อินทัชเดินออกมาจากห้องทำงาน เพื่อกลับบ้าน แต่ยังเห็นสร้อยมาลานั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ที่โต๊ะก็อดที่จะเดินเข้าไปหาไม่ได้
“ผมจำได้ว่าไม่มีงานด่วนอะไรแล้ว เอาไว้ทำต่อพรุ่งนี้ก็ได้นะครับคุณสร้อย”
สร้อยมาลาเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายสุดหล่อ ก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“พอดีเป็นรายงานประชุมน่ะค่ะ สร้อยทำค้างอยู่ ว่าจะทำให้เสร็จก่อนค่อยกลับ”
“แล้วคุณจะกลับยังไงครับ รถคุณเสียอยู่ไม่ใช่หรือ”
หล่อนรู้ดีว่าเจ้านายเป็นห่วง แต่หล่อนก็ไม่ต้องการเป็นภาระของใคร
“สร้อยให้คนที่บ้านมารับน่ะค่ะ” หล่อนโกหกออกไป
อินทัชได้ยินก็ผงกศีรษะขึ้นลง และคลายเป็นกังวล
“อย่าอยู่ค่ำนักนะครับ ผมดูพยากรณ์อากาศมา ค่ำนี้ฝนน่าจะถล่มกรุง”
“เดี๋ยวเสร็จแล้ว สร้อยก็จะรีบกลับเลยค่ะบอส ขอบคุณบอสมากนะคะ”
หล่อนซาบซึ้งใจในความห่วงใยที่อินทัชมีให้เหลือเกิน
อินทัชไม่ได้ตอบอะไรออกมา นอกจากระบายยิ้ม และเดินตัวตรงหายเข้าไปในลิฟต์
สร้อยมาลาถอนใจเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อ
เสียงฟ้าร้องที่ดังเล็ดลอดเข้ามาถึงภายในสำนักงาน ทำให้หล่อนรู้ว่า ฝนกำลังจะตกอย่างที่อินทัชบอกไว้จริงๆ
นิ้วเรียวเร่งความเร็วในการกดแป้นพิมพ์ให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ แต่ความรีบร้อนทำให้หล่อนพิมพ์ผิด และเสียเวลาในการแก้ไขไม่น้อยเลยทีเดียว
กว่างานจะเสร็จสิ้นลง เวลาก็ผ่านไปชั่วโมงกว่า และสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาบนพื้นโลกอย่างไม่ลืมหูลืมตาเสียแล้ว
สร้อยมาลากดปิดคอมพิวเตอร์ รีบคว้ากระเป๋าสะพายสีดำมาคล้องไหล่ และลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ เร่งฝีเท้าตรงไปยังลิฟต์ แต่ระหว่างทางก็เสียงฟ้าผ่าก็ดังเปรี้ยงขึ้น
“กรี๊ดดดดด...!”
หญิงสาวตกใจมาก สะดุดล้มลงกองกับพื้น แว่นกระเด็นออกไปจากใบหน้า เท่ากับว่าตอนนี้โลกของหล่อนพร่ามัวไปเสียแล้ว
มือเล็กพยายามควานหาแว่นตา คลำสะเปะสะปะไปตามพื้น ก่อนจะไปสัมผัสกับรองเท้าหนังเงาวับของใครบางคนเข้า
หล่อนตกใจ ชักมือกลับ และช้อนตาขึ้นมอง เงาลางๆ ที่เห็นบอกให้รู้ว่าเป็นผู้ชาย และสวมใส่ชุดสูท หล่อนหยีตาเพ่งมองมากขึ้น ก่อนจะพบว่าผู้ชายที่กำลังย่อตัวลงนั่งตรงหน้านั้นคือ...
“คุณอนล...?”
ทำไมเขาอยู่ที่ทำงานล่ะ
เขาลาพักร้อนครึ่งวันไม่ใช่เหรอ
อ้อจริง เขาต้องกลับมาเซ็นต์เอกสารของฝ่ายขายนี่นา
“คุณมาคลานอะไรอยู่แถวนี้ นี่ถ้าไม่มีไฟสว่าง ผมคงคิดว่าคุณเป็นผีจูออนไปแล้ว”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่ก็มีความขบขันอยู่ในนั้นด้วย
“เอ่อ... แว่นของสร้อยหายน่ะค่ะ สร้อยกำลังหา...”
อนลหรี่ตาแคบกวาดตามองใบหน้าขาวสะอาดที่ไร้แว่นหนาอย่างพิจารณา
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหน้าสร้อยมาลาโดยไม่มีแว่นตาอันใหญ่ปิดบัง
จะว่าไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้มีดวงตากลมโตน่ามองไม่น้อย แพขนตาก็ทั้งยาวทั้งงอนเหมือนกับดัดอยู่ตลอดเวลา แต่เขามั่นใจว่าหล่อนไม่ได้ดัดขนตาหรอก เพราะแค่แต่งหน้าเจ้าหล่อนยังไม่ทำเลย
“เอ่อ... หน้าสร้อย... มีอะไรติดอยู่เหรอคะ”
คำถามแปลกใจของสร้อยมาลาทำให้อนลละสายตาจากใบหน้ารูปไข่ และหันไปหยิบแว่นที่พื้นมายื่นให้แทน
“เปล่า ผมก็แค่จะส่งแว่นให้คุณ”
สร้อยมาลายื่นมือมารับแว่นตาจากเขาด้วยความดีใจ และด้วยความรีบร้อนทำให้ปลายนิ้วสัมผัสกัน
ไออุ่นจากปลายนิ้วสะอาดสะอ้านของอนลที่ส่งผ่านเข้าสู่ร่างสาว ทำให้สร้อยมาลาต้องรีบชักมือหนีทันควัน จากนั้นก็รีบสวมแว่น และลุกขึ้นยืนก้มหน้า
“ขอบ... คุณค่ะ”
อนลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาของเขายังคงจับจ้องเลขาฯ คนโปรดของพี่ชายไม่วางตา
“ทำไมวันนี้คุณถึงอยู่ดึกล่ะ”
“สร้อย... เพิ่งทำงานเสร็จค่ะ”
“ไหนพี่หนึ่งบอกว่าคุณทำงานดีไม่เคยล่าช้ายังไงล่ะ” อนลหัวเราะ ขณะยื่นมือไปกดลิฟต์
“เอ่อ... เป็นงานของพรุ่งนี้ค่ะ แต่พอดีสร้อยทำแล้วก็เลยอยากทำให้เสร็จเลย ไม่อยากค้างน่ะค่ะ”
อนลไหวไหล่น้อยๆ ก้าวเข้าไปในลิฟต์ที่ประตูเปิดออก แต่สร้อยมาลาไม่ยอมก้าวตามมาด้วย
“คุณไม่กลับบ้านหรือ”
“เอ่อ... คุณอนลลงไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวสร้อยรอลิฟต์รอบต่อจากคุณอนลค่ะ”
คิ้วเข้มของอนลขมวดกันมุ่นด้วยความหงุดหงิดใจ เมื่อเจ้าหล่อนทำเหมือนกับว่ารังเกียจไม่อยากไปพร้อมตนเอง
“แล้วทำไมต้องไปอีกรอบ ในเมื่อตอนนี้ลิฟต์ก็มีแค่ผมคนเดียว ไม่ได้เต็มสักหน่อย”
“คือสร้อย...”
หล่อนไม่อยากอยู่ใกล้กับอนล เพราะกลัวหัวใจตัวเอง
“สร้อยแค่ไม่อยากรบกวนคุณอนลน่ะค่ะ”
“แค่ลงลิฟต์ไปด้วยกัน ไม่รบกวนหรอกมั้ง เชิญครับ”
สร้อยมาลาไม่มีทางเลือก เมื่ออนลออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น
เท้าเล็กในรองเท้าคัชชูสีดำส้นเตี้ยก้าวเข้าไปภายในลิฟต์ แต่คงเพราะความประหม่า ทำให้เกิดสะดุดเท้าของตัวเองเข้า
“ว๊ายยย!”
ร่างของสร้อยมาลาถลาล้มลงบนพื้นตรงหน้าของอนลนั่นเอง ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ประตูลิฟต์ปิดลงพอดี
อนลถอนใจออกมาแรงๆ อธิบายความรู้สึกของตัวเองไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกอะไรมากกว่ากัน ระหว่างสงสารหรือว่าขบขัน
“คุณคงชอบกินกบสินะคุณสร้อย”
สาวแว่นช้อนตาขึ้นมองเจ้าของคำพูด ขณะพยายามขยับตัวลุกขึ้นยืน โดยใช้ผนังลิฟต์ที่เป็นพยุงตัว
“คุณอนลหมายความว่ายังไงเหรอคะ”
“ก็ผมเห็นคุณขยันล้มเหลือเกิน ก็นึกว่าชอบกินกบ”
เขาหัวเราะขบขัน ขณะที่หล่อนก้มหน้าซ่อนความอับอายเอาไว้ใต้แว่นหนา