บริษัทแห่งใหม่ที่มีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ได้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งสองคนได้แก่พีรพลที่ถือหุ้น 55% และบุญชัยบิดาของอติรุจที่เป็นตัวแทนของครอบครัวถือหุ้น 37% และยังมีผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ๆ อีกยิบย่อยที่มีส่วนในการลงทุนในบริษัทผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปแห่งนี้กำลังยืนถ่ายรูปร่วมกัน
อติรุจมาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่เพื่อที่จะมอบให้กับอดีตเจ้าสาวของตน ตอนนี้แม้ว่าจะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย แต่ตามขั้นตอนพิธีการแล้วเธอก็ถือว่าเป็นภรรยาของเขาตามประเพณี
หลังจากถ่ายรูปร่วมกันเสร็จแล้ว อติรุจในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อก็ถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่นั้นเดินไปหาพีรมนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แม้ในใจจะต่อต้านสิ่งเหล่านี้แต่เพื่อธุรกิจและผลกำไรในภายภาคหน้าเขาจะต้องคืนดีกับเธอให้ได้
“พลอยครับดอกไม้ช่อนี้พี่อยากจะมาขอโทษพลอยและอยากขอโอกาสอีกครั้ง” เขาพูดต่อหน้าคนหลายคนพร้อมทั้งคุกเข่าลงเหมือนในละครโรแมนติก ตั้งใจจะบีบให้เธอรับช่อดอกไม้นั้นเอาไว้
หญิงสาวมองด้วยแววตาที่เย็นชา ตั้งใจอยากจะปัดช่อดอกไม้นั้นให้ลงไปแล้วกระทืบซ้ำ แต่เมื่อเห็นสายตาของหลายคนที่มองมา ทั้งพนักงาน ทั้งผู้ถือหุ้นรายย่อย ทั้งลูกค้ารายใหญ่ที่มาในวันเปิดตัวของบริษัททำให้เธอยิ้มแล้วรับช่อดอกไม้นั้นเอาไว้ แต่ก้มลงกระซิบบอกเขาถึงเจตนาของตน
“ขอบคุณที่ทำให้ถังขยะห้องฉันมีสีสันมากขึ้น”
หญิงสาวเผยรอยยิ้มออกมา ยืดตัวขึ้นกอดดอกไม้ช่อนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและด่าทอด้วยสายตา จากรักกลายเป็นเกลียดได้เพียงข้ามคืนเพราะการถูกหักหลัง
อติรุจรู้สึกว่าการง้อขอคืนดีกับเธอนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ผู้หญิงคนนี้ฉลาดและหยิ่งในศักดิ์ศรี เพราะเหตุนี้ถึงทำให้เขาหมั่นไส้จนอยากทำให้เธอเสียหน้าตอนที่ร่วมงานแต่ง แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายจะเป็นตัวเองที่เสียหน้าและอับอายแทน
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นมีเพียงเพื่อนฝูงและญาติสนิทที่ร่วมในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้เท่านั้นที่รู้เรื่อง วิมลและผกาได้ขอร้องทุกคนไม่ให้เรื่องนี้แพร่ออกไปถึงด้านนอก คนที่รู้ว่าเจ้าสาวยกเลิกงานแต่งก็มีเพียงเพื่อน ๆ เหล่านั้น แต่เหล่าคู่ค้าทางธุรกิจและผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการทางธุรกิจยังไม่มีใครรับรู้ อติรุจจึงจะใช้โอกาสนี้ในการที่จะคืนดีกับเธอและนำไปสู่การจดทะเบียนสมรสให้ได้
ในตอนสายแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดีก็ได้กลับออกไปแล้ว หญิงสาวถือช่อดอกไม้สีแดงนั้นเข้าไปในห้องทำงานแล้วโยนลงไปในถังขยะจนดูคล้ายกับว่ามันเป็นกระถางที่รองรับดอกไม้สีแดงสดนั้น แววตาของเธอมองมันอย่างไม่ไยดีก่อนที่จะนั่งโต๊ะทำงานของตนเองในตำแหน่งกรรมการบริษัทควบผู้จัดการฝ่ายขาย
สักพักประตูห้องเธอก็ถูกเปิดออก คนที่เข้ามาก็คืออติรุจที่เดินมาพร้อมกับรอยยิ้ม ทำเหมือนกับว่าเมื่อหลายวันที่แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พลอยครับ นี่ก็จะเที่ยงแล้ว...”
“ต้องการอะไรก็พูดมา” เธอไม่รอให้เขาพูดจาอ้อมค้อมจึงถามออกไปตรง ๆ
“พี่อยากคืนดีกับพลอย วันนั้นพี่เมามากแล้วก็รู้สึกผิดจริง ๆ กับญาดาพี่ก็แค่เล่น ๆ เท่านั้น ให้ตายสิสิ่งที่พี่พูดไปทั้งหมดก็แค่พูดไปตามเอาอารมณ์ พลอยก็รู้ว่าญาดามีคู่หมั้นอยู่แล้ว พี่ไม่ได้จริงจังสักหน่อย” คำแก้ตัวนั้นช่างน่าสมเพชและหน้าตัวเมียจริง ๆ
“ทำไมต้องคืนดีกันคะ ถ้ากลัวเรื่องธุรกิจที่ทำด้วยกันฉันแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกค่ะ เราสามารถร่วมงานกันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจโดยไม่ต้องมีความสัมพันธ์อะไรต่อกันได้ หรือคิดว่าถ้าคืนดีกันแล้วจะทำให้ทุกอย่างราบรื่น คิดว่าฉันจะโง่แล้วยกหุ้นให้คุณ กำไรที่เป็นส่วนของฉันที่มากกว่าก็จะตกไปเป็นของคุณด้วยครึ่งหนึ่งอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวพูดอย่างรู้ทัน
“โธ่ ใครจะคิดอย่างนั้นล่ะพลอย พี่รักพลอยนะ แล้วก็อยากจะคืนดีกันกับพลอยจริง ๆ ให้โอกาสพี่อีกครั้งนะ ครั้งนี้พี่รับรองเลยว่าพี่จะไม่มีวันทำผิดกับพลอย ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่เคยทำพลาดหรอกนะ”
“ใช่ค่ะ แต่ต้องไม่พลาดในคืนวันแต่งงานไงคะ ต้องไม่พลาดขณะที่มีกันและกันอยู่ แต่คุณตั้งใจให้พลาด เลวขนาดนี้ฉันคงเอาคุณมาทำพันธุ์ไม่ลงหรอกค่ะ” หญิงสาวตอบโต้ด้วยคำพูดที่ยั่วยุโทสะ
เมื่อถูกด่าทอแบบนั้นก็รู้สึกโกรธแต่จะทำอย่างไรได้ ก็ได้แต่ปั้นหน้ายิ้มแย้ม ครอบครัวเขาลงทุนไปเยอะหากจะถอนทุนคืนตอนนี้ก็ขาดทุน ฝ่ายของเธอก็ไม่กล้าให้เขาถอนทุนในตอนนี้เพราะไม่อย่างนั้นบริษัทก็จะขาดเงินทุนและมีสิทธิ์ที่จะดำเนินกิจการต่อไปไม่ไหว เรียกว่าตอนนี้ก็อยู่ในสภาวะน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า
จริง ๆ หากจะทำงานร่วมกันต่อไปในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจอย่างที่เธอบอกมันก็ได้ แต่แม่เขาไม่ต้องการอย่างนั้น ต้องการให้เขาคืนดีกับเธอให้สำเร็จในอนาคตจะได้ค่อย ๆ ยักย้ายถ่ายเทหุ้นและผลกำไรได้โดยง่าย เมื่อประสบผลสำเร็จเขาก็จะถอนตัวออกไป แต่เรื่องนี้ดูเหมือนไม่ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้เลยสักนิด
“พี่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรให้พลอยเข้าใจความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจของพี่ในตอนนี้ พี่อาจจะเป็นคนที่ใช้คำพูดไม่ถูกต้อง พี่อาจจะพูดเห็นแก่ตัวจนลืมนึกไปถึงความรู้สึกของพลอย แต่หลังจากวันนี้ไปพี่จะพิสูจน์ให้พลอยเห็นว่าพี่รักพลอยจริง ๆ ทั้งญาดาและผู้หญิงคนอื่นพี่จะไม่ยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป หลังจากนี้พี่จะตั้งใจทำงานพิสูจน์ตัวเองให้พลอยเห็น พี่ขอโอกาสอีกครั้งหนึ่งนะครับ” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยการอ้อนวอน
พีรมนมองแววตาที่แสดงถึงความรู้สึกผิดและเสียใจอย่างสุดซึ้งนั้น เขาแสดงละครได้ดีทีเดียวจนเธอเกือบจะเชื่อแล้ว หากว่ามือทั้งสองที่อยู่ข้างลำตัวไม่กำแน่นแสดงถึงความโกรธและความอัดอั้นที่ต้องทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับใจ
ริมฝีปากของเธอเหยียดยิ้มออกมา ไม่รู้ควรสมเพชเขาหรือสมเพชตัวเองที่เคยหลงมีใจให้ผู้ชายคนนี้
“เหรอคะ งั้นก็พยายามต่อไปนะคะ ส่วนเรื่องของเรามันได้จบลงตั้งแต่วันนั้นแล้ว เชิญคุณอาร์ตออกไปจากห้องดิฉันด้วยค่ะ พอดีว่าดิฉันมีงานที่ต้องทำไม่มีเวลากับเรื่องไร้สาระพวกนี้” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ไม่ได้ใจอ่อนกับสิ่งที่เขาพยายามแสดงละครตบตาตนเองเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นอติรุจก็ยังข่มความโกรธแล้วแสดงละครของตนเองต่อไป
“ก็ได้ครับ พี่จะไม่รบกวนพลอยอีกแล้ว หลังจากนี้ไปการกระทำของพี่จะพิสูจน์ให้พลอยเห็นเอง” พูดแล้วเขาก็หันหลังจะเดินออกไป มองช่อดอกไม้ของตนที่อยู่ในถังขยะตรงหน้าก็กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ คุมอารมณ์ให้ใจเย็นลงแล้วรีบเดินออกไปจากห้องทำงานของเธอไป
“ให้ตายสิฉันรักผู้ชายคนนี้ลงไปได้ยังไง” เธอบ่นให้ตัวเอง จากที่เสียใจและรู้สึกเศร้าพอได้เห็นธาตุแท้ของเขาที่แสดงในวันนี้ก็ยิ่งรู้สึกโชคดีที่ตนเองเข้มแข็งและถอยออกมาได้ทัน
ช่วงแรกที่เจอกันเขาเป็นสุภาพบุรุษและแสนดีเป็นที่หนึ่ง เอาอกเอาใจเธอสารพัด มารับไปกินข้าวดูหนังด้วยกัน จากที่เธอไปไหนมาไหนกับเขาตามมารยาทเพราะพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายสนับสนุน แต่ช่วงหลังเพราะความเสมอต้นเสมอปลายของเขาทำให้ใจอ่อนและหลงรักเขาโดยง่าย ตามมาด้วยการแต่งงานที่เกิดขึ้นหลังจากที่คบหากันเพียงสามเดือนเศษ
ในระหว่างนั้นก็มีข่าวของเขาและญาดาออกมาให้ได้ยินอยู่ตลอด แต่เขาก็ปฏิเสธพร้อมทั้งแสดงให้เธอดูว่าเขากับญาดาไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกัน ทำให้เธอเชื่อใจเขาและเพื่อนสนิทคนนั้น จนกระทั่งในวันแต่งงานมาเห็นด้วยตาตนเองถึงได้รู้ว่าพี่ที่ผ่านมาอติรุจก็แค่แสดงละครทำเป็นว่ารักเธอเท่านั้น
************************