“พะ…พูดบ้าอะไรของนาย นี่ถอยออกไปเดี๋ยวนี้นะไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วยจริงๆ ด้วย” เกิดกลายเป็นเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ ที่ดังขึ้น เมื่อสิ้นคำขู่ที่ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิดของเธอ และนอกจากเขาจะไม่กลัวกันแล้วนั้น ยังเสริมความน่ากลัวให้กันด้วยคำพูดหลังจากนั้นอีกด้วย…
“ต่อให้คุณร้องจนคอแตก คิดเหรอว่าจะมีใครมาช่วย บ้านพักคนงานที่ใกล้ที่สุดห่างจากที่นี่เกือบหกกิโล ถ้ามีใครสักคนคิดไม่ดี อย่างน้อยที่สุด…คุณอาจแค่โดนข่มขืน!” แค่นึกภาพตามในสิ่งที่เขาพูด ขนกายก็ลุกชันขึ้น ยอมรับก็ได้ว่าบางทีเธอก็คิดน้อยไปหน่อย
“กะ…ก็ได้ ฉันยอมกลับก็ได้ พอใจนายรึยัง!”
“ไม่พอ!” ทั้งหมดนี้เขาก็เพียงแต่ต้องการจะสั่งสอนให้คนตรงหน้าได้รู้สำนึก เธอจะต้องได้รับบทเรียนจากเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย ต่อไปจะได้ใช้สมองก่อนที่จะคิดทำอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้อีก!
“ไอ้กล้าตะวัน! ฉันบอกให้นายถอยออก…ว้าย!” นอกจากจะไม่ยอมถอยตามคำสั่งแล้วนั้น กล้าตะวันยังทำในสิ่งที่ทำให้อีกคนต้องกรีดร้องขึ้นเสียงหลงด้วยการรั้งต้นแขนเรียวเข้าหาอย่างแรง
“แล้วถ้าผมไม่ถอยล่ะ คุณจะ..” ไม่ต้องให้เขาได้กวนประสาทกันอีกรอบ ฝ่ามือน้อยๆ ก็ฟาดลงบนใบหน้าคมเข้มอย่างเต็มแรงก่อนที่ริมฝีปากหนาจะทาบทับลงมาบดขยี้เรียวปากของเธออย่างแรงเพื่อเอาคืนที่เธอกล้าตบหน้าเขา
“อื้อ! ยะ…อย่า!” หญิงสาวพยายามขัดขืนเต็มกำลัง หากแต่เรี่ยวแรงของเธอนั้น มันกลับเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับคนตรงหน้าที่มีมากกว่า
“ผมบอกคุณกี่ครั้งแล้ว ว่าบทสรุปของคนที่กล้าลองดีกับผมจะต้องเจอกับอะไร!” คนใจร้ายถอนริมฝีปากออกเพื่อพ่นประโยคนี้ใส่หน้ากัน ก่อนที่เขาจะล็อกใบหน้าของเธอเอาไว้ด้วยสองมือ เพื่อบังคับให้มันแหงนรับจูบหนักๆ ของเขาอีกครั้ง และอีกครั้ง เนิ่นนานจนแข้งขาของเธออ่อนแรง แต่กระนั้นคนบ้าอำนาจก็ไม่คิดที่จะหยุด
คราแรกเขาต้องการเพียงแค่จะสั่งสอน แต่หลังจากนั้นความหอมหวานที่ได้รับ ก็ทำลายทุกความตั้งใจที่เคยมีไปจนหมด
“ยังจะอวดเก่งกับผมอยู่อีกไหม!”