ตอนที่ 2

1506 Words
ช่วงพักกลางวัน อินทัชก็ชวนสร้อยมาลาออกไปรับประทานอาหารที่โรงแรม ซึ่งเขามีนัดเซ็นต์สัญญากับลูกค้าช่วงบ่าย ร้านอาหารหรูภายในโรงแรมระดับห้าดาวช่วงพักกลางวันค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อย เพราะเป็นช่วงเวลาเติมพลังงานของทุกคนนั้นเอง “ขอบคุณค่ะบอส” สร้อยมาลาเอ่ยขอบคุณอย่างเกรงใจ เมื่ออินทัชเลื่อนเก้าอี้ให้ อินทัชระบายยิ้มน้อยๆ และหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับเลขาแว่นหนา “คุณสร้อยอยากทานอะไรก็สั่งได้เลยนะครับ ที่นี่ของอร่อยเยอะมาก” “ขอบคุณค่ะบอส” เมื่อเห็นเลขาของตัวเองยังคงเกร็งๆ และมีทีท่าเกรงอกเกรงใจ อินทัชจึงพูดขึ้นเพื่อหวังให้หล่อนผ่อนคลาย “ตอนนี้ไม่ใช่เวลางาน คุณไม่ต้องคิดว่าผมเป็นเจ้านายก็ได้นะครับ” “เอ่อ...” ดวงตากลมโตที่ซ่อนอยู่ใต้แว่นหนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดของอินทัช “คิดว่าผมเป็นเพื่อน หรือว่าพี่ชายก็ได้ครับ คุณจะได้ผ่อนคลายขึ้น” จะให้หล่อนคิดแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่ออินทัชเป็นเจ้านาย และหล่อนก็ลืมความจริงข้อนี้ไม่ได้หรอก “เอ่อ... สร้อยไม่อาจเอื้อมคิดกับบอสว่าเป็นเพื่อนหรือว่าพี่ชายได้หรอกค่ะ บอสเป็นเจ้านายของสร้อย” รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของอินทัช หล่อนยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลยว่า อินทัชเป็นผู้ชายที่รูปงามมาก เขาหล่อเหลา สุขุม และเต็มไปด้วยพลังอำนาจของการเป็นผู้นำ ผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้กับอินทัช ไม่มีทางที่จะไม่หลงเสน่ห์ของเขา ยกเว้นหล่อน... หล่อนก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ตัวเองถึงไม่เคยคิดกับเจ้านายรูปงามคนนี้ในเชิงชู้สาวเลย และไม่เคยใจเต้นแรงยามอยู่ใกล้ชิดกับอินทัชเลยสักครั้ง ไม่เหมือนกับตอนที่หล่อนอยู่ใกล้กับ... อนล... เมื่อสมองผุดภาพใบหน้าหล่อร้ายของอนลขึ้นมา สองแก้มสาวก็อดที่จะเห่อร้อนไม่ได้ หล่อนหน้าด้านที่แอบรักอนล ทั้งๆ ที่เขาก็ประกาศให้เห็นโต้งๆ ว่าเขาคิดยังไงกับหล่อน รังเกียจ... ใช่ อนลรังเกียจ จนแทบไม่อยากจะเสวนากับหล่อนเลยล่ะ คิดแล้วก็เจ็บปวดไปทั้งอก... “คิดอะไรอยู่กับคุณสร้อย” สร้อยมาลาสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะรีบสลัดความคิดน่าสังเวชใจทิ้งไป “ปะ เปล่าหรอกค่ะ” อนลมองหล่อนอย่างค้นคว้า ก่อนจะระบายยิ้ม และก็ยื่นเมนูที่พนักงานส่งให้มาตรงหน้าของหล่อน “เลือกอาหารเถอะครับ” “ขอบคุณค่ะบอส” ขณะที่หล่อนกำลังก้มหน้าก้มตามองรายการอาหารในเมนูอยู่นั้น เสียงทุ้มคุ้นหูของอนลก็ดังขึ้นใกล้ๆ ตัว แต่เขาไม่ได้ทักทายหล่อนหรอก เขาทักทายพี่ชายของเขาต่างหาก “โลกกลมจังเลยนะครับพี่หนึ่ง เจอกันที่นี่ได้ยังไงเนี้ย” สร้อยมาลาเงยหน้าขึ้น ก็ได้เห็นด้านข้างของอนล แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว มีผู้หญิงหุ่นดีมากๆ แต่งตัวทันสมัยยืนอยู่ด้วย “ตอนบ่ายพี่มีเซ็นต์สัญญากับลูกค้าที่นี่น่ะ พี่ก็เลยพาคุณสร้อยมากินข้าวเที่ยงรอ แล้วนายล่ะ มาทำอะไรที่นี่” อนลปรายตามองสร้อยมาลาเล็กน้อย มองแบบผ่านๆ ก่อนจะหันไปมองผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่ยืนอยู่ข้างกายตัวเอง “วันนี้ผมลาพักร้อนครึ่งวันน่ะครับ” “เมื่อเช้าไม่เห็นนายบอกพี่เลย” คิ้วเข้มของผู้เป็นพี่ชายเลิกสูงด้วยความแปลกใจ “ก็เมื่อเช้าผมยังไม่รู้นี่ครับว่าเรนนี่จะว่าง” อนลหันไปยิ้มให้กับผู้หญิงข้างตัว ก่อนจะหันมาสบตากับพี่ชายอีกครั้ง “พี่หนึ่งไม่ต้องกังวลหรอกนะครับ ผมจัดการงานของผมเรียบร้อยหมดแล้ว” “แต่ถ้าพี่จำไม่ผิด ตอนเย็นนายมีเอกสารจากแผนกขายที่ต้องเซ็นต์ด่วนไม่ใช่หรือ” อนลนิ่งไปเล็กน้อย เพราะเลขาฯ ของเขาไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ “คุณผึ้งไม่ได้บอกผม” อินทัชระบายยิ้มบางๆ “ก็พี่บอกแล้วไง คนแต่งตัวดี แต่งหน้าเก่งๆ ไม่ได้จะทำงานดี ทำงานรอบคอบเสมอไป” อนลเสียหน้าอีกครั้งเพราะเลขา หน้าตาสะสวยของตัวเอง “เดี๋ยวผมจะเช็คกับคุณผึ้งอีกครั้งก็แล้วกันครับ” “เช็คให้ดีล่ะ เพราะคุณพ่อคงไม่พอใจนัก ถ้ารู้ว่าที่งานล่าช้า เกิดขึ้นเพราะอะไร” อินทัชละสายตาจากน้องชายมามองผู้หญิงข้างตัวน้องชายแทน “นายก็รีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ แล้วก็รีบกลับไปเซ็นต์เอกสารที่บริษัทให้เรียบร้อย” คนเป็นน้องชายยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมามองเวลา ก่อนจะยิ้มยั่ว “ผมยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงในการจัดการธุระของตัวเองกับเรนนี่ ดังนั้นพี่หนึ่งไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมกลับไปเซ็นต์เอกสารทันแน่นอนครับ” อินทัชระบายยิ้มน้อยๆ ให้กับน้องชาย ก่อนจะเอ่ยปากชวนให้นั่งร่วมโต๊ะ “ถ้านายไม่รีบร้อนมากนัก ก็กินข้าวเที่ยงกับพี่ก่อนก็ได้นะ” ไหล่กว้างของอนลไหวน้อย ก่อนจะตอบรับพี่ชาย “ผมก็นึกว่าพี่หนึ่งจะไม่ชวนซะแล้ว” ริมฝีปากของอนลผุดรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปเลื่อนเก้าอี้ให้กับเรนนี่ นางแบบสาวลูกครึ่งไทยสิงคโปร์ “เชิญครับเรนนี่” “ขอบคุณค่ะคุณอนล” เรนนี่หย่อนกายอรชรในชุดรัดรูปสีแดงลงนั่งบนเก้าอี้ ใบหน้าที่ผ่านการแต่งแต้มจนจัดจ้านเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลา “คุณกับพี่ชาย หน้าตาคล้ายกันมากเลยนะคะ ความหล่อกินกันไม่ลงเลยค่ะ” อนลหัวเราะร่วน ก่อนจะเอียงหน้าไปกระซิบข้างหูของเรนนี่ด้วยท่าทางสนิทสนม “เราไม่มีอะไรเหมือนกันหรอกครับ โดยเฉพาะความโสด” “อ้าว คุณอนลพูดแบบนี้ งั้นก็แสดงว่าพี่ชายของคุณไม่โสดแล้วเหรอคะ” “พี่ชายผมแต่งงานแล้วล่ะครับ ใช่ไหมครับพี่หนึ่ง” อนลหันไปถามพี่ชาย ซึ่งอินทัชก็ตอบรับแต่โดยดี “ครับ ผมแต่งงานมาได้หกเดือนแล้วครับ” “อยากเห็นหน้าผู้หญิงโชคดีคนนั้นจังเลยค่ะ” แล้วเรนนี่ก็เลื่อนสายตาไปมองสร้อยมาลา “เอ่อ... หรือว่าภรรยาของคุณหนึ่งคือ...” สร้อยมาลาเดาได้ทันทีว่าเรนนี่จะพูดอะไร หล่อนจึงรีบปฏิเสธทันที “ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นเลขาฯ ของคุณอินทัชค่ะ” พอได้ยินคำพูดของสร้อยมาลาแล้ว เรนนี่ก็เป่าปากออกมาแรงๆ “ค่อยโล่งอกหน่อยค่ะ ไม่งั้นเสียดายของแย่เลย” สร้อยมาลาหน้าสลดลงทันที เพราะเข้าใจความหมายของเรนนี่ได้ไม่ยาก อินทัชเห็นสีหน้าถอดสีของเลขาฯ ของตัวเองก็อดที่จะปกป้องไม่ได้ “มุมมองของคนเราไม่เหมือนกันหรอกครับ เพราะทุกคนจะมีมุมที่เลือกมอง อย่างผม... ผมจะเลือกมองมุมที่ลึกที่สุด เพราะจะทำให้ผมเห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของคนๆ นั้น แล้วคุณเรนนี่ล่ะครับ เลือกมองคนที่มุมไหน ใช่... มุมนอกสุดที่เรียกว่าเปลือกหรือเปล่าครับ” “เอ่อ...” เรนนี่พูดไม่ออกเอาดื้อๆ เพราะถูกอินทัชตำหนิด้วยเหตุผลที่โต้แย้งไม่ได้ อนลเข้าใจความหมายของพี่ชายได้ดี และรู้ดีว่าพี่ชายปกป้องเลขาเฉิ่มออกหน้าออกตามากแค่ไหน เขาไม่ชอบเลยที่เห็นพี่ชายกางปีกปกป้องสร้อยมาลา เพราะมันยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดในใจแปลกประหลาด “ผมว่าเราสั่งอาหารกันเถอะครับ นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว เดี๋ยวผมกับเรนนี่เรามีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันอีกเยอะด้วย” อินทัชพยักหน้าน้อยๆ และก็หันไปถามสร้อยมาลาว่าจะสั่งอะไร แต่หญิงสาวขอตัวไปห้องน้ำเสียก่อน “สร้อย... ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ” “เชิญตามสบายครับ” เมื่ออินทัชอนุญาต สร้อยมาลาก็รีบปลีกตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว อนลมองหน้าพี่ชาย และก็อดที่จะเอ่ยปากเหน็บแนมไม่ได้ “ดูท่าทางพี่หนึ่งจะห่วงใยเลขาฯ หน้าห้องของตัวเองมากเลยนะครับ” “แล้วมันผิดตรงไหน ถ้าพี่จะห่วงใยพนักงานของตัวเอง” “มันก็ไม่ผิดหรอกครับ ถ้าพี่หนึ่งปฏิบัติกับพนักงานทุกคนแบบที่พี่หนึ่งปฏิบัติกับสร้อยมาลา” อนลเอียงหน้าเข้ามาใกล้พี่ชาย “ระวังมิรินจะตามมาฉีกอกเอานะครับ” “พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อมิริน” อินทัชแย้งเรียบขรึม และก็ก้มหน้าลงมองเมนูอีกครั้ง อนลมองพี่ชายอย่างค้นคว้า เขาอยากจะรู้จริงๆ เลยว่าในหัวของอินทัชกำลังคิดอะไรอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD