ตอนที่ 6 เป็นห่วงและหงุดหงิด

1741 Words
เสียงของชุนหมิงปลุกกู้หลินกลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า “คนที่พร้อมแล้วเดินตามข้ามา เริ่มแรกแช่บ่อน้ำร้อนหนึ่งชั่วยาม ต่อด้วยการนั่งตากแดดอีกสองชั่วยาม แล้วลงไปแช่น้ำเย็นอีกสองชั่วยาม จบด้วยการตากน้ำค้างสี่ชั่วยาม ถ้าทำได้ถือว่าผ่าน” ชุนหมิงอารมณ์ดีหันมามองดูผู้สมัครที่เหลืออยู่แปดในสิบส่วนจากเมื่อวานแล้วคาดคะเนว่าใครจะอยู่ใครจะไปกับลูกน้ององครักษ์ที่มาช่วยงาน บ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่มีไอจางลอยบางเหนือผิวน้ำ บริเวณโดยรอบเป็นหินก้อนใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบ ปกติแล้วเป็นที่สำหรับเหล่าราชองครักษ์มาพักผ่อนหย่อนใจคลายความเมื่อยล้าในวันหยุด “เอ้า! ลงไปแช่ได้” ชุนหมิงตะโกนบอกทุกคน สายตามองดูพวกเขาเหมือนมองลูกแกะตัวน้อยเพราะการแช่บ่อน้ำพุร้อนคือการผ่อนคลายก่อนจะต้องเจอความทรหดอดทนมากกว่านี้ต่างหาก กู้หลินและโจวหยางอิงได้ทีวิ่งลงไปจับจองมุมก้อนหินไว้นอนพิงพักผ่อนความเหนื่อยกายจนเกือบจะหลับคาบ่อน้ำพุเสียแล้วหากไม่ได้ยินเสียงตะโกนขององครักษ์ “ห้ามหลับ!” “เจ้านี่หลับไปแล้ว สอบตก!” เสียงขององครักษ์อีกคนดังขึ้น ก่อนจะหันไปมองคนที่แทบจะลอยขึ้นอืดอีกทางฟากหนึ่ง “นั่นหลับหรือตาย เจ้านั่น! เจ้าคนที่ลอยขึ้นอืดนั่นน่ะ สอบตก!” การทดสอบเต็มไปด้วยความสนุกสนาน สายตาคู่หนึ่งมองกู้หลินจากที่ไกล ๆ เขาไม่เข้าใจสักนิดเลยว่าทำไมถึงยังคงดื้อเข้ารับการทดสอบด่านต่อมาอีก ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานก็เหนื่อยจนแทบจะลุกไม่ไหวแล้ว จู่ ๆ เสียงเพลงใบไม้ที่คุ้นเคยดังแว่วมาตามสายลม กู้หลินหันขวับมองมาทางต้นเสียงพลันได้สบดวงตาสีเขียวมรกตอย่างพอดิบพอดีจนคนเป่าเพลงใบไม้สะอึกรีบหันไปมองทางอื่น “หัวหน้า เพลงนี้เสียงเพี้ยนไปนิดหนึ่งนะขอรับ” อาโปทักตงฟางฮุ่ยหลิงด้วยความไร้เดียงสา “ใครอนุญาตให้เจ้ามานั่งพัก” ตงฟางฮุ่ยหลิงถามเสียงเข้มพลางสั่งให้เขาไปช่วยงานชุนหมิงต่อ อาโปถึงกับเกาหัวเดาไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้ง ๆ ที่หัวหน้าเป็นคนบอกให้ตัวเองมานั่งพักเมื่อสักครู่นี้เอง ไม่นานนัก การทดสอบในบ่อน้ำร้อนก็เสร็จสิ้น กู้หลินค่อย ๆ ปีนขึ้นมาข้างบนด้วยเสื้อผ้าที่เปียกโชก ก่อนจะเดินตามชุนหมิงและผู้ผ่านด่านไปยังสถานที่ต่อไป ลานโล่งโปร่งไร้เงาต้นไม้ใหญ่คอยบดบังแสงอาทิตย์ ทำให้รัศมีของมันสาดส่องลงมายังเบื้องล่างได้เต็มที่ โจวหยางอิงหยิบยาเม็ดเล็ก ๆ ออกมาจากกระปุก แล้วบอกคนตรงหน้าว่า “อ้าปาก” กู้หลินทำตามอย่างว่าง่าย เขาจึงป้อนยาเม็ดนั้นให้พร้อมกำชับอีกว่า “ถ้าไม่ไหว บอกข้า” “รู้แล้วน่า เจ้าทำเหมือนข้าเป็นเด็กไปได้” กู้หลินพยักหน้าแล้วเคี้ยวยาเม็ดดังกร้วม ๆ อารมณ์ดีเพราะรสชาติหวานเหมือนลูกกวาด จากนั้นพวกเขาก็ได้นั่งอยู่ท่ามกลางลานกว้าง เวลาสองชั่วยามดูจะยาวนานไม่สิ้นสุดเพราะยังเหลือด่านอื่น ๆ อีกสองด่านให้ฝ่าฟัน ครั้นผ่านไปไม่เท่าไหร่ บางคนก็ทนไม่ได้เกิดไข้หนาวสั่นขึ้นมาจนต้องขอถอนตัว ยิ่งเข้าสู่ด่านที่ต้องลงไปแช่ในน้ำเย็นอีกสองชั่วยาม จำนวนคนที่ผ่านมาได้ก็ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ “หยางอิง คุณชายอย่างเจ้า ไม่เห็นต้องมาทนอะไรเช่นนี้เลย” กู้หลินถามเขาปากสั่นหงึก ๆ เพราะความหนาวเย็นจากการนั่งตากน้ำค้างยามค่ำคืนหลังจากขึ้นมาจากบ่อน้ำเย็น “ความคิดของข้าก็เหมือนของเจ้า อ้าปาก” เขาเอ่ยพลางหยิบยาเม็ดสุดท้ายป้อนให้กู้หลิน “คงจะพอช่วยให้หายหนาวได้บ้าง หวังว่าเจ้าจะไม่เป็นหวัดไปเสียก่อน” สีหน้าของเขาดูกังวลเล็กน้อย แต่ยาเม็ดทั้งหมดที่ให้กู้หลินกินตลอดทั้งวันก็ช่วยให้อีกฝ่ายผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงด่านสุดท้ายของการทดสอบที่สองจนได้ เหลืออีกเพียงหนึ่งชั่วยามจะถือเป็นอันสิ้นสุด อากาศค่ำคืนนี้ค่อนข้างเย็น อีกทั้งมีลมพัดตลอดเวลา ความเหนื่อยล้าเริ่มคืบคลานเข้ามาหาผู้เข้าสอบทีละเล็กทีละน้อยจนบางคนผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น “หัวหน้า พักผ่อนหรือไม่ขอรับ” เฉินป๋อมาเข้ายามแทนอาโปที่ไปเตรียมด่านทดสอบสุดท้ายสำหรับวันพรุ่งนี้เอ่ยถามตงฟางฮุ่ยหลิงเพราะเห็นว่าเขาติดตามดูผู้เข้าสอบตั้งแต่เริ่มต้นหัววัน “...” คนถูกถามไม่ตอบอะไรราวกับใช้สมาธิที่มีฟังบทสนทนาของคนสองคนที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่ง “หัวหน้า” “...” “หัวหน้า!” เฉินป๋อตะโกนเรียกจนผู้เข้าสอบที่กำลังตาปรือสะดุ้งตื่นกะทันหันตามเสียงของเขา “มีอะไร” ตงฟางฮุ่ยหลิงมองหน้าเขาด้วยสายตาเรียบเฉย “เฮ้อ! ข้าเพิ่งจะเคยเห็นหัวหน้าใจลอย คิดอะไรอยู่หรือขอรับ” เฉินป๋อพูดตามตรงเพราะไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อน จึงกระซิบถามอีกครั้ง “หัวหน้าสนใจเจ้าตัวเล็กหรือขอรับ” โป๊ก! ฝักดาบประจำตัวตงฟางฮุ่ยหลิงกระทบกับศีรษะของเฉินป๋ออย่างไม่ปรานีจนเจ้าตัวหน้าเหวอแต่ยังมิวายคิดลองของ “เป็นห่วงหรือ...” ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคเขากลับต้องรีบห้ามปรามหัวหน้าหน่วยเพราะเห็นว่าตงฟางฮุ่ยหลิงกำลังดึงดาบออกมาจากฝัก “หัวหน้า ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ ข้าแค่เดาไปอย่างนั้น หัวหน้าจริงจังไปได้ หรือว่าคิดแบบนั้นจริง ๆ” เฉินป๋อยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งหนีไปในความมืดอย่างรวดเร็วโดยไม่สนคำตอบของเขา ครั้นหันมาอีกทางหนึ่งก็เห็นกู้หลินยิ้มกว้างพร้อมโบกมือให้จึงทำเป็นเมินไม่สนใจ “เฮ้อ” กู้หลินถอนหายใจ คิดอยากจะลุกมาหาเขาแล้วนั่งดูดาวในค่ำคืนนี้ด้วยกันเหมือนอย่างเคยแต่ทำได้แค่เพียงคิดเท่านั้น พลันรู้สึกได้ว่าคนที่นั่งข้าง ๆ กำลังเอนหัวลงมาซบไหล่ “หยางอิง ง่วงแล้วหรือ” “เปล่า ข้าแค่เมื่อย ขอพิงสักหน่อยได้หรือไม่” เขาเอ่ยปาก ความรู้สึกที่ได้ใกล้ชิดกับกู้หลินในไม่กี่วันนี้ดูจะมากกว่าที่เคยเป็นมาเสียอีก “ดาวตรงนั้น มีคนเคยเล่าให้ข้าฟังว่าเป็นดาวของสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัว” “อย่างนั้นหรือ” กู้หลินมองตามมือที่โจวหยางอิงชี้ให้ดู แล้วหันไปทางตงฟางฮุ่ยหลิงบ้าง ใครบางคนก็เคยเล่าเรื่องนั้นให้ข้าฟังเช่นกัน แต่คืนนี้กลับจำเรื่องราวระหว่างเราไม่ได้เลย ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงบอกหมดเวลาของชุนหมิงดังขึ้นพร้อมประกาศรายชื่อคนที่ผ่านการทดสอบ “ยามจื่อพบกันที่ทางเข้าป่าหลิ่งอี๋” รายละเอียดของการทดสอบด่านสุดท้ายทำให้หลายคนตื่นเต้นกระวนกระวายไม่น้อยเพราะเป็นการทดสอบยามค่ำคืนและต้องเอาตัวรอดจากการซุ่มโจมตีของหน่วยราชองครักษ์ไปยังปากทางออกให้ได้ เฉินป๋อเห็นว่ากู้หลินผ่านการคัดเลือกจึงเข้ามาแสดงความยินดีด้วยเพราะรู้สึกถูกชะตากัน “ไม่นึกว่าเจ้าจะอดทนได้เก่งขนาดนี้ แต่ถ้าอยากผ่านด่านทดสอบวันพรุ่งนี้แล้วล่ะก็ เจ้าคงต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะ” “พี่เฉินสบายใจได้” เขายิ้มกว้างให้เฉินป๋อ ไม่นึกเดือดร้อนใจมากมาย แล้วเอ่ยปากบอกกับคนข้าง ๆ ว่า “ฮุ่ยหลิง ฝันดีนะ” ทว่า หัวหน้าผู้เคร่งขรึมไม่ตอบสิ่งใดกลับมา แม้แต่สายตายังมองไปทางอื่น ทำราวกับไม่สนใจกู้หลินแม้แต่น้อย “คุณชาย เสื้อคลุมกันหนาวขอรับ” บ่าวรับใช้จวนสกุลโจวนำเสื้อคลุมยาวมาให้ทั้งสองคน แต่โจวหยางอิงกลับยกให้กู้หลินสวมใส่เพียงคนเดียว แล้วบอกกับคนตรงหน้าว่า “เหนื่อยหรือไม่ ข้ายอมให้เจ้าขี่หลัง” “ไม่เอาหรอก เจ้าเองฝึกมาทั้งวัน ไม่กล้า ๆ” กู้หลินส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน รู้ว่าอีกฝ่ายเหนื่อยล้าไม่แพ้กันพลางส่งเสื้อคลุมคืนให้เจ้าตัว ไม่ทันไร โจวหยางอิงก็ถอดเสื้อคลุมมาห่มให้กู้หลินตามเดิม “ข้าให้เลือกสองอย่าง ขี่หลังข้าหรือว่าจะให้ข้าอุ้ม ดูอย่างไรเจ้าก็ไม่มีแรงเหลือให้เดินกลับจวน แล้วถ้าพรุ่งนี้ล้มป่วยขึ้นมา ข้าจะไม่ปลุกเจ้าเด็ดขาด” “เจ้าขู่ข้าเหรอ” กู้หลินมองค้อนแล้วพูดต่อ “นั่งลงสิ ข้าจะขี่หลัง” นึกในใจว่าถ้าปฏิเสธคงจะต้องโดนอุ้มกลับไปอย่างแน่นอน โจวหยางอิงช่างเอาแต่ใจจริง ๆ “เสี่ยวหลิน ข้าหนาว” จู่ ๆ เขานึกอยากออดอ้อนสหายคนนี้ขึ้นมา อีกฝ่ายจึงโอบเสื้อคลุมที่สวมอยู่มาห่มให้เขาด้วย “ดีขี้นหรือไม่” ลมหายใจอุ่น ๆ รดต้นคอของเขา อีกทั้งอ้อมกอดของกู้หลินยังทำให้หัวใจของเขาแทบจะกระโดดออกมาเต้น ตึกตัก ตึกตัก เวลานี้โจวหยางอิงหน้าแดงจนถึงคอด้วยความเขินอาย ต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อระบายความรู้สึกนั้นออกมา “เห็นทีข้าคงหลับฝันดีแน่ ๆ” ขณะที่อีกทางหนึ่งนั้นเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่กลับไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองจึงเขวี้ยงก้อนหินที่ถือไว้ในมือระบายสิ่งที่อัดอั้น “โอ๊ย! ใครปาก้อนหินใส่หัวข้า” เฉินป๋อหันขวับมาที่ต้นทางแต่ต้องยอมสงบปากสงบคำเพราะทางนั้นดันมีแค่ตงฟางฮุ่ยหลิงยืนอยู่เพียงลำพัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD