บทที่ 5/1
“คุณชายท่านพอก่อนเถิด วันนี้ท่านทำกายภาพบำบัดมาสองชั่วยามแล้วนะขอรับ”
เฉินจื่อรัวเอ่ยเสียงอ่อนล้า คุณหนูสามหนอ... คุณหนูเหตุใดช่างสรรหาวิธีการมากมายมาให้คุณชายซ่งทำนัก ดูเถิดตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างคุณชายลืมตาขึ้นมาก็ฝึกยกขา จากนั่นก็ลุกขึ้นนั่งแล้ววางแขนบนหมอนไม้ประหลาดก่อนดันตัวขึ้นลง เสร็จแล้วก็ผูกผ้าที่ใส่หินไว้ด้านในเข้ากับข้อมือแล้วยกขึ้นลงอีกนับไม่ถ้วน หากนับรวมเวลาแล้วในแต่ละวันคุณชายทำเจ้ากายภาพบำบัดเหล่านี้ไม่น้อยกว่าสี่ชั่วยามต่อวันเลยทีเดียว
“คุณชาย แม่นางหูกล่าวว่าท่านไม่ควรหักโหมลืมไปแล้วหรือขอรับ”
“นี่ยามใดแล้ว”
“ใกล้ยามซื่อแล้วขอรับ” (ยามซื่อ คือเวลาประมาณ 9.00น. - 10.59น.)
“เร็วเข้าพาข้าไปอาบน้ำ”
ปกติแล้วหูหลินเอ๋อร์จะมาที่จวนของเขาเวลาประมาณต้นยามซื่อและกลับช่วงปลายยามเว่ย
(ยามเว่ย คือเวลาประมาณ13.00น.- 14.59น.) ดังนั้นเวลานี้นางคงใกล้ถึงจวนแล้ว
“แย่แล้วคุณชายข้าน้อยลืมบอกบ่าวให้ต้มน้ำ”
“เช่นนั้นวันนี้ก็อาบน้ำเย็น อย่ามัวชักช้าเร่งมาช่วยข้า”
“แต่ว่า...”
“จื่อรั่ว รีบมาประคองข้า!”
ซ่งรุ่ยหยางเอ่ยสั่งการเสียงก้อง ยามนี้หูหลินเอ๋อร์ใกล้มาถึงแล้วนางไม่ชอบร่างกายที่สกปรก หากนางมาแล้วเห็นว่าเนื้อตัวเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นนี้ย่อมยอมเข้าใกล้เขาแน่นอน
“อ่อ... เปลี่ยนผ้าปูที่นอนด้วย”
เฉินจื่อรั่วแทบจะร่ำไห้ คุณชายท่านรักสะอาดนั่นย่อมเป็นเรื่องดี แต่การที่ท่านอาบน้ำวันละสามรอบ ผลัดเปลี่ยนผ้าปูที่นอนวันละสองหน เช็ดเรือนทุกเช้าเย็นเช่นนี้ ท่านก็ควรเพิ่มบ่าวในเรือนสักคนสองคนหรือไม่ ดูเอาเถิดข้าทำคนเดียวจนร่างกายซูบผอมหมดแล้ว
..........................................................................................
“ฉีเอ๋อร์วันนี้แวะที่ร้านช่างไม้ก่อน”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อต้นเดือนหวังเหม่ยหลินสั่งทำขาถีบไว้เดิมทีนางไม่ได้รีบใช้จึงไม่ได้บอกระยะเวลาแก่ช่างไม้ เพราะคิดว่ากว่ากำลังกล้ามเนื้อขาของซ่งรุ่ยหยางจะฟื้นกลับมาอย่างน้อยก็คงสามเดือน เพียงแต่ผ่านมาสองเดือนกำลังขาของซ่งรุ่ยหยางกลับดีขึ้นจนนางตกใจ ดังนั้นนางคงต้องแจ้งเร่งงานกับช่างไม้เสียหน่อย
“นายช่างมู๋ สิ่งนี้คืออะไรหรือ”
“แม่นางหูเรียกมันว่าขาถีบขอรับ”
“ขาถีบ? ใช้ทำอะไรกัน”
อวี้ซีเหวินหยิบหยิบเจ้าอุปกรณ์รูปทรงประหลาดขึ้นมาดู พอดีกลับที่หวังเหม่ยหลินเดินเข้ามา
“แม่นางหู”
“ข้ามาดูขาถีบที่สั่งทำไว้ ไม่ทราบว่าเสร็จหรือยัง”
“อ่อ... เสร็จแล้วขอรับ คุณชายอวี้นี่คือแม่นางหู เจ้าของขาถีบนั่น”
คุณชายอวี้ อวี้ซีเหวินผู้ที่คิดค้นรถเข็นใช่หรือไม่ อวี้ซีเหวินมองแววตาสงสัยจากสตรีตรงหน้าแล้วยิ้มอ่อนโยน ฟังจากที่ช่างไม้เอ่ยรียกเมื่อครู่ คาดว่านางคงเป็นเจ้าของความคิดอุปกรณ์ประหลาดชิ้นนี้
“ต้องขออภัยด้วย”
หวังเหม่ยหลินยิ้มกว้างรับขาถีบที่อีกฝ่ายส่งมาให้
“ไม่ทราบว่าท่านคือคุณชายอวี้ ผู้ที่คิดค้นรถเข็นใช่หรือไม่”
“เป็นข้าเอง ได้ยินว่าแม่นางหูเป็นผู้สั่งทำขาถีบชิ้นนี้”
“เจ้าค่ะ”
“หากไม่เป็นการเสียมารยาทข้าขอทราบคุณสมบัติมันได้หรือไม่”
หวังเหม่ยหลินยิ้มกว้างมองอุปกรณ์ในมือตน จริงๆ แล้วเจ้าขาถีบนี่ก็คือจักรยานออกกำลังกายขนาดเล็กในยุคของนางนั่นเอง โดยนางตั้งใจทำมันขึ้นมาเพื่อให้ซ่งรุ่ยหยางโดยเฉพาะ
“ใช้ฝึกกล้ามเนื้อขา เพิ่มกำลังเจ้าค่ะ”
“ฝึกกล้ามเนื้อขา”
อวี้ซีเหวินเบิกตากว้างมองเจ้าของทรงประหลาดตรงหน้าด้วยความสงสัย หวังเหม่ยหลินฉีกยิ้มกว้างสดใสก่อนเดินไปนั่งที่เก้าอี้ริมห้อง วางขาถีบลงบนพื้นก่อนวางเท้าทั้งสองข้างลงบนคันถีบ แล้วออกแรงถีบไปด้านหน้า
อวี้ซีเหวินมองการทำงานของเจ้าขาถีบแล้วพลันตื่นตะลึง บิดาของเขาตั้งแต่ถูกคนร้ายลอบทำร้ายจนเป็นบุรุษพิการก็ไม่ยอมลงจากเตียงอีกเลย ยามนี้แค่ยกขาขึ้นก็ดูจะไร้เรี่ยวแรง หากได้เจ้าสิ่งนี้ไปช่วยฝึกกล้ามเนื้อขาเพิ่มกำลังคงดีไม่น้อย เพียงแต่สิ่งนี้ต้องใช้เท้าทั้งสองข้างคงไม่เหมาะสมกับบิดาของเขา ไม่เป็นไรเขาจะเอาไปดัดแปลง
“แม่นางขาถีบชิ้นนี้ขายให้ข้าได้หรือไม่ เจ้าอยากได้เท่าไหร่บอกราคามาได้เลย”
“ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะแต่ขาถีบชิ้นนี้เกรงว่าไม่อาจขายได้ หากคุณชายไม่รังเกียจข้าจะทิ้งแบบเอาไว้ให้ คุณชายสามารถสั่งทำได้เลยเจ้าค่ะข้าไม่คิดเงิน”
หวังเหม่ยหลินเอ่ยพร้อมกับยิ้มกว้าง อวี้ซีเหวินมองรอยยิ้มของนางแล้วเผลอพยักหน้ารับคำตามไม่รู้ตัว อีกทั้งยังยกยิ้มกว้างอย่างไม่เคย
“สายมากแล้วข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
อวี้ซีเหวินมองตามร่างเล็กเดินขึ้นรถม้าจากไปแล้วได้แต่ถอนหายใจยาว เมื่อครู่เขาถูกรอยยิ้มของนางตรึงตราจนหลงลืมถามไถ่ชื่อสกุล เช่นนี้แล้วหากเขาต้องการคำแนะนำเรื่องขาถีบนี่จะติดต่อนางได้อย่างไรกัน
“แม่นางหูเป็นสาวใช้ในจวนสกุลซ่งขอรับ”
สกุลซ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของอวี้ซีเหวินพลันกว้างขึ้น ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ไปเยี่ยมสหายนานแล้ว เช่นนั้นพรุ่งนี้เห็นทีต้องไปเยี่ยมเยียนสักหน่อย
..........................................................................................
หวังเหม่ยหลินเห็นแววตาสงสัยที่ซ่งรุ่ยหยางมองมาที่ขาถีบของนางแล้วยิ้มบาง ในยุคที่การรักษามีเพียงการฝังเข็มร่วมกับการดื่มยาสมุนไพร และการทำกายภาพบำบัดยังไม่เป็นที่รู้จัก ไม่แปลกหากเขาจะไม่รู้จักเครื่องออกกำลังกายตรงหน้านี้
“นี่คือขาถีบเจ้าค่ะ”
“เอาไว้ทำอะไร”
“ออกกำลังกายเจ้าค่ะ”
ออกกำลังกาย คือสิ่งใดกัน ซ่งรุ่ยหยางขมวดคิ้วแน่นมองสตรีที่เขาเคยเกลียดชังนั่งลงเบื้องหน้าเขาก่อนจะจับเท้าเขาสอดเข้าไปยังที่วางเท้าทั้งสองข้าง แล้วค่อยๆ ขยับขาของเขาให้งอเหยียดพร้อมกับหมุนข้อเท้า
“ทำเช่นนี้แล้วช่วยอะไร”
“เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อขา และฝึกการลงน้ำหนักที่ฝ่าเท้าเจ้าค่ะ”
“เมื่อไหร่จะฝึกเดิน”
หวังเหม่ยหลินค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบแววตาคม สายตาที่ก่อนหน้ามักจดจ้องนางด้วยความหวาดระแวงและเกลียดชัง บัดนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นและคาดหวัง ในที่สุดนางก็สามารถทลายกำแพงอันแข็งแกร่งของเขาลงได้เสียที
“ช่วงนี้ท่านฝึกใช้อุปกรณ์ตัวนี้ไปก่อนนะเจ้าคะ อ่อ... แล้วก็อย่าหักโหมนัก ในแต่ละครั้งนั่งได้ไม่เกิน...”
“นั่งไม่เกินสองเค่อ ยามนั่งต้องให้แผ่นหลังตั้งตรงชิดพนักพิง วางเท้าให้พอดี อาหารต้องกินให้ครบห้าหมู่เน้นพวกโปรตีนให้มาก อีกทั้งห้ามลืมทำกายภาพบำบัด ทั้งหมดนี้ข้าพูดถูกหรือไม่”
หวังเหม่ยหลินช้อนตามองค้อนคนที่นั่งบนเก้าอี้ก่อนจะลุกขึ้นยืน ซ่งรุ่ยหยางพลันใบหน้าซีดเซียวในใจหวาดหวั่นขึ้นมา หรือนางจะโกรธที่เขาหยอกล้อเมื่อครู่กัน หวังเหม่ยหลินเห็นแววตาวิตกของอีกฝ่ายแล้วค่อยๆ ฉีกยิ้มกว้าง
“ต้องกินอาหารให้ตรงเวลา พักผ่อนให้มาก ส่วนนี้ท่านลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ”
“ข้า...”
“ได้เวลาอาหารกลางวันของคุณชายแล้ว ฉีเอ๋อร์ไปห้องครัวกัน”
เฉินจื่อรั่วลอบมองตามสายตาของซ่งรุ่ยหยางที่ทอดตามร่างคุณหนูสามกับสาวใช้ไปจนลับตา ดูเหมือนว่าสองเดือนที่ผ่านมานี้คุณหนูสามแห่งสกุลหวังไม่เพียงทลายกำแพงอันแข็งแกร่งของคุณชายลงได้ ยามนี้หัวใจของคุณชายยังถูกนางยึดครองไปด้วย
ยามที่ซ่งรุ่ยหยางหันมาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของบ่าวคนสนิท ใบหน้าคมก็พลันร้อนผ่าว ส่งสายตาดุไปกำราบบ่าวช่างรู้ ก่อนเบนสายตากลับมาที่ขาถีบเบื้องหน้า มุมปากเผลอยกขึ้นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว สองขาขยับงอเหยียดออกแรงที่ฝ่าเท้าเช่นที่หูหลินเอ๋อร์เอ่ยบอกเมื่อครู่ รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างมากขึ้น
คุณชายหากท่านยิ้มอีกนิดคาดว่าคงถึงใบหูแล้วขอรับ
.............................................................................................................................