บทที่ 7

1147 Words
ชายหนุ่มเก็บความอัดอั้นในใจไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจบอกความจริงเรื่องลูกๆให้มารดาฟัง แม่ของชายหนุ่มทั้งตื่นเต้นและแปลกใจเพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นลูกชายอยากจะเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนเลยสักคน แต่พอมารู้ความจริงอย่างนี้นี่ก็เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เธออยากจะพบเจอหลานๆ "แม่อยากเจอหลาน พาแม่ไปเจอหน่อยได้ไหมวิน" คนเป็นแม่เอ่ยขอร้อง "ผมไม่รู้ว่าน้องพราวเขาจะยอมให้เราเจอเด็กๆง่ายๆหรือเปล่าน่ะสิครับคุณแม่" เขาตอบกลับตามความจริง "ก็ลูกเล่นไปพูดแบบนั้นถ้าเป็นแม่แม่ก็ไม่อยากให้ลูกมายุ่งเกี่ยวด้วยหรอก" มารดาของชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงติดประชดประชันเล็กๆ เธอเข้าใจหญิงสาวดีเลย "อ้าว ไม่ได้สิครับคุณแม่ ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนคุณแม่เป็นคุณย่าครับคุณแม่ต้องเข้าข้างผมที่เป็นลูกชายสิครับถึงจะถูก" "แม่น่ะเข้าข้างลูกอยู่แล้ว แต่ลึกๆแม่ก็หวังว่าหนูพราวเขาจะยอมคืนดีแล้วกลับมาอยู่กับลูกเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์" "เรื่องนั้นเป็นเรื่องของอนาคตครับแม่ แต่ที่แน่ๆลูกต้องได้รู้ว่ามีผมเป็นพ่อ" "วางแผนจะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบนะลูก นึกถึงจิตใจของเด็กๆเป็นสำคัญ" "ครับแม่" ณ โรงพยาบาล "อ้าว สวัสดีค่ะคุณหมออัศวิน" "ผมขอคุยกับคุณหน่อยสิ" ชายหนุ่มตรงไปหาเพื่อนสนิทของหญิงสาวที่ทำงานเป็นพยาบาลอีกแผนก "หมอวินมีอะไรหรือเปล่าคะ" "ผมอยากจะคุยเรื่องของพราวน่ะ" "อ่อ เรื่องของยัยพราว ทำไมเหรอคะ" "ผมอยากรู้ว่าเพราะอะไรพราวถึงไม่อยากบอกความจริงเรื่องลูกกับผมตั้งแต่แรก" "ก็เพราะมันรักคุณหมอมากยังไงละคะ" "รักมาก? รักมากแล้วทำไมไม่บอกผมล่ะครับ" "รักมากก็แปลว่ามันรักเด็กๆมากเช่นกันไงละคะ ในเมื่อคุณหมอบอกกับพราวเองว่าไม่อยากมีลูก ยัยพราวยังจะกล้ายัดเหยียดเด็กๆให้คุณหมออีกเหรอคะจริงไหม สำหรับคุณหมอมันอาจจะเป็นความผิดพลาด แต่สำหรับพราวมันคือความรักค่ะรักมากจนไม่อยากจะให้มีอะไรมาทำให้น้องพั้นธ์น้องพีทเสียใจ ถ้าพวกแกรู้ว่าคุณไม่ได้ต้องการพวกแกตั้งแต่แรก พวกแกคงจะเสียใจมากนะคะ ฉันเองอยากแนะนำคุณหมอว่าถ้าหากไม่ได้รักไม่ได้ชอบยัยพราวก็ปล่อยพราวไปเถอะค่ะ พราวยังมีหนุ่มๆมาตามติดอีกเป็นขบวน ซึ่งพวกเขาก็รู้ทั้งรู้ว่ายัยพราวมีลูกแล้วถึงสองคนแต่ก็รับพวกแกได้" เพื่อนของหญิงสาวบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้ชายหนุ่มตรงหน้ารับรู้และไม่วายต่อเติมเสริมแต่งเรื่องราวเล็กน้อยให้พอสนุกสนาน "ปล่อยเหรอครับ ผมจะปล่อยได้ยังไงในเมื่อเด็กๆเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผม ผมจะทนเห็นคนอื่นมาทำหน้าที่พ่อของพวกแกแทนผมได้ยังไงล่ะครับ" "เรื่องนี้ฉันเองก็ตอบไม่ได้หรอกนะคะ คงได้แต่แนะนำคุณหมอกับยัยพราวให้เลือกทางเลือกที่คำนึงถึงเด็กๆมากที่สุดค่ะ" "โอครับ วันนี้ผมขอบคุณคุณมากที่สละเวลามาคุยเรื่องของพราวกับผม" "ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ" ชายหนุ่มเดินกลับมายังห้องตรวจของตน ตอนนี้เขาตรวจคนไข้เสร็จเรียบร้อยแล้วและเป็นเวลากลับบ้านพอดี ชายหนุ่มจึงแวะซื้ออะไรอร่อยๆไปฝากมารดาก่อนกลับ เขาถือข้าวของเต็มไม้เต็มมือจึงต้องเอากลับไปเก็บที่รถสักรอบก่อน จังหวะที่จะเดินเข้าไปด้านในอีกครั้งก็เป็นเหมือนโชคดีของเขาที่ได้เจอพราวและลูกๆ ชายหนุ่มไม่อยากขัดจังหวะของสามแม่ลูกจึงเดินตามไปติดๆ "คุงแม่ขา กินอะไรดีคะ" "พีทอยากกินมะพร้าวครับ" "พั้นธ์ด้วยๆ" "ได้เลยค่ะ เอาเป็นแบบที่เขาใส่ถุงแล้วนะคะ" "ค่า/ครับ" "อืมม คุณยายอยากทานส้มครับ" "พั้นธ์อยากกินแตง..แตงอะไรน้าสีแดงๆ" "แตงโมหรือเปล่าเอ่ย" "เย้ๆใช่ค่ะคุงแม่" "แล้วเด็กๆรู้หรือเปล่าว่าแตงโมมีสีอื่นด้วยนะคะนอกจากสีเหลือง" "จริงเหรอคะ" น้องพั้นธ์ถามอย่างตื่นเต้น "จริงสิคะเดี๋ยวแม่พาไปดูเลย" "เย้ๆ" ชายหนุ่มเดิมตามทั้งสามคนไปเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้านี้โตขึ้นมาก มีความเป็นผู้ใหญ่และสอนให้เด็กๆรู้จักสังเกตและทำความเข้าใจกับสิ่งของต่างๆรอบกาย เธอเป็นแม่ที่สุดยอดมากในสายตาของเขา "ว้าว ขนมถ้วย" หญิงสาวตาวาวเมื่อเจอของโปรด "หม่ำๆค่ะ น้องพั้นธ์ชอบหม่ำๆเหมือนคุณแม่" สาวน้อยพูดอย่างออดอ้อน "ค่ะ นี่ของโปรดของแม่เลย รู้ไหมคะว่าแม่ซื้อทานเป็นประจำจนโดนคุณหมอดุเลยว่าน้ำหนักขึ้น แต่ความจริงแล้วแม่แบ่งกันกินกับน้องพั้นธ์นี่หน่า น้องพั้นธ์อยู่ในท้องแม่ตรงนี้" เธอยกมือบางลูบหน้าท้องแบนราบที่ในอดีตเคยมีสองแฝดอาศัยอยู่ "คิกๆ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ใช่ไหมคะ ตอนนั้นน้องพั้นธ์ก็ต้องน้ำหนักขึ้นเหมือนคุณแม่ใช่ไหมคะ" "ใช่แล้วค่ะ" "อ้วนๆน่าร้ากกก" พี่ชายรีบอวยแม่และน้องสาว "หืม ฟอดๆ ลูกชายของแม่เข้าใจพูดจริงๆ จูงมือน้องมานะลูก เดินใกล้ๆกันคนเริ่มเยอะแล้วนะจ้ะ" "ค่ะ/ครับ" ด้วยความที่มือหนึ่งถือของอีกมือหนึ่งจับมือของลูกชาย น้องพั้นธ์เลยต้องจับมือกับพี่ชายแทน จำนวนคนมากขึ้นเรื่อยๆสุดท้ายก็เบียดเสียดจนมือของสาวน้อยหลุดออกจากพี่ชายอย่างรวดเร็ว "แม่ครับ น้องๆ" "พั้นธ์ทำไมลูก" พอหญิงสาวหันกลับไปก็พบว่าลูกสาวไม่ได้อยู่ตรงนี้เสียแล้ว "พั้นธ์ลูก พีทครับน้องไปไหนครับ" "หลุดมือครับ มือหลุดไปครับโดนคนเบียดใกล้ๆแบบนี้ครับ" เพียงเสียววินาทีจริงๆ ลูกสาวของเธอหายไปแล้วเธอจะทำยังไงดี "แง๊งง แง๊ ฮือออ ฮึกๆ" "หนูลูกหลงกับพ่อแม่สิท่า" "แง๊ๆๆ" "ผมรู้จักแกครับ หนูน้อยลองมองลุงหน่อยสิลูก" สาวน้อยค่อยๆเงยหน้ามองชายหนุ่ม "ฮึกๆ คุงยุงง" ด้วยความกลัวสาวน้อยจึงโผเข้ากอดอัศวินเอาไว้แน่น เขารู้สึกเสียใจมากที่เห็นลูกสาวต้องเสียน้ำตา นี่สินะความรู้สึกของคนเป็นพ่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD