทางขวามือนี้ค่ะพี่ๆ เดี๋ยวหนูเข้าไปเอาค่ะ” มี่อิงส่งเสียงตอบผ่านทางวิทยุกลับไป “ไม่เป็นไรเดี๋ยวทีมงานจะเอาอาหารกลางวันและของว่างไปให้ เพราะจะต้องเซ็นชื่อรับเงินค่าตัวด้วย ทางเจ๊หงส์โอนเงินค่าตัวเข้าบัญชีไปให้แล้ว” เสียงจากปลายสายดังตอบกลับมา “เดี๋ยวหนูไปเซ็นรับเงินที่หน้างานก็ได้ค่ะไม่ต้องรบกวนให้พี่ๆ ต้องยุ่งยาก” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยความเกรงใจ “ไม่ทันแล้วละตอนนี้พี่ให้ทีมงานไปหาแล้ว รอรับด้วยก็แล้วกัน” เสียงปลายสายตอบกลับมา ครั้นหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นดวงตาเหลือบสายตาหันกลับไปมองทางกองถ่ายทันที และพบว่าหนึ่งในทีมงานกำลังหอบข้าวของเดินตรงมาหาเธออยู่ในเวลานี้ “ขอบคุณมากคะพี่ๆ แต่ทำไมของถึงได้เยอะแยะจังเลยคะ” มี่อิงถามกลับไปด้วยความแปลกใจ “เดี๋ยวทีมงานไปถึงจะอธิบายให้ฟัง อีกอย่างจะบอกอะไรให้นะไปไหนมาไหนอย่าวางข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวทิ้งไว้ ต้องนำติดตัวไปตลอด ยกเว้นตอนทำงานฝากไว้กับทางกองถ่ายได้เลย เพราะถ้าหากสูญหายหรือถูกใครขโมยทีมงานรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะมี่อิง” หญิงสาวได้แต่นั่งฟังทำตาปริบๆ ครั้นได้ยินเช่นนั้นก่อนจะกดปิดวิทยุสื่อสารเมื่อทีมงานเดินมาถึงจุดที่เธอนั่งอยู่ “อาหารกลางวันและของว่างนะมี่อิง ส่วนนี่คือเอกสารการรับเงินเช็คบัญชีของเธอก่อนว่าเงินเข้าหรือยัง ถ้าเข้าแล้วก็ค่อยเซ็นชื่อลงนามในเอกสาร ส่วนที่เหลือคือห่อผ้าที่เธอลืมทิ้งไว้ในร้านของเจ๊หงส์เมื่อวันก่อนและกระเป๋าสะพายของเธอ” ทีมงานพูดพร้อมวางกล่องกระดาษขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กลงตรงหน้าหญิงสาว ท่ามกลางความแปลกใจของเจ้าตัว “โอโห่! เอามาหมดแบบนี้เลยเหรอคะพี่ แสดงว่าแถวนี้ขโมยเยอะนะสิพวกพี่ๆ ขนข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของหนูใส่กล่องมาให้หมดเลย” มี่อิงถามกลับไปด้วยความแปลกใจ “จำเป็นต้องทำแบบนี้เดี๋ยวของหายขึ้นมาทีมงานรับผิดชอบไม่ไหว เพราะที่นี่ไม่ใช่มีแต่พวกเรา แต่มีนักท่องเที่ยวปะปนเข้ามาด้วย ไม่เห็นเหรอตอนเรากำลังถ่ายทำก็มีนักท่องเที่ยวมายืนถ่ายรูปอยู่ตลอดเวลา ขโมยมีทุกที่กันเอาไว้ก่อนดีกว่าเพราะเคยมีเคสเกิดขึ้น พวกของใช้ส่วนตัวนี่แหละหายทุกครั้งเลยเวลาออกมาถ่ายทำก็เลยต้องแก้ปัญหาแบบนี้ พอใช้วิธีนี้ลดปัญหาลงไปมากเลย” ทีมงานอธิบายกลับไป ใบหน้าแสนสวยพยักขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น พลางเอื้อมมือค้นหากระเป๋าสะพายของเธอหยิบมือถือเพื่อเช็คยอดเงินในบัญชี ก่อนจะตาโตเมื่อเห็นตัวเลขปรากฏขึ้น “หนึ่งหมื่นหยวน! โอโห่..ทำไมให้เยอะจังเลยค่ะพี่ก็ไหนบอกว่าค่าตัวหนู ห้าพันหยวนไงละคะ” มี่อิงถามกลับไป “เธอได้ห้าพันหยวนต่องานถูกต้องแล้ว ลืมไปหรือเปล่าว่างานครั้งนี้มีสองเซต คือการถ่ายแบบและถ่ายทำซีรีสแยกออกเป็นสองงานก็ต้องจ่ายหนึ่งหมื่นหยวนอย่างไงละ” ทีมงานอธิบายกลับไป “อ่อ...เป็นแบบนี้นี่เองมี่อิงเข้าใจแล้วค่ะ” หญิงสาวพูดพลางส่งยิ้มกว้างกลับไป มือเรียวหยิบปากกาที่เสียบอยู่ในสมุดเอกสารเซ็นชื่อรับเงินอย่างรวดเร็วพร้อมยื่นสมุดหนังที่ใส่เอกสารส่งกลับคืน “อีกสองชั่วโมงเริ่มถ่ายทำนะมี่อิง ช่วงนี้เป็นเวลาเบรกพักผ่อนไปก็แล้วกัน แต่อย่าเดินไปไหนไกลนะเดี๋ยวจะพลัดหลงเคยได้ยินมาว่าแถบหยุนไถ่ซาน มีพื้นที่คล้ายสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าแต่ไม่ตายตัว ปรากฏได้ทุกที่ต้องระวังหน่อยแล้วกันแต่ส่วนใหญ่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ช่วงหน้าหนาว” หา!หญิงสาวอุทานออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “หยุนไถ่ซานมีแบบนั้นด้วยเหรอคะพี่ ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ข่าวมั่วหรือเปล่า” มี่อิงถามกลับไปด้วยไม่เชื่อในสิ่งที่กำลังได้ยิน “มั่วหรือเปล่าไม่รู้แต่มีคนหายไปหลายคนแล้วนะสิ จะเกี่ยวข้องที่ได้ยินมาก็ไม่แน่ใจ แต่เรื่องเกิดมานานแล้วตั้งห้าสิบปีก่อน ตอนนี้คงไม่มีแล้วกระมังถ้ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น หยุนไถ่ซานไม่สามารถเปิดเป็นอุทยานได้หรอกจริงไหมละ แต่ถึงอย่างไงระวังตัวเอาไว้ก็เป็นการดีนะ” ทีมงานพูดกำชับพลางส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปที่กองถ่ายทำ ท่ามกลางสายตาของมี่อิงมองตามหลัง “หยุนไถ่ซานนี่นะเหรอมีพื้นที่คล้ายสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า! ไม่ใช่มั้งจะเป็นไปได้อย่างไงเรื่องไร้สาระทั้งเพ” หญิงสาวพูดพลางส่ายหน้าก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นห่อผ้าของคุณหนูตระกูลเฉียนมอบให้เธอเมื่อคืนก่อนในเทศกาลชีซีที่พลัดหลงเข้าไปในห้วงอดีตด้วยความบังเอิญ “จริงสิฉันจะพูดว่าเป็นเรื่องไร้สาระได้อย่างไงในเมื่อเมื่อคืนก่อนก็เพิ่งจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ตอนนี้ก็กลับมาแล้วมันคงไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับเราอีกเป็นครั้งที่สองได้หรอก” มี่อิงพูดพึมพำพลางเหลือบสายตาไปทางห่อผ้าที่ทำมาจากผ้าแพรชั้นดีของสหายในยุคอดีตที่มอบให้กับเธอ ก่อนจะยกทั้งกล่องมาวางไว้บนหน้าตัก “ดูหน่อยสิว่าจินเอ๋อให้อะไรมาบ้าง” มี่อิงพูดพลางทิ้งโทรศัพท์มือถือลงไปในกล่องพร้อมเอื้อมมือคลี่ห่อผ้าตรงหน้าด้วยความอยากรู้ว่าภายในมีอะไรบ้าง ผ้าแพรชั้นดีถูกคลี่ออกเผยให้เห็นชุดของสตรีในยุคถังมีด้วยกันสี่ชุด หนึ่งในนั้นเป็นชุดของร้านฮั่นฝูที่เธอตกลงทำงานในครั้งนี้ นอกนั้นเป็นชุดของจินเอ๋อที่มอบให้กับเธอ ปิ่นหงส์ผงาดห้อยระย้าอลังการแกะลวดลายวิจิตรและสลักตัวอักษรข่ายซูลงบนตัวด้ามสีเงินสลับทอง ตัวอักษรบนสุดแกะเป็นตัวใหญ่ยังคมชัดเป็นคำว่า “จ้าว” ต่อท้ายด้วยชื่อของสตรีนามว่า “เสวี่ยถิง” “ปิ่นหงส์ระย้าอันนี้เป็นของเสวี่ยถิงอย่างนั้นเหรอ ใช้แซ่จ้าวเหมือนเราด้วย เจ๊หงส์บอกว่าซื้อมาจากแผงขายของเก่าที่ลั่วหยาง เป็นของไม่ใช้แล้วอย่างนั้นเหรอ ลักษณะของปิ่นยังดีอยู่เลยเจ้าของคงตัดใจเอามาขายแต่จะได้แค่ไหนกันในเมื่อคนเอามาขายยังตั้งราคาแค่ร้อยหยวน” มี่อิงบ่นพึมพำก่อนจะเก็บลงในห่อผ้าดั้งเดิม มือเรียวสวยค้นหาภายในห่อผ้าอยู่เพียงครู่ ก่อนจะดึงบางอย่างออกมาและสิ่งที่ปรากฏในมือนั่นก็คือถุงผ้าที่บรรจุของหนักเอาไว้ ปากถุงถูกคลี่ออกทันใดพร้อมดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นทันที “อะไรกันเนี่ย! นี่คงเป็นเงินที่ใช้ในยุคของถังไท่จงใช่ไหม ของจริงเป็นแบบนี้นะเหรอ” หญิงสาวพูดพลางล้วงมือไปในถุงที่ทำจากผ้าหยิบเงินตราในยุคอดีตขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ “เงินของคนในยุคสมัยถังไท่จงเป็นแบบนี้นี่เอง นี่ถ้าเรายังอยู่ในยุคนั้นจะต้องมีค่าและสำคัญมากกับการใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน แต่พอกลับมาในยุคของเราแล้วสิ่งนี้ก็แค่วัตถุโบราณทางด้านโบราณคดีนี่เอง ระหว่างจะเอาห่อผ้าไปมอบให้กับทางสถาบันโบราณคดีเป็นข้อมูลศึกษากับฝังลงดินเอาไว้เพื่อส่งคืนให้กับคนที่อยู่ในยุคนั้นเลือกแบบไหนดีหนอเรา” มี่อิงพูดพลางหมุนก้อนสีเงินขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือ ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามีค่าเท่ากับจำนวนเท่าไรในยุคอดีต “เอาไปให้ทางสถาบันโบราณคดีได้ทำการวิจัยศึกษาดีกว่า เก็บเอาไว้กับตัวก็ไม่มีประโยชน์กลับไปที่ซีอานค่อยเข้าไปที่สถาบันวิจัย พรุ่งนี้ขึ้นบินช่วงสองทุ่มครึ่ง ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ที่จะให้ไปไหนได้อีกทั้งวัน” มี่อิงพูดพลางยัดก้อนเงินดังกล่าวเก็บไว้ดั่งเดิมพร้อมผูกห่อผ้าด้วยวิธีแบบใหม่ในยุคปัจจุบัน ชายผ้าถักเข้าหากันกลายเป็นสายคล้องไหล่ให้มีขนาดเล็กลงและสามารถสะพายเป็นถุงย่ามได้เป็นอย่างดี “ดูคล่องตัวขึ้นเยอะเลยเข้าท่าแฮะ” มี่อิงชื่นชมกับผลงานของตัวเอง หญิงสาวสาละวนกับข้าวของที่อยู่ในกล่องกระดาษส่วนตัวของเธอ จนสามารถจัดการอาหารกลางวันและของว่างรวมไปถึงขนมที่เธอซื้อมาเองจนหมด เหลืออ**บางส่วนที่เก็บไว้ทานหลังถ่ายทำซีรีสแล้วเสร็จ “พอกินอิ่มหนังตาก็เริ่มตึง จู่ๆ ทำไมง่วงนอนขึ้นมาได้นะ” พูดพลางยกนาฬิกาข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูเวลา “เหลืออีกชั่วโมงครึ่งกว่าจะเริ่มถ่ายทำ ขอหลับสักงีบหน่อยเถอะนะบรรยากาศร่มรื่น ชวนให้นอนจริงๆ เลย” หญิงสาวพูดพลางบิดขี้เกียจไปมา ร่างระหงเอนหลังพิงกับต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นและเย็นสบาย ลำต้นที่สูงใหญ่และใบไม้ที่แน่นขนัดแผ่กิ่งก้านสาขาจนสามารถบังแสงแดดได้ทั้งหมด ผืนหญ้าเขียวขจีหนานุ่มจนอยากจะล้มตัวลงไปนอนเสียให้ได้เลยทีเดียว “ขอสักงีบเถอะนะ!” มี่อิงพูดพลางยกกล่องกระดาษทั้งหมดที่มีของใช้ส่วนตัวมาวางรองไว้ใต้แขน ดวงตาคู่สวยภายใต้ขนตางอนยาวกะพริบขึ้นลงพร้อมเปลือกตาค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ เมื่อความง่วงรุกประสาทเธออย่างหนักก่อนจะผล็อยหลับสนิทไปในเวลาอันรวดเร็ว ภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงัดสาย ฉับพลันเกิดสายหมอกหนาปรากฏขึ้นมาทันใดและแผ่เข้าปกคลุมจากท้องฟ้าเบื้องบนลงมายังต้นไม้ใหญ่ที่มี่อิงกำลังหลับสนิทอยู่ในขณะนั้น มิติแห่งกาลเวลาเกิดการซ้อนทับขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน และครานี้เกิดที่อุทยานหยุนไถ่ซานตรงกับต้นไม้ใหญ่และบริเวณโดยรอบหากแต่กินพื้นที่ไม่ถึงกองถ่ายทำ นักท่องเที่ยวที่กำลังเดินชมบรรยากาศและทิวทัศน์ก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อกาลเวลาทางฝั่งของยุคปัจจุบันอุทยานหยุนไถ่ซานยังเป็นช่วงฤดูร้อน ทว่ามิติห้วงเวลาในยุคอดีตกำลังลามเลียเข้ากินพื้นที่ตั้งแต่เนินเขาจนมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่มี่อิงกำลังหลับอยู่ในขณะนี้กลายเป็นฤดูหนาวของยุคนั้น ประตูเวลาเปิดออกทันที! พรึ่บ! ร่างของจ้าวมี่อิงถูกช่วงเวลาในอดีตซ้อนทับกลืนหายไปจากยุคปัจจุบันโดยพลัน และเพียงไม่กี่อึดใจมิติกาลเวลาที่ซ้อนทับกันอยู่ในขณะนั้นกลับเลือนหายไปชั่วพริบตา ไม่ปรากฏถึงความผิดปกติแต่อย่างใด มีเพียงร่างของสาวน้อยคนงามจ้าวมี่อิงที่กำลังนอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หายไปพร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ของเธอ ไร้วี่แววร่างระหงอย่างสิ้นเชิงไม่เหลือร่องรอยอะไรทิ้งเอาไว้แม้แต่น้อยนิด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD