ตอนที่ 18 นี่ฉันกลับมาอีกแล้วเหรอ/1

3005 Words
ยุคอดีต หยุนไถ่ซานในอดีตคือป่าดงดิบเต็มไปด้วยต้นไม้สูงอายุนับพันปีสามารถพบเห็นได้ไม่ยาก สายลมพาดผ่านมาพร้อมกับความหนาวเหน็บเย็นยะเยือกจับไปจนถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว ด้วยเพราะเวลานี้คือฤดูหนาวเกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย จนใบไม้และยอดหญ้าเริ่มปกคลุมเต็มไปด้วยสีขาวโพลนทั่วบริเวณ ในขณะเดียวกันร่างระหงของจ้าวมี่อิงค่อยๆ ปรากฏอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งยืนต้นมานานหลายร้อยปีจนถึงยุคสมัยราชวงศ์ถังและยังคงยืนสูงตระหง่านท่ามกลางกาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปจวบจนถึงปัจจุบันมีอายุพันกว่าปีเลยทีเดียว ร่างระหงยังคงนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องอยู่เช่นนั้น กล่องกระดาษที่มีข้าวของสำคัญต่างๆ ก็ปรากฏติดตามมาด้วยเช่นกัน เกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายหนักขึ้นอากาศเย็นยะเยือกเข้าไปทุกขณะ เปลือกตาที่ปิดสนิทเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะเกาะพราวตามขนตาและเริ่มกะพริบขึ้นลง พร้อมร่างแน่งน้อยเริ่มขดตัวงอเข้าหากันด้วยความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู ในขณะที่เธอสวมชุดโบราณในบทบาทนางมารเพื่อถ่ายทำซีรีสสั้นๆ เพียงแค่ห้าชั้นเท่านั้น จะสามารถป้องกันอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ได้อย่างไรกันเชียว “อือ! อือ! ทำไมหนาวจัง..หนาวจัง” มี่อิงพึมพำออกมาเบาๆ ทั้งๆ ที่ตายังปิดสนิทอยู่เช่นนั้น สองมือเรียวยกขึ้นกอดอกพลางลูบท่อนแขนของตัวเองไปมาขึ้นลงอยู่ตลอดเวลาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็น” “ทำไมถึงได้หนาวอย่างนี้นะ! อู้ยยยย..หนาว” เสียงหญิงสาวเริ่มแจ่มชัดขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกตัวจากการนอนหลับ เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าในขณะนี้คือเกล็ดหิมะกำลังโปรยปรายร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าพรั่งพรูอย่างไม่ขาดสายจนใบไม้และพื้นหญ้าเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาวโพลน เฮือก!!! มี่อิงสะดุ้งจนสุดตัวครั้นเห็นเช่นนั้น ร่างอรชรกระเด้งขึ้นมานั่งตัวตรงอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีชาคู่สวยสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยตื่นตระหนก “หิมะตก! เป็นไปได้อย่างไงกันในเมื่อตอนนี้คือฤดูร้อนชัดๆ จะบ้าเหรอที่จู่ๆ หิมะก็มาตกกลางหน้าร้อนแบบนี้ได้” หญิงสาวพูดพร้อมรีบหันกลับไปรื้อกล่องกระดาษควานหาวิทยุสื่อสารที่อยู่ในข้างในอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เห็นวิทยุสื่อสารเธอรีบกดสัญญาณส่งเสียงร้องเรียกไปยังปลายสายอย่างรวดเร็ว “พี่ๆ ทีมงานค่ะ! อากาศในเขตหยุนไถ่ซานมีหิมะตกกลางฤดูร้อนได้ด้วยเหรอคะพี่” มี่อิงกรอกเสียงถามกลับไป ดวงตาคู่สวยหันกลับไปมองบริเวณที่ใช้เป็นสถานที่ของทีมงาน ซึ่งมีเต็นท์ผ้าใบและโต๊ะเก้าอี้รวมไปถึงอุปกรณ์ในการใช้ถ่ายภาพและการถ่ายทำคลิปวิดีโอก่อนที่จะนอนหลับ หากแต่ในเวลานี้ทุกสิ่งที่เธอเคยเห็นกลับไม่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ มิหนำซ้ำบริเวณดังกล่าวกลับเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสูงและต้นไม้ใหญ่มากมาย แทนที่จะเป็นพื้นหญ้าเขียวขจีที่เธอเพิ่งเดินออกมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ ซ่า!ซ่า!ซ่า!ซ่า! สิ่งที่ได้ยินกลับมานั้นกลับเป็นเพียงเสียงคลื่นซัดสาดที่ฟังไม่ได้ศัพท์เข้ามาแทนที่ มีแต่ความเงียบงันเท่านั้นที่เป็นคำตอบกลับมา และไม่ว่ามี่อิงจะพยายามกรอกเสียงพูดกับปลายสายกี่ครั้ง คำตอบที่ได้รับก็คือความเงียบที่แผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ หญิงสาวกวาดสายตาไปทั่วบริเวณก่อนจะนึกคำพูดของทีมงานขึ้นมาได้ทันที อย่าเดินไปไหนไกลนะเดี๋ยวจะพลัดหลงเคยได้ยินมาว่าแถบหยุนไถ่ซาน มีพื้นที่คล้ายสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าแต่ไม่ตายตัว ปรากฏได้ทุกที่ต้องระวังหน่อยแล้วกันแต่ส่วนใหญ่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในช่วงหน้าหนาว ตุบ! วิทยุสื่อสารที่อยู่ในมือร่วงหล่นลงพื้นทันใดเมื่อย้อนนึกถึงคำเตือนของทีมงาน ร่างระหงค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นยืนพลางก้าวเดินออกมาจากใต้ต้นไม้ใหญ่เผยให้เห็นทิวทัศน์โดยรอบที่แตกต่างไปจากยุคปัจจุบันหลายส่วน แต่บางส่วนยังคงอยู่เช่นเดิมดั่งเช่นเจ้าต้นไม้ที่ยืนสูงตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธอ “อย่าบอกนะว่าหยุนไถ่ซานเกิดพื้นที่เหมือนสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ตรงที่ฉันนั่งหลับอยู่พอดีแล้วพามาอยู่ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นยุคสมัยใดอย่างนั้นเหรอ นี่อย่าบอกนะว่าฉันถูกกาลเวลาเล่นตลกอีกเป็นครั้งที่สอง!!!” มี่อิงส่งเสียงโวยวายออกมาทันที ตุ้บ! ร่างระหงทรุดกายลงนั่งคุกเข่ากับพื้นอย่างอ่อนแรง ไม่คาดคิดว่าชีวิตของเธอจะถูกกาลเวลาเล่นตลกซ้ำรอยเป็นครั้งที่สองภายในเวลาไม่กี่วันเท่านั้น ใบหน้าสวยค่อยๆ เงยหน้ามองไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่เธอใช้เป็นสถานที่งีบหลับไปชั่วขณะ ครั้นตื่นขึ้นมาอีกครั้งกลับกลายเป็นห้วงเวลาที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากหน้าร้อนกลายเป็นหน้าหนาวที่หิมะกำลังตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย นาฬิกาข้อมือซึ่งเธอสวมติดกายมาด้วยถูกยกขึ้นเพื่อดูเวลาทันใด “เวลาหยุดที่บ่ายโมงสี่สิบห้าอย่างนั้นเหรอ แสดงว่าฉันหลับไปไม่ถึงสิบนาทีเสียด้วยซ้ำหลังจากนั้นก็ถูกดึงมาที่หยุนไถ่ซานแต่เวลาต่างกัน ตอนนี้ที่นี้เป็นช่วงยุคไหนก็ไม่รู้! ทำไมเหตุการณ์แบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับตัวฉัน....ทำไม!!!!” หญิงสาวตะโกนก้องออกไปจนสุดเสียง ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใดกาลเวลาจึงเล่นตลกกับเธอ จะมีคนอื่นเป็นเหมือนหญิงสาวหรือไม่ก็มิอาจรู้ได้ คำอธิษฐานร้องขอจากสวรรค์เบื้องบนต่อหน้ากลุ่มดาวตกที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลชีซี ส่งผลต่อชีวิตของจ้าวมี่อิงดั่งคำขอทุกประการ สวรรค์รับรู้สิ่งที่คนงามร้องขอและส่งเสริมให้เธอได้สมดั่งใจหวัง หากแต่เนื้อคู่ที่แท้จริงของเธอหาใช่คนในยุคเดียวกัน แต่บุรุษผู้เป็นคู่แท้นั้นคือคนที่เกิดในยุคอดีต และนี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดมี่อิงจึงต้องกลับมาในยุคโบราณเช่นนี้ สวรรค์ลิขิตขีดเส้นชะตาก่อนหน้าประจวบกับคำอธิษฐานจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ในขณะเดียวกันเพราะเธอมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับคนในยุคนี้จึงเป็นสาเหตุทำให้ต้องกลับมา เกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายถี่ขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลงแม้แต่น้อย เป็นเหตุให้ร่างงามเกิดอาการสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บจนจับขั้วหัวใจ มือเรียวสวยอีกทั้งบอบบางเย็นเฉียบเริ่มชาไปหมด และนั่นทำให้มี่อิงรู้สึกตัวขึ้นมาทันใด “หนาวจัง! หนาวจังเลย! จะไปหาที่หลบหิมะได้อย่างไงกำลังตกหนักด้วย มองไปทางไหนก็ขาวโพลนไปหมด” หญิงสาวพูดพร้อมยกมือขึ้นถูไถไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ลมหายใจที่พ่นออกมาเป็นไอขาวจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ร่างอรชรรีบเดินกลับเข้าไปใต้ต้นไม้ใหญ่พร้อมก้มลงอุ้มกล่องกระดาษที่วางอยู่บนพื้นกระชับเอาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะเงยหน้าสำรวจไปทั่วบริเวณเพื่อหาเกราะกำบังจากหิมะที่กำลังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง “มองไปทางไหนมีแต่ต้นไม้กับภูเขา นี่ฉันจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งในป่าแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม” มี่อิงบ่นพึมพำพลางเดินไปทางด้านหลังของต้นไม้เพื่อสำรวจหาที่พักผิงชั่วคราว ฉับพลันดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นลำต้นของต้นไม้ยักษ์ซึ่งมีเถาวัลย์เลื้อยปกคลุมเต็มลำต้นทางด้านหลัง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังตาดีเห็นบางอย่างคล้ายมีรอยเจาะลึกเข้าไปข้างในเกิดขึ้นบนลำต้น “ลำต้นของเจ้าต้นไม้ยักษ์แปลกประหลาดจังเลย เหมือนโดนเจาะลึกเข้าไปข้างใน” มี่อิงพูดพร้อมวางกล่องกระดาษที่กำลังอุ้มอยู่ในอ้อมแขนวางลงกับพื้นทันที สองมือยกขึ้นกำหมัดเข้าหากันจนแน่นก่อนจะลองทุบลงบนลำต้นของต้นไม้ยักษ์ดังกล่าว เพื่อทดสอบบางอย่างที่กำลังคิดอยู่ให้แน่ใจ ตึง! ตึง! ตึง! เสียงอื้ออึงดังอยู่ภายในต้นไม้ราวกับว่าด้านในดังกล่าวเป็นที่โล่งว่างเปล่า “ต้นไม้มีเสียงก้องด้วยแสดงว่าข้างในต้องเป็นโพรง!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความดีใจ ครั้นสิ่งที่เธอเห็นอยู่ในขณะนี้เป็นจริงดั่งที่คาดคิดเอาไว้แต่แรก “ดูสิว่าเจ้าต้นไม้ยักษ์นี้มีโพรงอยู่ด้านในจริงๆ หรือเปล่า รอยคล้ายทำเอาไว้เพื่อปิดทางเข้าเป็นฝีมือของคนแน่ๆ” มี่อิงพูดพลางยกมือลูบไปตามรอยที่คล้ายถูกบางอย่างแซะจนมีรูปร่างใกล้เคียงเหมือนประตูทางเข้า พร้อมยกมืออีกข้างกำหมัดเข้าหากันลงมือทุบรอยเจาะดังกล่าวทันใด ตุบ!ตุบ!ตุบ! มี่อิงเริ่มใช้สองมือทุบรอยเจาะดังกล่าวจนเริ่มเคลื่อนตัวออกมาสร้างความดีใจให้แก่หญิงสาว เมื่อไม้ที่ประกบติดกันกับลำต้นค่อยๆ ยุบตัวลง ผลัวะ!!!! ไม้ที่ถูกนำมาประกบกับลำต้นของต้นไม้ยักษ์เปิดออกทันที พร้อมกับลมจากด้านในพวยพุ่งออกมาท่ามกลางความดีใจของมี่อิง “ข้างในมีโพรงจริงๆ ด้วย” มี่อิงพูดพร้อมกวาดสายตาลอดเข้าไปในโพรงที่ถูกเจาะเอาไว้ พลางใช้มือค่อยๆ ดึงไม้ที่เชื่อมประกบติดกับลำต้นออก “โพรงถูกเจาะด้วยฝีมือของคนไม่ได้เกิดเองตามธรรมชาติ มิหนำซ้ำยังสกัดไม้มาปิดเอาไว้อาจจะทำเพื่อไม่ให้มีสัตว์เลื้อยคลานหรือมิให้คนอื่นมาซ่อนตัวในโพรงไม้ที่นี่ก็อาจเป็นไปได้ วิธีนี้เนียนเป็นบ้าเลยถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นเลือกต้นไม้ยักษ์เป็นที่หลบซ่อนถ้าไม่ใช้เอาไว้เป็นที่พักพิงระหว่างทาง ก็อาจจะใช้เป็นที่เก็บสมบัติของคนโบราณ!” หญิงสาวคาดเดาไปต่างๆ นานา “ปัดโธ่เอ้ย! จ้าวมี่อิงเธอมัวแต่ยืนเดามั่วไปทั่วแบบนี้อยู่ได้เดี๋ยวก็หนาวตายกันพอดี จะทำไว้เพื่ออะไรก็ช่างปะไรเอาตัวเองให้มีชีวิตรอดในสถานการณ์เช่นนี้เป็นพอแล้ว...ก่อนอื่นต้องรีบหาไฟฉาย! ไฟฉายอยู่ไหน! ฉันต้องการไฟฉายอย่างเร่งด่วน” มี่อิงพูดพลางตรงเข้ารื้อค้นกล่องกระดาษควานหาโทรศัพท์มือถือของเธอที่อยู่ภายในนั้นอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เห็นมือถือของตัวเอง สัญลักษณ์ไฟฉายถูกกดเปิดขึ้นทันใด พรึ่บ! แสงสว่างวาบพุ่งตรงไปในโพรงไม้ จนสามารถมองเห็นความลึกของโพรงมีขนาดเท่ากับความกว้างของลำต้น ซึ่งจะต้องใช้ถึงห้าคนกว่าจะโอบลำต้นได้ทั้งหมด ท่ามกลางรอยยิ้มด้วยความดีใจของหญิงสาวที่สามารถหาสถานที่หลบหิมะได้เป็นผลสำเร็จ “เธอรอดตายแล้วมี่อิงโพรงนี้รองรับได้ตั้งหลายคนเลย” หญิงสาวกล่าวออกมาเบาๆ มี่อิงใช้ไฟฉายจากมือถือสาดเข้าไปภายในโพรงไม้ด้านบนพร้อมค่อยๆ ลอดส่วนศีรษะของตัวเองเข้าไปเพื่อสำรวจ ด้วยกลัวจะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลื้อยคลานจำพวกงูเพราะมี่อิงกลัวเจ้าสัตว์ชนิดนี้เป็นชีวิตจิตใจเลยทีเดียว เฮ้อ! เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกดังออกมา เมื่อความสว่างที่สาดส่องอยู่ในขณะนั้นทำให้เห็นว่าด้านบนของต้นไม้มีเนื้อไม้ของลำต้นที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติปิดกั้นจนสนิท ความสูงจากพื้นจนถึงบริเวณเนื้อไม้ที่เชื่อมปิดกั้นระหว่างลำต้นด้านบนและลำต้นด้านล่างห่างกันเมตรกว่าเลยทีเดียว บ่งบอกให้ล่วงรู้ว่าด้านล่างของลำต้นนั้นเกิดจากความตั้งใจของมนุษย์ทำขึ้นเพื่อใช้เป็นที่หลบพักพิงหรือใช้เป็นสถานที่เก็บซ่อนเร้นอะไรบางอย่างกลางป่าดงดิบเช่นนี้ ร่างงามรีบไถลตัวเองออกมาจากโพรงไม้ ตรงดิ่งคว้ากล่องกระดาษซึ่งมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวโดยเฉพาะของว่างที่ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งชุดตั้งใจว่าจะเก็บไว้ทานหลังจากถ่ายทำซีรีสเสร็จ ซึ่งในยามนี้จำเป็นอย่างยิ่งยวดในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันเช่นนี้ กล่องกระดาษถูกนำไปไว้ในโพรง ก่อนจะออกมารีบเก็บกิ่งไม้ที่แห้งแล้ว เห็นอยู่ตามพื้นหญ้ามากมาย ก่อนที่ความเย็นของหิมะจะทำให้กิ่งไม้แห้งเหล่านั้นเปียกชื้น เพราะความแห้งของมันสามารถทำให้ลุกติดไฟโดยง่ายเพื่อเพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกายของหญิงสาวที่ตัวสั่นสะท้านไปหมดอยู่ในขณะนี้ ครั้นได้กิ่งไม้แห้งเพียงพอที่จะใช้เพิ่มความอบอุ่นได้ตลอดทั้งคืน มี่อิงรีบลอดเข้าไปในโพรงของต้นไม้ยักษ์ทันที ลงมือก่อไฟอย่างเร่งด่วน “จะแข็งตายอยู่แล้วให้ตายเถอะ! บรื้อ! หนาวจังเลยหนาวจัง” หญิงสาวพึมพำปากคอสั่นไปหมด ในขณะที่มือพยายามควานหาไฟแช็กจากกระเป๋าสะพายก่อนจะรีบเทของทุกอย่างลงพื้นส่องไฟจากมือถือจนเห็นสิ่งที่ต้องการนอนแอ่งแม่งปะปนไปกับข้าวของทั่วไป ซึ่งมาในรูปร่างของปืนไฟแช็กที่มี่อิงพกไว้เพื่อป้องกันตัวของผู้หญิง นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างในคราวเดียวกัน นอกจากจะมีรูปร่างเป็นอาวุธสังหารที่สามารถข่มขู่คนอันธพาลทั่วไปได้แล้ว ส่วนปลายยังเป็นมีดสั้นขนาดเล็กสามารถใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่าง ในขณะที่ส่วนหัวนอกจากจะเป็นไฟแช็กได้แล้ว เมื่อกดไกปืนสองครั้งจะกลายเป็นสเปรย์พริกไทยพวยพุ่งออกมา นอกจากนี้หญิงสาวยังมีเครื่องช็อตไฟฟ้าพกติดตัวตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ด้วยใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังหลังจากที่พ่อและแม่เสียชีวิตไปหมดแล้ว พรึ่บ! เปลวเพลิงสีส้มแสดลุกโชนจากกิ่งไม้แห้งกองมหึมา ซึ่งส่วนใหญ่มี่อิงจะเลือกท่อนไม้ขนาดใหญ่พอประมาณวางเป็นฐานและนำกิ่งไม้แห้งกองสุมไว้ด้านบน เมื่อไฟลุกติดจะทำให้ท่อนไม้ใหญ่เหล่านั้นลุกติดไฟได้ตลอดทั้งคืน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในโพรงเป็นระยะ “ขืนไม่เอาอะไรปิดไว้มีหวังแทนที่ร่างกายจะอุ่น คงต้องหนาวมากขึ้นเสียมากกว่า” หญิงสาวพูดพลางหันกลับไปคว้าแผ่นไม้ที่ใช้ปะกบโพรงไว้ตั้งแต่แรกนำมาทาบทับปิดปากทางเข้าเอาไว้ตามเดิมและความอุ่นแผ่ขยายขึ้นมาทันที “ค่อยยังชั่ว! อุ่นขึ้นแล้ว” มี่อิงพูดพลางเหลือบสายตาสำรวจไปทั่วโพรงไม้ก่อนจะสะดุดเห็นร่องรอยขีดเขียนอะไรบางอย่างปรากฏให้เห็นตรงหน้า เมื่อเธอเห็นตัวอักษรข่ายซู เขียนข้อความทิ้งเอาไว้ซึ่งเธอสามารถอ่านได้ เนื่องจากตัวอักษรถูกพัฒนาและรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยราชวงศ์ถังและถูกใช้เรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน “จ้าวเสวี่ยถิง!” เสียงหวานอ่านตัวอักษรที่สลักไว้บนผนังของต้นไม้ “ชื่อผู้หญิง!...มาจากตระกูลจ้าวด้วย แซ่เดียวกับเราเลยเขาเคยหลงป่าแล้วมาหลบอยู่ในต้นไม้ยักษ์เหมือนกันสินะ..แต่ว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นชื่อแซ่นี้จังเลย...เคยเห็นผ่านตาจากที่ไหนมาก่อนนะ” มี่อิงเอ่ยพึมพำ หญิงสาวพยายามครุ่นคิดว่าคล้ายจะเคยเห็นชื่อแซ่ดังกล่าวมาจากที่ไหน ด้วยเพราะคุ้นตาเป็นอย่างมากแต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ไกลจากตัวเธอเลยเพราะเป็นชื่อเดียวกับที่สลักไว้บนปิ่นหงส์ระย้าที่เจ้าของร้านเช่าชุดฮั่นฝูมอบให้กับมี่อิงเมื่อสองวันก่อนนั่นเอง ช่างเป็นเรื่องบังเอิญหรือสวรรค์จงใจก็มิอาจล่วงรู้ได้ ก่อนจะละสายตาสลัดความคิดทุกอย่างออกไปอย่างรวดเร็ว “จ้าวมี่อิง! นี่เธอจะบ้าหรือไง...มัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้แทนที่จะหาทางว่าจะจัดการชีวิตของตัวเองนับต่อจากนี้ได้อย่างไงต่อไป” หญิงสาวบ่นพึมพำก่อนจะหยุดนิ่งครั้นครุ่นคิดขึ้นมาได้ “จริงสิ! ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะเกิดมิติเวลาขึ้นกับเราตรงนี้ โดยมีต้นไม้ยักษ์เป็นศูนย์กลางเพราะฉะนั้นมิติของเวลาจะต้องเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ควรเคลื่อนย้ายไปไหนทั้งนั้น เราจะต้องอยู่ตรงนี้พอเวลาของอดีตกับปัจจุบันมาซ้อนทับกันอีกก็กลับไปได้เหมือนคราวที่แล้ว และคงเสียเวลาไปไม่นาน คราวก่อนหายไปค่อนคืนผ่านไปแค่ไม่ถึงสิบนาที” มี่อิงคาดเดาตามความคิดของตัวเอง ร่างระหงห่อตัวเข้าหากันด้วยความหนาวเย็นยะเยือกจากด้านนอก ขาเรียวยกขึ้นตั้งชันก่อนจะอยู่ในท่ากอดเข่านั่งอยู่หน้ากองไฟภายในโพรงของต้นไม้ยักษ์ ภายในใจเฝ้าครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาเพราะเหตุใดหนอจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับตัวเธอ และถ้าหากเธอกลับไปไม่ได้เล่าจะทำเช่นไรต่อไป ในเมื่อในยุคโบราณมี่อิงไม่รู้จักใครเลยนอกจากเฉียนจินเอ๋อ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเวลาในช่วงนี้ที่เธอถูกนำกลับมาเป็นของยุคสมัยใดก็มิอาจรู้ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD