1 อาทิตย์ต่อมา
หมอธันวามาออกค่ายแพทย์อาสาแถวบนดอยแห่งหนึ่งในถิ่นทุรกันดารที่เชียงใหม่ แต่ไม่ถึงกับลำบากมาก เพราะมีโฮมสเตย์มาเปิดให้บริการอยู่ประมานสองเจ้า รองรับนักท่องเที่ยวที่จะมาสัมผัสบรรยากาศชนบท ซึ่งพวกเขาเป็นชุดสุดท้ายที่เข้าพักในเดือนนี้ หลังจากที่จองไว้ล่วงหน้า เพราะที่พักแห่งนี้เต็มอยู่ตลอดเวลาต้องจองล่วงหน้าหนึ่งถึงสองเดือน
วันนี้ก็หมอธันวาและเหล่าเพื่อน ๆ ที่เป็นแพทย์อีก 4-5 คนมาช่วยกันกางเต็นท์รับคนป่วยที่กำลังจะทะยอยกันมาหาหมอเพื่อรักษาฟรี เพื่อนในแคมเปญแพทย์อาสาของเขามีผู้หญิงสองคน และก็ผู้ชายสามคนรวมทั้งเขาด้วย
"ธันวาคะกาแฟค่ะ เดี๋ยวมุกจะเริ่มเรียกคิวแรกแล้วนะคะ"
มุกดาเพื่อนที่เป็นแพทย์สาวสวยของหมอธันวายกกาแฟร้อนที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่นพร้อมกับไอร้อนที่ลอยออกมาเป็นควันโขมงอยู่ในแก้วกาแฟมาวางไว้ให้
"ขอบใจนะมุก คิวแรกมาได้เลยครับ"
หมอธันวายิ้มให้มุกดานิดหน่อย แต่แววตาของมุกดาที่มองเขามีความหมายบางอย่างเสมอไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าหมอมุกดาคิดอย่างไรกับเขา แต่เขานั้นคิดกับหมอมุกดาเพียงแค่เพื่อนจริงๆ
"ฝั่งนั้นยาพร้อมยัง?"
ธันวาตะโกนถามเพื่อนของเขาที่เป็นคู่รักกันชื่อหมอเอกกับหมออุ้ม ส่วนผู้ชายอีกคนชื่อหมอปริญกำลังยืนแจกบัตรคิวให้ผู้ป่วยที่มาหาหมอบ้างก็มาตรวจสุขภาพทั่วไป ข้างในเต็นท์ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบคล้ายๆโรงพยาบาลสนามชั่วคราว เก้าอี้พลาสติกสีน้ำเงินถูกตั้งวางเรียงรายกันเป็นทิวแถว
-เวลาผ่านไปจนถึงบ่ายคล้อย-
คนไข้ก็เริ่มซาลงไป หมอธันวาหยิบขวดน้ำมายกขึ้นดื่มด้วยความเหนื่อยล้าแต่ยังคงมีคนป่วยอยู่อีกหนึ่งคนสุดท้าย
"เชิญคิวต่อไปค่ะ"
หมอมุกดาเรียกคิวถัดไปที่นั่งรออยู่
"สวัสดีครับเป็นอะไรมาครับ?"
หมอธันวาก้มลงเขียนบนแผ่นกระดาษที่แนบกับคลิปบอร์ดเขากำลังใช้ปากกาเขียนรายละเอียดการสั่งยาของผู้ป่วยคนก่อนหน้าอยู่ เลยไม่ได้เงยหน้ามองคนที่มาใหม่
"เป็นโรคหัวใจค่ะ"
เมื่อเจอเสียงที่คุ้นเคยเขาก็หยุดชะงักไปเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าผู้หญิงตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ตกใจและแปลกใจมากว่าเจ้ามาได้อย่างไร
"Hi"
วาทยาโบกมือทักทายพร้อมรอยยิ้มน่ารัก
"เธอเล่นอะไรวาทยา แล้วมาได้ยังไง?"
"ขับรถมาค่ะ"
หญิงสาวชี้ให้มองรถปิกอัพคันใหญ่ที่เธออุตส่าห์ขับมาจากกรุงเทพเพื่อมาหาเขาที่เชียงใหม่ เดี๋ยวนี้หนทางสะดวกมากรถยนต์สามารถเข้ามาได้ถึงแม้ว่าจะเป็นถนนลูกรังบ้างคอนกรีตบ้างสลับกันไป เพราะบนดอยต่างๆถูกดัดแปลงเป็นแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทำให้คนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มจากการที่ได้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ขาดสาย
"แล้วมาถูกได้ยังไง?"
"พี่หมอนพคุณบอกค่ะ แฮร่ๆๆ"
"เห้อ!พี่นพนะพี่นพ....มานี่เลยยัยตัวแสบเราต้องคุยกัน"
หมอธันวาฉุดกระชากลากถูให้วาทยาเดินตามเขาไปตามแรงลากจูง เขาโมโหมากๆที่หญิงสาวกล้าตามเขามาถึงที่ทำงานของเขา วาทยาในชุดกางเกงยีนส์ขายาวเสื้อยืดคอกลมสีขาวสวมทับด้วยแจ๊คเก็ตสีมะกอกอีกทีหนึ่ง ช่วงนี้บนดอยอากาศค่อนข้างหนาวเพราะอยู่ในช่วงฤดูหนาวของเดือนธันวาคม
"พี่ไม่โอเคที่วามายุ่งวุ่นวายกับพี่มากจนเกินไป"
"ก็พี่หายเงียบไปเลยวาติดต่อไม่ได้ คุณป้าบอกว่าพี่มาเป็นแพทย์อาสาวาเลยแค่อยากตามมาด้วย..คุณป้าบอกให้ถามพี่หมอนพวาก็แค่ทำตามผู้ใหญ่บอก"
"มันไม่ใช่หน้าที่ของเธอหน้าที่ของเธอคือเรียนหนังสือวาทยา"
"อ๋อ!เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ วาเรียนจบแล้วเลยว่างมาก"
"ยังไงก็ควรจะกลับวันนี้เดี๋ยวนี้!"
เขาออกคำสั่งอย่างผู้ที่มีอาวุโสกว่า แต่วาทยาแทบจะทำเป็นหูทวนลมกับคำสั่งของเขา
"ไม่ค่ะ วาขออยู่แค่อาทิตย์เดียวเองนร้าาา นะคะพี่หมอ วาอุตส่าห์ตั้งใจขับรถมาตั้งไกลแน่ะ นะคะๆๆ"
หมอธันวานิ่งคิดใคร่ครวญก็จริงของวาทยา เพราะเธออุตส่าห์ขับรถมาไกลมากเพื่อมาหาเขา
'ทำไมถึงได้ใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงแบบนี้เลยจริงๆ'
เขาได้แต่บ่นและถอนหายใจออกมารัวๆรู้สึกว่าความปวดหัวมาเยือน
"ก็ได้ แค่อาทิตย์เดียวก็กลับเลยนะ แล้วก็ห้ามทำตัววุ่นวายด้วย"
"โอเครับทราบค่ะ"
วาทยายกมือขึ้นทำสัญลักษณ์โอเคพร้อมกับรอยยิ้มดีใจที่ฉายอยู่บนใบหน้าจนตาหยีและแก้มป่องน่ารักจนเขาใจสั่น
"ทางนั้นมีอะไรกันรึเปล่า?"
หมอปริญเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ตกลงกันนานเกินไป
"อ้อ พอดีน้องสาวชั้นชื่อวาทยามาจากกรุงเทพน่ะ เอ่อ วานี่หมอปริญ"หมอธันวาโกหกหมอปริญเพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของวาทยา
"สวัสดีค่ะพี่ปริญ"
"สะ..สวัสดีครับ"
หมอปริญมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยประกายตาระยิบระยับอย่างถูกใจในความน่ารักของเธอ
"น้องวาขับรถมาเองเหนื่อยมั้ยครับ ไปกินข้าวกัน พอดีผู้ใหญ่บ้านเอากับข้าวมาให้เยอะเลย"
"โอเคค่ะ"
หมอปริญเลยพาหญิงสาวเดินตรงไปตรงเต็นท์ที่มีอาหารวางอยู่เรียงรายและแนะนำเธอให้กับเพื่อนคนอื่นรู้จัก คนอื่นยิ้มทักทายเธออย่างเป็นมิตรที่รู้ว่าเธอคือน้องสาวของหมอธันวา ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ใช่
หมอธันวาเดินตามมาร่วมวงด้วยอย่างไม่สบอารมณ์ที่น้องสาวหรือแฟนกำมะลอของเขาไปสนิทกับเพื่อนของเขาอย่างไวและดูท่าว่าเจ้าปริญจะชอบยัยตัวแสบมากด้วย
"อ่า มาๆๆธันวานั่นที่ของนาย ตักข้าวไว้ให้แล้ว เอ่อแล้วนี่น้องวามีที่พักหรือยังครับ?"
"ยังค่ะ วายังไม่ได้หาที่พักเลย"
"อ้าวเหรอ?"
"พวกผู้หญิงห้องก็เต็มแล้วใช่มั้ย?"
ปริญหันไปถามสองสาวที่กำลังนั่งช้อนข้าวกินอย่างอร่อย
"เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยววาหาโฮมสเตย์แถวนี้พักดีกว่า"
"ธันวา ห้องแกว่างอยู่เตียงนึงนี่นา พี่ชายน้องสาวนอนห้องเดียวกันก็ได้"
หมอเอกพูดขึ้นมา ทำเอาหมอธันวาถึงกับหันไปมองวาทยาด้วยสายตาคมกล้าอย่างเอาเรื่องว่าเธอมาทำให้เขาวุ่นวาย
"จริงสิด้วยอุ้มลืมไปว่าห้องของธันวามีสองเตียงให้น้องสาวนอนด้วยจะเป็นไรไป"
"เออ!ๆ ว่ายังไงล่ะจะนอนห้องเดียวกับพี่มั้ย?"
หมอธันวาแกล้งถามเพราะคิดว่าวาทยาไม่กล้านอนกับเขาแน่ๆ
"โอเคค่ะ วาจะนอนห้องพี่หมอธันวาพี่ชายของวา"
วาทยาย้ำคำว่า'พี่ชาย'ก็เขาโกหกเองนี่นาก็วุ่นวายสักหน่อยแล้วกัน วาทยาหมั่นไส้เขาเลยคิดจะแกล้งแต่คนที่ถูกแกล้งถึงกับหน้าไม่สบอารมณ์ เขาอุตส่าห์ดีใจที่ได้ห้องพักที่เป็นที่พักส่วนตัวเหลือห้องสุดท้ายแล้วคนเดียว
'ยัยตัวแสบเอ้ย! อุตส่าห์หนีมายังจะตามมาวุ่นวายอีก'
วาทยายิ้มเยาะหยันเมื่อคิดว่าเขาต้องแอบว่าอะไรเธอในใจแน่ๆ สายตาคมกริบคู่นั้นกำลังจ้องเธออย่างจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ในขณะนี้