ชายชู้คนนั้นคือท่านประธาน

ตอนที่ 3 ผลประโยชน์

เสียงนิ้วที่เคาะลงบนโต๊ะทำงานดังเป็นจังหวะ บ่งบอกถึงคนที่กำลังเคาะนิ้วอยู่นั้นกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่ หลังจากที่มีความสัมพันธ์กับเจ้าสาวที่ล่มงานแต่งแล้วหัวใจของเขาก็อยู่ไม่สุข ยิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนแรกของเธอมิหนำซ้ำยังพรากพรหมจรรย์ไปในคืนที่เธอแต่งงาน ถึงจะเย็นชาแค่ไหนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีอะไรเลย

“คุณธนัทครับที่ให้ไปสืบมาได้เรื่องแล้วครับ” มือขวาที่รู้ตัวเองว่าเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหมดเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด ในมือถือแฟ้มเอกสารที่เจ้านายให้เขาไปสืบเรื่องราวมา

เมื่อคืนนี้ตนติดต่อผู้หญิงไซด์ไลน์ไว้ให้แก่เขาแล้ว แต่ไซด์ไลน์สาวคนนั้นไม่ได้มาตามที่สั่ง ตนเองก็ไม่ได้ตามไปตรวจสอบความเรียบร้อยจึงไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ผิดฝาผิดตัวกันเกิดขึ้น

ประธานหนุ่มมองลูกน้องคนสนิทด้วยแววตาที่หมั่นไส้เล็กน้อย ก่อนที่จะรับแฟ้มเอกสารนั้นมาเปิดอ่านดูประวัติของเธอ

“เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น” เขาถามในสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในเอกสารนั้น ในขณะสายตาก็ไล่กวาดอ่านประวัติของพีรมนอย่างสนใจ

“เมื่อคืนนี้หลังจากงานฉลองสมรสเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เป็นงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่มีแค่ครอบครัวและเพื่อนฝูงที่สนิทกัน เจ้าบ่าวกับเพื่อนของเจ้าบ่าวมีอะไรกันโดยที่เจ้าสาวไปรู้เห็นเข้า เธอก็เลยประกาศล้มเลิกงานแต่งงาน แล้วยังฉายคลิปที่เจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวร่วมรักกันออกจอจนทุกคนที่อยู่ในงานตอนนั้นฮือฮากันไปทั่ว” กมลเล่าในสิ่งที่เขาสืบรู้มาจากโรงแรมในเครือที่ธนัทเป็นเจ้าของ

“แล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นล่ะ”

“ครอบครัวของฝ่ายชายและครอบครัวของเจ้าสาวมีสัญญาธุรกิจที่ต้องทำร่วมกัน การแต่งงานก็เป็นหนึ่งในการสัมพันธ์ทางธุรกิจด้วย พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาวก็เสียเปรียบพอ ๆ กัน หากจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถอนตัวอีกฝ่ายก็ต้องหาทุนอีกครึ่งหนึ่งเพื่อที่จะมาดำเนินธุรกิจต่อ แต่หากจะถอนตัวก็จะทำให้เสียเงินลงทุนมากกว่าครึ่งที่ลงทุนไป ล่าสุดเหมือนว่าครอบครัวฝ่ายชายจะให้ลูกชายง้อเจ้าสาวกลับคืนมา เพราะบริษัทที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร่วมทุนกันเพื่อเตรียมเซอร์ไพรส์ทั้งคู่กำลังจะเปิดตัวในอีกสามวันนี้เองครับ” กมลเล่าอย่างละเอียดไม่ให้เจ้านายต้องถามต่อ

“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าฉันจะกลายเป็น...” เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ

คนอย่าง ‘ธนัท ศิรินทร์เลิศ ลี’ หรือจะไม่มีปัญญาหาผู้หญิงเป็นของตนเอง แล้วจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นชู้กับผู้หญิงของคนอื่นเพราะความเข้าใจผิด

“เอ่อ ใจเย็นก่อนครับ ในทางกฎหมายทั้งสองยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน อีกทั้งคุณพีรมนก็ล้มเลิกงานแต่งงานไปเรียบร้อยแล้ว” กพลพยายามที่จะพูดให้เจ้านายตัวเองสบายใจ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริงแต่ว่าทั้งหมดทั้งมวลถ้าทุกอย่างยังไม่ชัดเจนเขาก็ยังคงอดรู้สึกผิดไม่ได้

“หาข้อมูลบริษัทที่พวกเขาร่วมทุนกันมาให้ฉัน” พูดเพียงแค่นั้นก็จ้องมองน้องตัวดีที่สื่อสารผิดพลาดจนเกิดเรื่องราวความวุ่นวายตามมา

กมลโค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนที่จะรีบเดินออกไป ไม่รู้ว่าทำไมเรื่องเกิดเรื่องขนาดนี้ตนถึงยังไม่ถูกเจ้านายไล่ออก บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังเป็นที่สนใจของเขาอยู่ และอาจจะนึกขอบคุณตนอยู่ในใจก็ได้

บ้านยิ่งยศนิรันดร์ อติรุจนั่งหน้าเครียดเมื่อมารู้ภายหลังว่าพ่อกับแม่แอบเอาเงินทั้งหมดไปลงทุนทางธุรกิจกับอีกครอบครัว หากธุรกิจที่ทำร่วมกันกับครอบครัวศุภเสถียรมนตรีจะต้องขาดทุนก็จะขาดทุนด้วยกัน หากถอนตัวก่อนก็ขาดทุนไปไม่ต่ำกว่าสามล้าน ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนทั้งหมดเลยทีเดียว แต่หากอีกฝ่ายถอนทุนก่อนพวกตนก็จะต้องหาทุนที่อื่นมาลงทุนเพิ่มซึ่งทุกวันนี้ใครจะกล้าลงทุนกับธุรกิจใหม่ ไม่ว่าทางใดก็ไม่เป็นผลดีทั้งนั้น

“ไม่ใช่แค่เราที่ไม่กล้าถอนตัว ทางนั้นก็ไม่กล้าถอนตัวเหมือนกัน ถอนตัวไปก็ขาดทุนฟรี ๆ ทางเดียวก็คือแกจะต้องขอคืนดีกับหนูพลอยให้ได้ ครองสถานะสมรสเอาไว้และหาทางรีบจดทะเบียนเพื่อที่จะให้ทุกอย่างกลายเป็นสินสมรส” วิมลบอกลูกชายเสียงเครียด

“ถึงจดหรือไม่จดเวลาแบ่งครึ่งกันก็มีผลอยู่ดีนี่ครับแม่ มิหนำซ้ำถ้าผมถูกเล่นงานเรื่องมีเมียน้อยก็จะถูกฟ้องชู้ สินสมรสก็จะเป็นเป็นของฝ่ายหญิงไปอีก” อติรุจบ่นออกมา ตอนนี้งานแต่งถูกยกเลิกไปแล้วจะให้เสียหน้าไปขอคืนดีกับเธอ เขาคงทำไม่ได้

“แกก็อย่าทำตอนที่จดทะเบียนสิ แค่ซื่อสัตย์ต่อเมียมันจะเป็นอะไรนักหนา”

“ก็ผมไม่ได้รักเธอ”

“ความรักมันกินไม่ได้หรอกนะ อีกอย่างหนึ่งถ้าแกไม่อยากแต่งงานตั้งแต่แรกแกก็ควรจะปฏิเสธ ไม่ใช่ให้พ่อแม่พูดคุยการร่วมลงทุนกันจนแล้วเสร็จ จัดงานแต่งงานหมดเงินไปตั้งเท่าไรแล้วค่อยมาหาวิธีบอกเลิก สมองอันน้อยนิดของแกมันคิดอะไรอยู่ ถ้าแกปฏิเสธตั้งแต่แรกพวกเราก็จะไม่ต้องสูญเสียเงินมากขนาดนี้ เพราะความคิดโง่เง่าของแกแท้ ๆ” ผู้เป็นบิดาหันมาช่วยภรรยาต่อว่าบุตรชายของตัวเองบ้าง

“ก็ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าพ่อกับแม่จะไปลงทุนโดยที่ผมไม่รู้ วันหลังจะทำอะไรก็บอกกล่าวกันหน่อยสิ ไม่ใช่เอะอะก็จะมาเซอร์ไพรส์กัน ผมก็แค่หมั่นไส้พลอยอยากให้ครอบครัวของเธอออกเงินจัดงานแต่ง พอล้มเลิกแล้วก็ให้พวกเธอเป็นคนทั้งเสียหายทั้งเสียหน้า ใครจะคิดล่ะว่าพ่อกับแม่จะมาเซอร์ไพรส์ผมโดยการไปแอบลงทุนกันเอาไว้ แล้วงานแต่งก็ดันเป็นงบที่หารกันอีก มีที่ไหนที่ฝ่ายเจ้าบ่าวออกช่วยค่างานแต่ง มีแต่ฝ่ายเจ้าสาวออกไม่ใช่หรือไง” คำพูดที่เห็นแก่ตัวทำเอามารดาแทบลมจับ

“นี่ฉันเลี้ยงแกมาด้วยอะไรทำไมถึงมีจิตใจที่หยาบกระด้างแบบนี้ ไอ้ลูกเวร แกรีบไปขอโทษหนูพลอยและขอคืนดีกันให้สำเร็จ ถ้าฝ่ายนั้นเกิดแข็งใจยอมขาดทุนเพื่อให้ล่มไปด้วยกัน ก็เตรียมตัวรับไปหมายศาลฟ้องล้มละลายได้เลย” บุญชัยพูดด้วยความโมโห ประคองภรรยาที่ทำเหมือนจะเป็นลมไว้ด้วยความเป็นห่วง

“แล้วถ้าแกกลับไปหาแม่หนูญาดาอะไรนั่นอีก ฉันจะจัดการทั้งแกทั้งผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ให้ผุดให้เกิดเลย มีคู่หมั้นแล้วแท้ ๆ ก็ยังมาแย่งเจ้าบ่าวของคนอื่นสังคมสมัยนี้มันเป็นอะไรกันไปหมด ชอบนักเหรอลักลอบได้เสียกันอย่างลับ ๆ เนี่ย” พูดแล้วก็ยังเจ็บใจไม่หาย เมื่อตนกับภรรยาเดินไปเจอภาพลูกชายกับเพื่อนสนิทของเขากำลังร่วมรักกันอย่างไม่สนโลก ทั้งที่ญาดาเองก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว

“ญาก็กำลังจะหาเรื่องถอนหมั้นเหมือนกันแหละครับ พวกเราสองคนรักกันเขา” พูดแค่นั้นก็ถูกบุพการีทั้งสองมองด้วยสายตาที่โกรธเคืองจนต้องเงียบไป

“งั้นแกก็ไปกัดก้อนเกลือกินกับคนรักของแก ส่วนธุรกิจหากฝ่ายนั้นหาทุนได้เมื่อไรแล้วถอนทุนออกไปตั้งบริษัทใหม่เอง” มารดาพูดด้วยน้ำสิ่งที่สั่นเครือทั้งเสียใจทั้งโกรธบุตรชาย ทำให้อติรุจต้องรีบเข้าไปสวมกอดมารดาเอาไว้

“โอเค โอเค ผมจะพยายามคืนดีกับพลอยให้ได้ แต่ว่าถ้าดึงหุ้นของพลอยมาถือไว้ได้แล้ว และโยกเงินมาจนคืนทุนได้สำเร็จ ผมจะเลิกกับเธอ”

“จะเอายังไงก็เรื่องของแก แต่อย่าทำให้พวกฉันขาดทุนก็แล้วกัน” วิมลกล่าวเสียงสั่น ผลประโยชน์และกำไรขาดทุนเท่านั้นที่พวกเขาจะอยู่รอด

อติรุจได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักไม่ใช่ว่าเขารังเกียจพีรมน เธอก็สวยดีและเป็นคนที่น่าคบหา เพียงแต่ว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ทำงานเก่งกว่า มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังถูกข่มอยู่ใต้อำนาจผู้หญิง เขาต้องการเป็นผู้นำไม่ใช่ให้เธอเป็นผู้นำเขา

แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ก็จะต้องกลับไปหาทางคืนดี ไม่อย่างนั้นหากพีรมนบ้าดีเดือดขึ้นมาแล้วถอนทุนไป คำว่าล้มละลายคงได้มาแปะที่รั้วหน้าบ้านภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

************************