-ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง-
หมอธันวาในชุดกางเกงขากระบอกเล็กสีพื้นเสื้อยืดสีขาว ทรงผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนถูกปล่อยลงมาปรกหน้า ร่างสูงโปร่งมายืนกอดอกเด่นสง่าอยู่ต่อหน้าวาทยาหญิงสาวมองเขาตาค้าง
"ว้าว!โอปป้ามาก.."
วาทยาเผลอหลุดปากพูดออกมาและยังคงมองหมอธันวาตาค้างไปอีก เพราะไม่เคยเห็นเขาในมุมสบายๆหล่อๆแบบนี้
"แฮ่มๆ"
"อ่ะ..คะ"
"จะไปกันได้ยัง?"
หมอธันวาต้องจำใจออกไปกับเจ้าหล่อนเพราะดูท่าถึงอย่างไรวาทยาก็ไม่ยอมกลับแน่ๆ และอีกอย่างถ้าอยู่ในห้องกันสองต่อสองไม่รู้จะหลุดอะไรออกมาอีก
"ตกลงไปเหรอคะ?"
"อืม..."
"พี่หมอคะ เมื่อกี้วาไม่ได้เห็นอะไรเลยนะคะ จริงๆ"
"จะพูดเพื่อ"
หมอธันวาหน้าแดงก่ำเมื่อโดนย้ำถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่เขายังคงตีหน้านิ่งแม้ว่าตรงใบหูนั้นจะแดงไปหมดแล้วก็ตาม
"จะไปไหน?"
"ไปเดินสยามกันมั้ยคะ?"
"คนเยอะ"
"ไปเถอะค่ะ...วาทยาคนนี้จะปกป้องพี่หมอเอง"
หน้าขาวผ่องนั้นยิ้มจนตาหยีแก้มป่องน่ารักจนเขาอดที่จะใจสั่นไม่ได้ แถมคำที่วาทยาเอ่ยออกมาแต่ล่ะคำทำเอาเขารู้สึกดีถึงแม้จะรู้ว่าเธอจะพูดเล่นก็ตาม
11:00 น.
"ไหนว่าไปสยาม"
"ก็นี่ไงคะแถวสยาม"
"ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างถนนนี่อ่ะนะ"
วาทยาพาหมอธันวามานั่งกินก๋วยเตี๋ยวร้านธรรมดาๆริมถนน อากาศร้อนมากถึงจะมีพัดลมเปิดให้ก็เถอะ
'นี่หล่อนเป็นคุณหนูแบบไหนกัน' หมอธันวาแอบคิดบ่นหญิงสาวในใจ
"ไปเดินในสยามก็ไม่สนุกสิคะ ถ้าเกิดเจอแฟนคลับพี่เข้า"
"อืม! ลองออกมานั่งดูแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พี่ไม่เคยมานั่งแบบนี้เลยกลัวไม่สะอาด"
"ไม่จริงค่ะ สะอาดและก็อร่อยมากด้วยลองชิมสิคะ?"
หมอธันวาลองตักก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าขึ้นมาชิมอย่างกล้าๆกลัว แต่พอได้ลิ้มรสชาดแค่นั้นแหละ เขารีบยัดคำต่อไปตามเข้ามาอีก เพราะว่าอร่อยกว่าที่เขาคิดไว้มาก
วาทยามองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกว่าหมอธันวาน่ารักและก็หล่อดูดีมาก และรู้สึกว่าภายใต้สีหน้าที่เย็นชานั้นกลับซ่อนแรงดึงดูดและความอบอุ่นแปลกๆไว้ข้างใน
เธอไม่ชอบเหล่าผู้ชายชีกอที่ตามมาจีบเธอเป็นแถวในมหาวิทยาลัยเพราะมีแต่คบไม่ได้ทั้งนั้นยกเว้นผู้ชายตรงหน้า แบบนี้แหละที่ตนตามหามานานแสนนานเขาคือคนในอุดมคติของเธอ เพราะฉะนั้นเธอถึงได้ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อตื้อเขา
"อร่อยใช่มั้ยคะ?"
"ก็อร่อยดี"
หมอธันวาพูดออกมาขณะที่หยิบแก้วน้ำมาดูด อร่อยมันก็อร่อยอยู่หรอกแต่ทว่าตอนนี้เขาร้อนมากๆจนเหงื่อเริ่มแตกพลั่ก
30 นาทีผ่านไป
ทั้งคู่เดินเคียงคู่กันออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวริมถนนเพื่อจะไปต่อกันที่อื่น
ทว่าทันใดนั้น!
สายตาของวาทยาเหลือบไปเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งยืนร้องไห้อยู่บนถนนที่รถกำลังจะมา
"ตาหนูระวัง!"
วาทยารีบวิ่งเข้าไปชาร์จตัวเด็กน้อยไว้ทันทีอย่างไม่คิดชีวิตเพราะรถกำลังวิ่งมาอย่างไว
ตุ๊บ!
ร่างของหญิงสาวล้มลงกลิ้งลงบนฟุตบาทบนทางเท้าแต่เด็กน้อยปลอดภัยดีอยู่ในอ้อมกอดของวาทยาที่ปกป้องเอาไว้
"น้องวา!"
หมอธันวารีบวิ่งตามมา เพราะเมื่อสักครู่วาทยาวิ่งผละมาอย่างไว พ่อแม่ของเด็กวิ่งตามมาอุ้มเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้จ้าอยู่ในตอนนี้
"ขอบคุณมากๆเลยค่ะคุณ ขอบคุณค่ะ และขอโทษด้วยที่ทำให้เจ็บตัวค่ะ พอดีลูกของน้าวิ่งมากะทันหัน"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฝากดูแลน้องดีๆนะคะ วากลัวครั้งหลังจะไม่โชคดีแบบนี้"
"ค่ะๆขอโทษอีกครั้งนะคะ"
วาทยาอดที่จะตำหนิพ่อแม่ของเด็กไม่ได้ที่ปล่อยให้เด็กน้อยคลาดสายตามาอยู่บนถนนแบบนี้มันอันตรายมากๆ
"เป็นยังไงบ้าง?"
เสียงทุ้มต่ำของหมอธันวาถามขึ้นพร้อมๆกับช่วยพยุงวาทยาลุกขึ้น
"ไหนพี่ดูหน่อย"
หมอธันวาสำรวจไปทั่วเรือนร่างของวาทยาเพื่อหาร่องรอยการบาดเจ็บ
"โอ้ย! เจ็บตรงข้อศอกค่ะ"
"ไหนดูสิ อ่า! เลือดไหลออกมาน่ะ สงสัยจะถลอกไปโรงพยาบาลกันเถอะ"
"ไม่ไปค่ะ นิดหน่อยเอง"
"งั้นกลับห้องไปทำแผลกัน เจ็บมากมั้ย ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะพี่...."
หมอธันวาจะเอ่ยคำว่าเป็นห่วงออกมาแต่ว่าหยุดไป วาทยาที่รอฟังอยู่ถึงกับผิดหวังเพราะกำลังรอฟังว่าหมอธันวาจะเอ่ยอะไรออกมา
"ไปกันเถอะ ขาละเจ็บมั้ย?"
"อื้อ!ไม่ค่ะ"
วาทยาส่ายศีรษะไปมา ในขณะที่กำลังสำรวจขาของตัวเอง หมอธันวามองหญิงสาวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปอย่างไม่รู้ตัว เขาคาดไม่ถึงว่าวาทยาจะเป็นคนที่ดีมากๆแบบนี้ เธอไม่ใช่สวยแค่หน้าตาแต่จิตใจของเธอก็สวยมากๆทำให้ความรู้สึกประหลาดบางอย่างเกิดขึ้นมาในใจของเขาทันทีอย่างเผลอไป
"สรุปวันนี้ก็พอแค่นี้นะ ค่อยมาใหม่วันหลัง"
น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นฟังดูอ่อนโยนจนวาทยานึกแปลกใจ
"วันหลังอีกเหรอคะ พี่หมอจะมากับวาอีกใช่มั้ย?"
"ถ้าทำตัวดีๆก็จะพามา"
หมอธันวาไม่ได้บอกว่าภายในสองสามวันนี้ได้เวลาที่เขากำลังจะไปออกค่ายแพทย์อาสาที่เชียงใหม่
'จะใจอ่อนบ้างมั้ยนะ?'
นึกถามเขาในใจแต่ก็ไม่วายอมยิ้มออกมาในขณะที่หมอธันวาช่วยพยุงเธอเดินไปที่รถอย่างอ่อนโยน ความรู้สึกอบอุ่นมันบังเกิดขึ้นมากลางใจของเธอและแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกายใจ
-คอนโดหมอธันวา-
"โอ้ย! เบาๆค่ะมันเจ็บ"
"พี่ไม่ได้มือหนักซะหน่อย ไม่เห็นจะเก่งเหมือนตอนวิ่งเอาตัวเองไปรับอันตรายเลย"
เขายังคงบ่นเธออย่างต่อเนื่องในขณะที่มือกำลังคีบสำลีทายาให้เธออยู่
"ถ้าวาไม่วิ่งไปช่วย น้องคงจะโดนรถชนวาคงจะไม่สบายใจมากๆถ้าเป็นแบบนั้น"
"อืม คราวต่อไปก็เสี่ยงให้มันน้อยหน่อย"
"เป็นห่วงวาเหรอคะ?"
หมอธันวาเงียบไปไม่พูดอะไรตอบเธออีก ในขณะที่กำลังเก็บของเข้ากล่องใส่ยาเหมือนเดิม
"เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน"
"วากลับเองก็ได้ค่ะ"
"พี่ไปส่ง!"
หมอธันวาไม่ฟังยังคงยืนกรานไปส่งเธอ สายตาคมกล้าคู่นั้นจ้องวาทยานิ่งดั่งกับว่านี่คือคำสั่งอย่าขัดเขา แต่ทว่าเมื่อสายตาประสานสายตาหัวใจข้างในของทั้งคู่กลับเต้นแรง เพราะดวงตาล้ำลึกสีนิลนั้นเปล่งประกายความอ่อนโยนออกมาอย่างที่วาทยาไม่เคยเห็นมาก่อน หญิงสาวเบนสายตาหลบหนีเขา เพราะไม่อาจสู้สายตาคู่นั้นได้อีกแล้ว
แก้มร้อนผ่าวกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อง หมอธันวามองออกว่าเธอกำลังเขินอายเขาอยู่ เขาได้แต่แอบยิ้มอยู่ภายในใจต่อหน้าของเธอเขายังคงตีหน้านิ่งสนิทไม่แสดงอะไรออกมามาก
'เป็นอะไรไปวะเรา ทำไมมองยัยตัวแสบสวยขึ้น?'