เวลาล่วงเลยผ่านไปสามชั่วยาม หลายคนที่สมัครเข้ามาทดสอบผ่านเข้ารอบสองเรียบร้อยแล้วจึงแยกย้ายไปพักผ่อนกันที่เรือนของตน หากแต่โจวหยางอิงยังคงเดินเอื่อยข้างกู้หลินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“เจ้าผ่านแล้วก็รีบไปพักผ่อนเถิด” กู้หลินบอกคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อย กระนั้นรอยยิ้มบางยังคงผุดขึ้นมาอย่างง่ายดาย
“ให้ข้าช่วยหรือไม่” เขาเอ่ยปากพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ แต่ถูกเสียงของผู้คุมสอบห้ามเอาไว้ก่อน
“ไม่ได้ ๆ อย่างนั้นถือว่าสอบตก” เฉินป๋อร้องห้าม สายตาจับจ้องกู้หลินไม่ปล่อยเพราะเหลือผู้สมัครเพียงคนสุดท้ายที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมแพ้ไปเสียที
“เฮอะ” โจวหยางอิงไม่สบอารมณ์ที่ถูกห้ามเช่นนั้น แล้วหันมาพูดกับกู้หลินต่อ “นอกจากน้ำแข็งใสแล้ว อยากกินอะไรอีกหรือไม่ ไก่ตุ๋น น้ำตาลปั้น แกงรากบัว ซี่โครงหมูผัดเผ็ด”
กู้หลินหัวเราะลั่น “ข้าไม่มีสักอีแปะ จะไปกินอะไรได้เล่า”
“ข้าเลี้ยงเจ้าได้ ไม่รู้หรือว่าข้าน่ะ ร่ำรวยเงินทอง” คำพูดของโจวหยางอิงทำให้เขาหัวเราะอีกครั้ง ดูเหมือนว่าความเหนื่อยล้าจะถูกชะล้างไปบางส่วน เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนเกือบจะล้มหัวคะมำหลายรอบถ้าไม่ได้โจวหยางอิงช่วยจับไว้
เมื่อมาถึงลานทดสอบ เขาก้มมองดูน้ำในไหที่เกือบเต็มพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้าเพราะเวลากระชั้นชิด การเดินทางไปกลับรอบหน้าคงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทำได้เพราะฟ้าเริ่มมืด
หากต้องการสอบผ่านครั้งนี้ กู้หลินคงจะต้องแบกน้ำเต็มตะกร้าสานในรอบสุดท้าย
เฉินป๋อหันมามองหัวหน้าของตน ครุ่นคิดแล้วบอกกับเขาว่า “เหลือน้ำอีกหนึ่งตะกร้า ไม่ผ่านแน่นอนขอรับ หนักถึงขนาดนั้น อีกทั้งเรี่ยวแรงยังไม่มีเหลือ ตอนเดินกลับมารอบนี้ก็หกล้มไปสามสี่ครั้ง นึกไม่ถึงว่าเจ้าตัวเล็กจะอดทนมาได้”
ทว่า เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตยังคงนิ่งเฉย มองภาพตรงหน้าโดยไม่พูดสิ่งใด
โจวหยางอิงให้บ่าวรับใช้นำรองเท้าคู่ใหม่มาให้ เขาบรรจงสวมมันให้กู้หลินอย่างแผ่วเบาเพราะรองเท้าคู่เดิมขาดรุ่ยจนไม่เหลือสภาพ “เห็นทีข้าต้องพาเจ้าไปโรงหมอก่อนโรงเตี๊ยมแน่ ๆ เลือดออกตรงนี้เจ็บหรือไม่”
ความคิดของกู้หลินผุดขึ้นมา จึงบอกเขาไปว่า “ข้าเคยผ่านเรื่องราวมามาก แผลพวกนี้เล็กน้อยนัก รีบไปดีกว่า รอบสุดท้ายแล้ว”
จากนั้นเขาก็เดินถือตะกร้าสานมุ่งหน้าไปยังปลายทางพลางสูดหายใจเฮือกใหญ่
เรี่ยวแรงถดถอยลงทุกย่างก้าว น้ำเต็มตะกร้าสานหนักอึ้งจนกู้หลินแทบอยากจะทิ้งร่างตัวเองนอนอยู่ตรงนั้น แต่พอเห็นหน้าของตงฟางฮุ่ยหลิงแล้ว นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะได้ชิดใกล้เพราะหลังจากคัดเลือกคนเสร็จเรียบร้อย การฝึกสุดโหดจะเริ่มต้นขึ้นและตงฟางฮุ่ยหลิงจะไม่มีเวลาได้ออกมาพักผ่อนข้างนอกอย่างที่เขาเคยเห็นในวันนั้น
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปครึ่งหนึ่งกับระยะทางอีกครึ่งหนึ่งของกู้หลินทำให้เจ้าตัวรู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อย แต่ก้าวเดินที่เหนื่อยล้านั้นยังมั่นคงและมุ่งมั่นจนเฉินป๋อยังต้องคอยเอาใจช่วย
ตงฟางฮุ่ยหลิงยังคงรอผู้เข้าทดสอบคนสุดท้ายอยู่ในลานกว้าง มือข้างหนึ่งถือไม้เตรียมจะเคาะระฆังบอกเวลาสิ้นสุดการทดสอบเมื่อแสงอาทิตย์หายลับจากท้องฟ้าโดยไม่สนใจว่าตรงหน้าเขากำลังมีใครบางคนพยายามลากสังขารของตัวเองมาให้ถึงจุดที่เขายืนอยู่
“หัวหน้า รออีกสักนิดไม่ได้หรือขอรับ” อาโปเอ่ยปากถามเพราะลุ้นให้กู้หลินมาถึงก่อน ทั้งยังทำท่าเหมือนจะแย่งไม้เคาะโยนทิ้งไปให้ห่างเผื่อจะช่วยยืดเวลาออกไปได้
“...” ตงฟางฮุ่ยหลิงไม่ตอบสิ่งใด ค่อย ๆ เดินขึ้นไปยังแท่นระฆังใบใหญ่
กู้หลินเห็นดังนั้นจึงไม่รอช้าดึงพลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ออกมาแล้วเร่งฝีเท้า คิดในใจว่าชีวิตไม่เคยเหนื่อยเท่านี้มาก่อน สติที่เริ่มเลือนรางกำลังคิดแล้วว่าตัวเขามาทำอะไรอยู่ที่นี่
“กู้หลิน อีกนิดเดียว เจ้าจะทำได้แล้วนะ” เสียงของโจวหยางอิงที่เดินให้กำลังใจมาตลอดทางเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่ากู้หลินกำลังจะรับไม่ไหว
ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงไหของตัวเอง จังหวะกำลังเทน้ำกับจังหวะยกไม้ของตงฟางฮุ่ยหลิงคาบเกี่ยวกัน หากผลออกมาทีหลังเสียงเคาะระฆังจะถือว่าสอบตก
โจวหยางอิงเอี้ยวตัวบังตอนที่กู้หลินเทน้ำพลางส่งสายตาบอกเฉินป๋อ อีกฝ่ายไหวพริบเป็นเลิศทั้งยังอยากเห็นกู้หลินอยู่กวนใจหัวหน้าของตนไปนาน ๆ จึงตะโกนออกมาก่อนที่จะเทน้ำเต็มไหว่า “หัวหน้า ผ่านแล้วขอรับ”
เหง่งหง่าง!
เสียงระฆังดังขึ้นมาพอดิบพอดีกับจังหวะที่กู้หลินเทน้ำจนหมดตะกร้า ตงฟางฮุ่ยหลิงหรี่ตามองลูกน้องตัวเองด้วยสีหน้านึกสงสัย เขาคิดแล้วว่าอย่างไรก็ต้องไม่ทัน ไม่ผ่าน และน้ำไม่เต็ม จึงทำมือบอกให้ทุกคนกระจายตัวออกมาแล้วเดินไปตรวจระดับน้ำด้วยตัวเอง
แม้จะไม่เชื่อสักเท่าไหร่ แต่เมื่อได้เห็นกับตาว่าน้ำเต็มไหจนล้นออกมาเขาก็ต้องยอมรับ “ผ่าน” คำพูดสั้น ๆ ของตงฟางฮุ่ยหลิงทำให้คนที่อดทนมาทั้งวันยิ้มแป้นก่อนจะนอนลงกับพื้นแล้วหลับต่อหน้าทุกคนทั้งอย่างนั้น
“ถ้าไม่ไหว พรุ่งนี้ไม่ต้องมา” ตงฟางฮุ่ยหลิงพูดลอย ๆ บอกคนตรงนั้น
“ข้าจะมาหาเจ้า ฮุ่ยหลิง” กู้หลินพึมพำทั้งที่ยังคงหลับตาราวกับละเมอเผลอพูดออกมาก่อนจะหลับลึกไปจริง ๆ เพราะสิ้นไร้เรี่ยวแรง
โจวหยางอิงจึงช้อนตัวอุ้มเขาแล้วพากลับไปพักที่จวน เรียกหมอมาทำแผลดูอาการ ทั้งยังสั่งบ่าวรับใช้ไปต้มสมุนไพรชั้นดีฟื้นคืนบำรุงกำลังหลายขนาน
“เรื่องนี้ยอมแพ้ไม่ได้เชียวหรือ” สายตาของเขามองคนที่หลับใหลแล้วห่มผ้าให้ก่อนจะกลับไปพักผ่อนในห้องของตัวเอง
เช้าวันต่อมา
กู้หลินสะดุ้งตื่นราวกับนึกได้ว่าวันนี้มีเรื่องสำคัญบางอย่าง “การทดสอบด่านที่สอง” เขารีบวิ่งไปแต่งตัวกลัวจะไม่ทันการ
“นึกแล้วว่าเจ้าต้องเป็นเช่นนี้ ดื่มให้หมดก่อนค่อยไป” เจ้าบ้านยื่นถ้วยยาสีดำปี๋ให้กู้หลินถ้วยหนึ่งแล้วดื่มเองอีกถ้วยหนึ่ง “ยาบำรุงกำลัง ถ้าเจ้าอยากผ่านด่านเจ้าต้องดื่ม”
แต่อีกฝ่ายทำหน้ายู่ ไม่ชอบอะไรที่มีรสขม
“ดื่มให้หมดแล้วข้าจะให้ลูกกวาด” โจวหยางอิงหยิบลูกกวาดออกมาสองสามลูก แกะออกจากห่อรอป้อนคนตรงหน้า
“อี๋!!!” รสชาติของยาถ้วยนี้ทั้งขมและเผ็ดร้อน กู้หลินไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย
“อ้าปาก” โจวหยางอิงบอกเขา พออีกฝ่ายอ้าปากตามที่บอก เขาก็ป้อนลูกกวาดให้กินคลายขม “ดีขึ้นหรือไม่”
“อื้ม ๆ ไปกันเถอะ” สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเมื่อวานนี้ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นทำให้โจวหยางอิงพอจะโล่งใจไปบ้าง อย่างน้อยยาสมุนไพรที่สรรหามาคงจะพอทำให้คนที่เดินกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าหายเหนื่อยได้บ้าง
ชุนหมิง ผู้เป็นลูกน้องของตงฟางฮุ่ยหลิงรับหน้าที่ดูแลการทดสอบประกาศให้ทุกคนที่ผ่านรอบแรกเข้ามาได้ยินอย่างชัดเจนว่า “ด่านที่สอง การทดสอบร่างกายต่อสภาพอากาศ ไม่ว่าจะร้อน หนาว ฝนตก หิมะลง หากต้องทำหน้าที่อารักขาคนสำคัญของบ้านเมืองนี้ ย่อมต้องอดทน ผู้ใดที่ร่างกายไม่พร้อมเดินมาทางซ้าย”
กู้หลินรีบดึงแขนโจวหยางอิงเดินไปทางด้านขวาทันทีโดยไม่สนสายตาของใคร “เจ้าไหวหรือไม่ หยางอิง”
สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้โจวหยางอิงใจเต้นตึกตัก พยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ไหวอยู่แล้ว” รอยยิ้มกว้างปิดไม่มิด ดูท่าว่าผ่านเรื่องราวทุกข์ยากลำบากมาด้วยกันหนหนึ่ง ความสนิทสนมของทั้งคู่จะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
อีกฟากหนึ่งของลานทดสอบ เฉินป๋อชี้ให้ตงฟางฮุ่ยหลิงดูใครบางคน “ฮ่องเต้เสด็จมาขอรับ”
แววตาเย็นชาของผู้มีดวงตาสีเขียวมรกตเปลี่ยนไปในทันที เขารีบวิ่งไปยังทิศทางของคนผู้นั้นอย่างเงียบ ๆ แต่การกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตาของกู้หลิน
เฮ้อ! ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว สายตาเจ้ายังคงมองแต่เขาไม่เปลี่ยนเลยนะฮุ่ยหลิง แต่สมแล้วล่ะที่ได้ชื่อว่าพระรองผู้มีความรักมั่นคง จู่ ๆ กู้หลินก็เอ่ยปากชมตงฟางฮุ่ยหลิงจนลืมไปว่าเวลานี้ตัวเขากำลังรอความรักและความทรงจำของอีกฝ่ายกลับมา