อู่หยางจีเห็นฝอหลิน* (ชาวตะวันตก) อยู่บ้าง และเมืองนี้ดูเหมือนจะให้ความสำคัญคนกลุ่มนี้ ถึงขั้นมีโรงหมอ และอารามเมฆาเคลื่อนคล้อย ที่มีห้องสำหรับไถ่บาป
“เหตุใดคนตาย จึงให้พวกฝอหลินมาวุ่นวาย มันถูกต้องแล้วหรือ”
“เฮ้อ...ใช่ แต่เป็นคนที่ตาย และชาวเมืองฝูหานไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่ง เพราะเป็นฝีมือของวิญญาณผีเจ้าสาวจากหอแดงนะซี ไอ้นักเลงคนนั้น มันไปท้าทายเอาไว้เมื่อสามวันก่อน ข้านึกไว้แล้วเชียวว่าต้องไม่รอด ได้ข่าวว่าคอหักตายเสียด้วย วิญญาณคงเฮี้ยนแน่ๆ ตอนนี้พวกฝอหลินกำลังทำพิธีสะกดวิญญาณเอาไว้ เพื่อไม่ให้ถูกพวกมีอาคมชั่วเอาไปทำเรื่องไม่ดี ยิ่งใกล้เทศกาลขนมกระดูกขาว คิดแล้วน่ากลัวเป็นบ้า”
อู๋หยางจียังจับต้นชนปลายเรื่องต่างๆ ยังไม่กระจ่างชัด แต่สิ่งที่เขารับรู้คือ หอแดงไม่ได้มีวิญญาณผีสาว เพราะคนที่กลืนน้ำวิสุทธิ์ของเขาไปจนหมดทุกหยาดหยด ย่อมต้องคนที่มีร่างกายและเลือดเนื้อ!
หญิงสาวงดงามราวกับสตรีล่มเมือง ก้าวออกมาจากเรือนร้างที่ชาวเมืองเรียกว่าหอแดง อันเป็นเรือนหอผู้ตรวจการคนก่อนเขาซื้อไว้เพื่อใช้สำเริงกามกับสาวงาม เรื่องนี้ทุกคนต่างล่วงรู้ แต่ด้วยอำนาจของตระกูลหลี่ ทำให้ชาวเมืองฝูหานไม่อาจยุ่ง แม้แต่เจ้าเมืองเพราะเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่เคยนอนกับผู้หญิงของสองพ่อลูกตระกูลหลี่ โดยมีหลีเทียนชายวัยห้าสิบกว่าปี เขานั่งตำแหน่งผู้ตรวจการเรื่องภาษีจากวังหลวง
แต่เดิมสตรีผู้งดงามนี้ นามว่า ม่านรั่วจื่อ แต่ยามนี้นางได้ปลอมตัวเป็นเตียวร่วน หญิงรับใช้คนสนิท ที่ตอนนี้ได้ลาจากโลกไปได้เป็นเวลาเกือบสามปี และความเจ็บแค้นของนางต่อคนตระกูลหลี่อัดแน่นอยู่ในใจ รวมถึงชาวเมืองฝูหาน ที่ไม่มีผู้ใดคิดยื่นมือเข้าช่วยนาง ทั้งที่รู้ ทั้งที่เห็นแต่นิ่งเฉย ปล่อยให้นางเกือบถูกคนชั่วย่ำยี และบ่าวรับใช้หลายคนต้องเสียชีวิต อีกทั้งยังมีเหล่าสาวน้อยตกยากหลายคนที่ถูกจับตัวมา บ้างก็เต็มใจมาขายบริการแลกเศษเงิน แต่พวกนางไม่ได้มีโอกาสออกจากหอแดงแห่งนี้อีกเลย
“คุณหนู จะออกไปข้างนอกอีกหรือขอรับ” ชิงหลานบ่าวรับใช้ที่ติดตามเขามาตั้งแต่อายุสิบหก ตอนนี้เขาได้เติบโตเป็นหนุ่มหน้าตาดี และยังช่วยเหลืองานนางได้มาก โดยเฉพาะการเป็นหัวขโมย และป่าวประกาศเรื่องวิญญาณเจ้าสาวจากหอแดง
“เหยื่อของข้าปรากฏตัวแล้ว และเขาคงช่วยให้เรามีโอกาสแก้แค้นคนชั่วตระกูลหลี่”
“แต่พวกมัน ไม่ได้อยู่ที่ฝูหานแล้ว อีกอย่างตอนนี้พวก
ฝอหลินก็คอยจับตาดูเราตลอด มันอาจเป็นอันตรายต่อคุณหนูได้”
“มีสิ่งใดน่ากลัวเท่ากับต้องนอนรอความตายอีกเล่าชิงหลาน ให้ข้าได้ออกไปเลือกเจ้าบ่าวด้วยตนเองเถิด อย่างน้อยครั้งนี้บุรุษผู้นั้นก็ดูใช้ได้ อีกทั้งเขาเป็นถึงบัณฑิต คงมีความน่าเชื่อถือมากกว่าพวกอันธพาล หรือเหล่าคุณชายปัญญาทึบ”
“เช่นนั้น บ่าวจะคอยดูต้นทางให้ และช่วยเหลือคุณหนูอยู่ห่างๆ ถ้าเกิดเรื่องร้าย จะได้รับมือทัน” ชิงหลานกล่าว และใช้นิ้วยาวๆ ของเขาสีจมูก อาการเช่นนั้นมันเกิดขึ้นจากที่หลายวันก่อนถูกหลานสาวตัวดีของตาเฒ่าเกาทำร้าย ด้วยการซัดเข็มพิษใส่เขา และมันทำให้บวมแดงราวกับถูกผึ้งต่อย กว่าจะหายเขาต้องเสียเงินซื้อยามากินมิน้อย
“เจ้าเองก็ต้องระวัง อย่าให้ต้องเจ็บตัวเพราะแม่นางผู้นั้นอีก”
เมื่อเตียวร่วน เอ่ยเช่นนั้น ชิงหลานก็น่าแดง และมันลามไปถึงหู และลำคอ ด้วยเขาได้กำราบนางแล้วในคืนที่ผ่านมา
“คุณหนู รับรองว่าจะไม่มีเรื่องโง่เขลาเช่นนั้นอีก บ่าวพลาดเพียงครั้งเดียว ต่อจากนี้ แม่นางถิงมี่ จะต้องถูกบ่าวจับหวดจนก้นช้ำแน่ๆ” เขาเอ่ยแล้วก็คิดถึงท่าทางถิงมี่ และคำหวานสัปดนที่นางร้องให้เขากระทำบางสิ่งอย่างถึงใจ
“ชิงหลาน... เจ้าเป็นเด็กไม่เคยโตสักที อย่างไรอย่าทำให้แม่นางถิงมี่ ต้องบอบช้ำล่ะ เพราะข้าดูออกที่เจ้าออมมือให้นาง เป็นเพราะมีใจต่อนางสินะ” เตียวร่วนเอ่ยจบ นางก็โบกมือให้ชิงหลานหลบไป
เตียวร่วนใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าตนเอง และยังมีหน้ากากหญิงชราอีกด้วย เวลาออกมาด้านนอกหอแดง นางแต่งตัวเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเพื่ออำพรางตนจากคนประสงค์ร้าย และสองคือหาเหยื่อในการลักขโมยข้าวของ หรือลวงให้เสียทรัพย์ อันที่จริงการกระทำดังกล่าวนับว่าผิดทั้งกฎหมาย และกฎแห่งกรรม แต่นางต้องมีชีวิตรอดให้ได้ เมื่อสะสมเงินได้มากพอก็จะหาทางหนีออกจากเมืองซึ่งมีแต่คนจิตใจชั่วช้า อีกทั้งเฉยเมยไม่ยอมช่วยเหลือสตรีต่างบ้านต่างเมืองที่ถูกสองพ่อลูกตระกูลหลี่กักขังหน่วงเหนี่ยว
หญิงสาวอดคิดถึงช่วงเวลาที่โหดร้ายไม่ได้ นางเป็นคุณหนูตระกูลม่าน มารดาเป็นฮูหยินใหญ่ และพอคลอดนางก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา บิดาจึงรับภรรยาเข้าบ้านอีกหลายคน และคนที่ร้ายกับนางมากที่สุดคือฮูหยินรองที่เป็นน้องสาวของมารดาแท้ๆ เรื่องนี้ฟ้าดินเท่านั้นถึงจะล่วงรู้ เพราะอีกฝ่ายเป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือ เตียวร่วนใช้ชีวิตอย่างสตรีในเรือนใหญ่ที่บิดาเป็นถึงเจ้ากรมพิธีการ แต่ระยะหลังบิดานางป่วยจนล้มหมอนนอนเสื่อ พอนางอายุได้สิบแปดปีเขาก็จากไป ดังนั้นจึงเหลือเพียงฮูหยินรองดูแลจวน ซึ่งต่อจากนั้นชีวิตของเตียวร่วนก็ได้รับความทุกข์แสนสาหัส สุดท้ายฮูหยินรองกับลูกชายของนางจึงหาวิธีขับไล่หญิงสาวออกจากจวนหลังงาม และนั่นคือการส่งเตียวร่วนไปถือศีลที่วัด แต่นางไปยังไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ ก็ถูกโจรป่าดักชิงตัว ซึ่งนับว่าโชคดีที่หญิงสาวมีไหวพริบ รีบอำพรางตัวและปลอมเป็นสาวรับใช้ของตน ทว่าการสลับตัวครั้งนี้ได้ทำให้เกิดความสูญเสียหลายชีวิตรวมถึงสาวใช้ประจำตัวของนางด้วย
“ข้าจะชดใช้ให้พวกเจ้าทุกคน...”
ม่านรั่วจื่อ ซึ่งตอนนี้ก็คือเตียวร่วนเอ่ยพร้อมเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม