“รีบไปกันเถอะ หนูดูแลตัวเองดีๆ นะลูก ถ้ายังไงผมขอฝากลูกด้วยนะครับ” อินทุอรขยับเข้าไปสวมกอดบิดาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินขึ้นมานั่งบนรถท่ามกลางความรู้สึกใจหาย ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับวันที่เธอ ต้องเก็บกระเป๋าไปอยู่โรงเรียนประจำครั้งนั้นเลยสักนิด
“นี่ใช่ทางไปไร่แน่เหรอ!” กระทั่งเมื่อรถแล่นออกมาจากบ้านได้สักพักหญิงสาวถึงได้เอ่ยถามขึ้นซึ่งไม่นานก็ได้รับคำตอบกลับมา
“เอ่อ…ไม่ใช่ครับ พอดีว่าผมต้องแวะไปรับนายก่อน” เมื่อได้คำตอบเธอก็ไม่คิดที่จะถามอะไรต่อ จกระทั่งเมื่อถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ร่างสูงคุ้นตาของใครบางคนก็เดินขึ้นมานั่งบนรถ พร้อมด้วยถุงเสื้อผ้ามากมาย ที่ตั้งใจจะซื้อไปฝากมารดาที่รอกันอยู่ที่บ้าน
“มองอะไรของนาย แล้วนี่จะขยับมาเบียดอะไรนักหนา!” เป็นอีกครั้งที่การกระทำของคนข้างกายทำให้อินทุอรต้องหันไปตวาดถาม เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจกวนประสาทกัน ด้วยการขยับเข้ามาใกล้ ซึ่งเธอไม่ชอบความใกล้ชิดแบบนี้เลย ให้ตายยังไงก็ไม่ชอบ!
เพราะทุกครั้งมันมักจะส่งผลตรงต่อหัวใจของเธอเสมอ ซึ่งเรื่องแบบนี้มักเกิดขึ้นแค่กับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือหมอนี่!
“คิดว่าผมอยากใกล้คุณนักรึไง ไม่เห็นเหรอว่ารถมันแคบ หรือว่าคุณจะขึ้นมานั่งบนตักผม เอาแบบนั้นไหม จะได้นั่งกันสบายๆ” เพราะรู้ว่าเถียงต่อไป ก็มีแต่จะทำให้ปวดหัวเปล่าๆ หญิงสาวจึงเลือกที่จะเงียบก่อนจะหันหน้าออกไปนอกรถ ทำราวกับว่าคนข้างกายนั้นเป็นมลพิษทางอากาศ ที่ไม่น่าข้องเวาะด้วยก็ไม่ปาน
“หนูเรย์ลูก! / น้าจิตรีขา!”
ภาพของทั้งสองคนที่โผเข้ากอดกันทันทีที่พบหน้า ตกอยู่ในสายตาของกล้าตะวันตลอดเวลา ทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้ได้ในทันทีเลยว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนนั้น ความสัมพันธ์อันดีงามของทั้งสองคนนั้นจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแม่ของเขา ที่มักจะเป็นแบบนี้กับอินทร์ทุอรเสมอ ไม่เคยเปลี่ยน
“น้าจิตรีขา พี่กล้าแกล้งหนู!”
“ผมเปล่า ยัยเด็กนี่ต่างหากที่ไปแกล้งคุณแหวนเธอก่อน” กล้าตะวันสวนกลับ สายตาจ้องมองแม่คุณหนูช่างฟ้องอย่างเอาเรื่อง นับวัน ความร้ายของหล่อนยิ่งปรากฏเด่นชัดจนเขาไม่รู้จะรับมือยังไงไหว นี่ยังไม่รวมเรื่องที่เธอชอบสรรหามาทำให้เขาต้องปวดหัวอยู่บ่อยๆ
“หนูเปล่าแกล้งนะคะ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นอุบัติเหตุ ไม่เชื่อไปถามใครก็ได้”จะให้ไปถามใครได้ ในเมื่อทุกตารางนิ้วล้วนแล้วแต่เป็นคนของเธอ แล้วแบบนั้นใครที่ไหนมันจะกล้าพูดความจริงเล่า
“คุณทำ ผมเห็นกับตาว่าเขาผลักคุณแหวนตกน้ำครับแม่!”
“ฉันบอกว่าเปล่าไง!” นั่งบ้านั่นมันทำตัวเองต่างหาก ลองถ้าไม่มากวนประสาทกันก่อน มีหรือที่เธอจะตอบกลับไปแบบนั้น
“เอาล่ะๆ น้องบอกว่าเป็นอุบัติเหตุก็เป็นอุบัติเหตุสิกล้า เราจะดุน้องให้ได้อะไรขึ้นมา แล้วเมื่อกี้อย่าคิดว่าแม่ไม่เห็นนะที่เรากระชากแขนน้อง เจ็บไหนคะ ขอน้าดูหน่อย” อินทุอรลอบยิ้มก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แม่บ้านใจดี ที่เธอสนิทมากเป็นพิเศษอย่างออดอ้อน ด้วยพอจะรู้ดีว่าการกระทำนี้จะยิ่งทำให้อีกคนโกรธ แต่ก็นั่นแหละคือสิ่งที่เธออยากเห็น
เพราะยิ่งทำให้เขาถูกแม่ดุมากเท่าไหร่ เธอยิ่งสะใจมากเท่านั้น อย่างน้อยก็อยากเอาคืนโทษฐานที่เขามักจะเห็นคนอื่นดีกว่าเธอเสมอ โดยเฉพาะคนที่เธอชังขี้หน้าอย่างนังแหวน ที่ต่อหน้าคนอื่นมันชอบเรียกร้องความสงสาร ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมันนั่นแหละที่ร้ายเสียยิ่งกว่าใคร และคงมีแต่เธอเท่านั้นที่ได้เห็น!
ส่วนคนอื่นๆ ก็คงต้องตาบอดกันต่อไป!
“เจ็บตรงนี้ค่ะ” สุดท้ายเรื่องก็จบลงเหมือนเดิมทุกที นั่นคือแม่เขาเข้าข้างยัยปีศาจในขณะที่เขากลับต้องเป็นฝ่ายผิดไปอีกครั้ง
“น้าทายาให้แล้ว วันสองวันก็หายแล้วค่ะ ไม่เจ็บแล้วนะคะ” เด็กสาวโผเข้ากอด คนที่เธอรักไม่ต่างอะไรกับแม่แท้ๆ ของตัวเอง
“ขอบคุณนะคะ หนูรักน้าจิตรีที่สุดเลยค่ะ” ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงจากใจ เธอรักคุณน้าที่แสนใจดีคนนี้มากจริงๆ
“น้าก็รักคุณหนูเรย์ค่ะ”
“ตากล้า…” เสียงเรียกของมารดาเรียกสติของเขาให้กลับเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ภาพของอินทร์ทุอรในวัยเด็กค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนมาเป็นภาพของหญิงสาวที่กำลังโตเต็มวัย จึงไม่แปลกที่รอบๆกายของเธอนั้นจะมีผู้ชายไม่น้อยที่แห่กันเข้ามาดอมดม
เว้นเสียก็แต่เขาคนนึงที่ไม่คิดจะฆ่าตัวตายทางอ้อมด้วยการตกหลุมพรางใบหน้าสวยจัดราวกับเทพปั้นของหล่อน สิ่งเดียวที่รู้สึกในตอนนี้คือความหนักใจเท่านั้นที่เขาต้องมารับหน้าที่เป็นไม้กันหมา ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากทำเลยแม้แต่นิดเดียว…
หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว เธอก็ถูกคนใจร้าย พามาทิ้งไว้ที่บ้านหลังเล็ก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก ‘บ้านใหญ่’ เท่าไหร่
คราแรกคุณน้าจิตรีต้องการให้เธออยู่กับท่านที่บ้านหลังนั้น แต่เพราะลูกชายของท่านไม่ยอม เรื่องก็เลยจบลงที่สองแม่ลูกเริ่มถกเถียงกันยกใหญ่ สุดท้ายเธอเลยต้องเป็นฝ่ายตัดปัญหาด้วยการปฏิเสธท่านกลับไป พร้อมกับให้เหตุผล ว่าเธอต้องการอยู่ที่นี่แค่ในฐานะคนงานคนหนึ่งเท่านั้น ท่านถึงได้ยอมใจอ่อนยอมฟังกัน แต่กระนั้นก็ไม่วายหันไปสั่งกล้าตะวันให้ขับรถมาส่งเธอที่บ้านหลังนี้ แทนที่จะเป็นเรือนพักคนงานที่อยู่ท้ายไร่ ท่านให้เหตุผลว่าที่นี่ใกล้บ้านใหญ่ที่สุด ซึ่งเมื่อทางเลือกมีให้แต่เพียงเท่านี้ ทั้งเธอและเขาก็เลยต้องเลยตามเลย เพราะไม่อยากขัดใจท่านไปมากกว่าที่เป็นอยู่