ตอนที่ 11 เมามาย

1458 Words
เมื่อได้เห็นว่ากู้หลินและโจวหยางอิงโผล่ขึ้นฝั่งแล้ว เหล่าองครักษ์ฝึกหัดก็เฮลั่นราวกับผู้ชนะ “นี่ พวกเจ้าเป็นอะไรหรือไม่” เฉินป๋อตะโกนถามพวกเขาจากด้านบน กู้หลินจึงส่งสัญญาณกลับไปว่าสบายมากและพวกท่านต้องเลี้ยงเหล้า เสียงของโจวหยางอิงบ่นมุบมิบ “ทำไมเจ้าชอบกระโดดจากหน้าผาอยู่เรื่อย รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วง” “เมื่อครู่ข้าไม่ได้ตั้งใจ มัวแต่หลบลูกธนูจนไม่ทันได้สังเกต จึงก้าวพลาดก็เท่านั้นเอง” เขารีบแก้ตัวก่อนจะพูดว่า “แล้วเจ้ากระโดดตามข้ามาทำไม” “...” โจวหยางอิงไม่ตอบ ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น “ข้าก็ไม่รู้... แต่ว่า เจ้าเจ็บที่ใดหรือไม่” กู้หลินส่ายหน้าแล้วยันตัวลุกขึ้น “กลับหน่วยกันเถอะ รอไปงานเลี้ยงเหล้าไม่ไหวแล้ว” รอยยิ้มกว้างของกู้หลินประดับบนใบหน้า ก่อนจะยื่นมือมาให้โจวหยางอิงจับ “เร็วเข้า” ค่ำวันนั้น เฉินป๋อและลูกสมุนจำต้องยอมแพ้เลี้ยงองครักษ์ฝึกหัดตามสัญญา ดูท่าว่าเงินเดือนที่เพิ่งออกคงจะบินหายไปคนละสองสามส่วน “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว กินให้เต็มที่” ชุนหมิงกล่าวเปิดงานเลี้ยงในหอจันทรา พวกเขานั่งฟังเสียงดนตรีไปพลาง ดูการแสดงร่ายรำของสาวงามไปพลางด้วยความสนุกสนาน บรรยากาศในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความครื้นเครงบันเทิงใจ ครั้นเหล้าเข้าปากไปไม่นานนัก กู้หลินเริ่มเมาได้ที่ ใบหน้าแดงระเรื่อ สายตาหวานเยิ้มจนคนรอบโต๊ะรู้สึกนึกเอ็นดู “พอได้แล้ว เสี่ยวหลิน” โจวหยางอิงหยิบจอกเหล้าในมือของกู้หลินมาดื่มแทน “เมาแล้วเดี๋ยวเจ้าก็ชอบละเมอสร้างเรื่องอีกหรอก” ตัวเขารู้ดีว่านิสัยการดื่มของกู้หลินเป็นอย่างไรจึงพยายามห้ามก่อนเหตุการณ์จะซ้ำรอย “ปล่อยไปเถอะน่า วันนี้วันดี” เฉินป๋อยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเทเหล้าให้กู้หลินอีกครั้ง นาน ๆ ทีจะได้มอมเหล้าเจ้าตัวเล็ก เฉินป๋อไม่มีทางปล่อยให้โอกาสนี้หลุดไปเพราะเขารู้ว่ายามที่กู้หลินเมาแล้ว คนที่ปวดหัวมากที่สุดคือตงฟางฮุ่ยหลิง และการแกล้งหัวหน้าหน่วยหน้าตายเป็นอะไรที่สนุกเกินห้ามใจ “เจ้าหมอนี่ เลิกเทเหล้าให้เสี่ยวหลินได้แล้ว” โจวหยางอิงหันไปมองหน้าเฉินป๋อ “หยุดนะ” ตัวเขาเองก็ฉวยจอกเหล้าของกู้หลินมาดื่มไม่น้อย ฝ่ายอาโปที่ถูกเฉินป๋อชักจูงก็เทเหล้าที่แรงที่สุดใส่ในจอกกู้หลินเพราะรู้ว่าโจวหยางอิงต้องหยิบไปดื่มแทนแล้วหันสบตากับพรรคพวกตัวเอง “แผนรวบรัดจับหัวหน้าให้เจ้าตัวเล็ก เริ่มได้...” ชุนหมิงยกแก้วขึ้นสูง ทำท่าราวกับเฉลิมฉลองความสำเร็จล่วงหน้า “ไอ้พวกนี้!” เสียงของโจวหยางอิงดังขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ “ข้าล่ะปวดหัวกับรักสามเส้าจริง ๆ” เฉินป๋อส่ายหน้าแล้วลูบหลังของโจวหยางอิง ไม่ถือสาที่อีกฝ่ายเพิ่งจะเรียกพวกเขาอย่างไม่นับลำดับอาวุโส “มา ๆ ดื่มปลอบใจจะได้ลืมความเศร้ามอง รักเขาข้างเดียวก็เป็นเช่นนี้แล...” ปลอบใจอยู่ดี ๆ เฉินป๋อก็ร่ายกลอนคนอกหักรักคุดให้ทุกคนฟังไปโดยปริยาย ครั้นหอจันทราปิดต่างคนต่างแบกกันกลับหน่วยราชองครักษ์ ส่งเสียงร้องเพลงโหวกเหวกไปตามทางแต่ชาวบ้านไม่กล้าวุ่นวาย คิดในใจว่านานทีปีหน กู้หลินขี่หลังโจวหยางอิงพึมพำตลอดทาง “พ่อจ๋า แม่จ๋า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตของข้าต้องใช้ความพยายามคว้าหัวใจของผู้ชายมากขนาดนี้ พ่อจ๋า แม่จ๋าต้องภูมิใจในตัวข้าแน่ ๆ ใช่หรือไม่” “...” โจวหยางอิงฟังอยู่เงียบ ๆ จดจำคำพูดของกู้หลินได้ทุกอย่าง เรื่องที่ไม่เคยรู้และสงสัยมาตลอดก็มักจะได้รู้ตอนที่กู้หลินเมา และตัวเขาเองก็เชื่อเต็มสิบส่วนว่าเป็นเรื่องจริง “ฮุ่ยหลิงเอ๋ย ฮุ่ยหลิง ข้าคิดถึงเจ้า...” เสียงพึมพำเริ่มปะปนกับเสียงเล็ก ๆ “ข้าคิดถึงเจ้า... ฮึก” เขาสะอึกสะอื้นเบา ๆ “อย่าร้องไห้เลยนะเสี่ยวหลิน” โจวหยางอิงปลอบใจ ไม่ชอบเลยที่เห็นเสี่ยวหลินของเขาร้องไห้เช่นนี้ ไม่ชอบเห็นน้ำตา ไม่ชอบเวลาที่อีกฝ่ายเศร้าใจ หากข้าเป็นเขา ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียน้ำตา หลังจากส่งกู้หลินเข้าห้องนอนของตัวเอง รอจนอีกฝ่ายหลับไปแล้ว โจวหยางอิงก็กลับไปที่ห้องเผลอหลับไปเพราะฤทธิ์เหล้าจนลืมไปเสียสนิทว่ากู้หลินอาจจะตื่นขึ้นมากลางดึก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะบานประตูดังขึ้น ตงฟางฮุ่ยหลิงส่ายหน้ารอรับชะตากรรมของตัวเอง เขาเดินออกมาเปิดประตูแล้วร่างบางของใครบางคนก็เดินเข้ามาด้านใน “ฮุ่ยหลิง ข้าคิดถึงเจ้า” กู้หลินเอ่ยปากทั้ง ๆ ที่ตาปรือ ดูสะลึมสะลือเหมือนคนนอนละเมอ เดิมทีตงฟางฮุ่ยหลิงต้องไปส่งกลับเรือนนอน แต่ทุกครั้งกู้หลินมักจะงอแงไม่ยอมกลับท่าเดียว คืนนี้ก็เช่นกัน กู้หลินเดินไปที่เตียงของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวก่อนจะล้มตัวลงนอนราวกับเป็นห้องของตัวเอง “มานี่สิฮุ่ยหลิง นอนข้าง ๆ ข้า” เขาเรียกคนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว ตงฟางฮุ่ยหลิงส่ายหน้าแล้วไปนั่งเก้าอี้อีกฝั่งหนึ่งของห้อง เห็นทีคืนนี้คงจะต้องนั่งหลับแล้วกระมัง “ฮุ่ยหลิง จูบข้าก่อนนอนด้วย” คำพูดของคนเมาระดับนี้ดูจะเพ้อเจ้อเกินกว่าจะทนได้ เจ้าของห้องจึงจำใจเดินเข้าไปหาแล้วลูบศีรษะของคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างแผ่วเบา “เมามากแล้ว หลับฝันดีเถิด” น่าแปลกยิ่งนัก เขาพูดเช่นนี้ทีไร กู้หลินที่กำลังเมามายอยู่มักผล็อยหลับไปอย่างสงบทุกครา ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น “ข้ารักเจ้าฮุ่ยหลิง” กู้หลินพูดจบแล้วก็ซุกใบหน้ากับผ้าห่มหนา ก่อนจะพึมพำครั้งสุดท้ายว่า “กลิ่นดอกมะลิหอมนัก” เช้าวันต่อมา เสียงระฆังดังเหง่งหง่างปลุกเหล่าราชองครักษ์ให้มาฝึกออกกำลังกายตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ละคนวิ่งวุ่นออกมายังลานกว้างแม้จะมีอาการเมาค้างัวเงียอยู่ก็ตาม เพราะคนที่ลั่นระฆังคือตงฟางฮุ่ยหลิง ผู้ที่ไม่ได้ดื่มแม้เพียงจอกเดียวนั่นเอง “หัวหน้า เว้นให้สักวันไม่ได้หรือ” เฉินป๋อหาวหวอด ๆ พลางนับจำนวนคนในลาน “ขาดไปสิบคน หืม...” เขามองคนที่ยืนอยู่ในแถวจากซ้ายไปขวา จากขวาไปซ้ายอยู่สองสามหน “กู้หลินเล่าขอรับ นอนอยู่ที่ห้องหัวหน้าไม่ใช่หรือ ทำไมไม่พาด้วย” “เจ้านี่เองที่มอมเหล้าเขา” ตงฟางฮุ่ยหลิงหาตัวคนสร้างเรื่องให้เขาต้องนอนหลับบนเก้าอี้ทั้งคืนได้แล้ว สายตาเย็นยะเยือกจ้องลูกน้องของตัวเองแล้วยิ้มมุมปาก เฉินป๋อยิ้มแห้งยอมรับชะตากรรมแล้วกระซิบถามว่า “เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นหรือไม่ขอรับ” “หุบปากก่อนจะไม่มีฟันไว้เคี้ยวข้าว” ตงฟางฮุ่ยหลิงเอาฝักดาบเคาะหัวลูกน้องไปหนึ่งที แล้วสั่งลงโทษให้เฝ้ายามเจ็ดคืน พร้อมหักเงินเดือน “หัวหน้า เจ้าพวกนั้นด้วย” เฉินป๋อไม่ยอมให้ตัวเองถูกลงโทษเพียงคนเดียวจึงร่ายยาวชื่อผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหมดในการกลั่นแกล้งหัวหน้าหน่วยของตนเองให้คนตรงหน้าฟัง “สรุปว่า... พวกเจ้าทุกคนร่วมมือกันใช่หรือไม่” ตงฟางฮุ่ยหลิงเลิกคิ้ว ดวงตาสีเขียวมรกตกวาดมองลูกน้องของตนเอง “ไปขุดโสมป่าคนละสิบหัว หักเงินเดือนสามส่วน เข้ายามคนละเจ็ดวัน...” บทลงโทษที่ยาวเหยียดทำให้แต่ละคนยิ้มแห้งอีกรอบ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็รู้สึกสนุกสนานไม่น้อย “ลงโทษเยอะเช่นนี้ หัวหน้าคงจะเสร็จเจ้าตัวเล็กแน่ ๆ เลย ฮ่าฮ่าฮ่า” เหล่าลูกน้องมองหน้ากันแล้วหัวเราะลั่น “สงสัยข้าต้องเตรียมของขวัญไว้ให้หัวหน้าแล้ว” ใครบางคนเอ่ยปากพูดคุยกับเพื่อนของตน ตงฟางฮุ่ยหลิงได้ยินเช่นนั้นถึงกับส่ายหน้า คิดในใจว่า ไม่สลดกันสักนิด แล้วนึกถึงคนที่ยังนอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้องของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD