ตกดึกพายน์นอนกระสับกระส่ายแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกรทมานอนด้วย แต่ตอนนี้ใจของพายน์กลับอยู่ไม่เป็นสุข คนึงหาแต่คนที่นอนอยู่ตรงโซฟาไม่หยุดหย่อน พายน์ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีกอย่างว้าวุ่น ภายในใจก็ได้แต่ตั้งคำถามวนๆซ้ำ
'ทำไมนะ อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมแต่เหมือนไกลกันสุดๆ ทุกครั้งที่เขาเข้ามาใกล้ แต่พอเราเอื้อมมือไปไขว่คว้าเขาก็เลือนหายไปทุกๆครั้ง เกรทไม่ใช่ผู้ชายทั่วๆไป และเพราะเกรทเป็นแบบนี้ไงล่ะ เราถึงได้หวั่นไหวและเผลอใจ รู้ตัวอีกทีก็อยู่ตกอยู่ในหลุมรักซะแล้ว'
นอนไม่หลับๆ มันกลัดกลุ้มร้อนรุ่มไปหมด!
พายน์ตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อหาน้ำดื่มดับจิตใจของตัวเองให้เย็นลง แอบเมียงมองไปตรงโซฟาเห็นเกรทที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟาไม่ใช่เพราะความหนาวแต่เพราะว่าขาของเขายาวเกินพื้นที่ต่างหาก
พายน์เดินเบาๆเข้าไปหาเพราะเห็นว่าผ้าห่มหลุดรุ่ยลงมากองอยู่บนพื้น มือเรียวค่อยๆก้มลงหยิบผ้าห่มขึ้นมาและค่อยๆบรรจงห่มผ้าให้เกรทอย่างช้าๆและแผ่วเบาที่สุด ยังไม่ทันที่พายน์จะเอี้ยวตัวกลับ
"ทำไมไม่หลับไม่นอน?"
"อ้าว! นาย ยังไม่หลับเหรอ?"
เกรทลืมตาขึ้นร่างสูงของเขาดีดตัวลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทางขรึมจัด คิ้วหนานั้นแทบจะขมวดอยู่ตลอดเวลา แต่เสน่ห์ดึงดูดใจไม่ได้ลดลงไปสักนิด
"ทีหลังอย่าทำแบบนี้ ทำหน้าที่แม่ของลูกก็พอ"
พายน์ถึงกับสะอึกที่ถูกตำหนิ ความหวังดีของเธอกลายเป็นความผิดไปเฉยๆ
"ขอโทษ"ตอบสั้นๆแต่ข้างในกำลังสั่น
"ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ มันไม่ใช่ละครนะพายน์ที่นางเอกเผลอท้องกับพระเอกแล้วสุดท้ายก็รักกัน แต่..นี่คือชีวิตจริง ถ้าเธอกำลังคิดอะไรที่มันเกินเลยไปมากกว่าพ่อแม่ของลูก ด้วยความหวังดีจากฉัน อยากให้เธอรีบตัดอารมณ์ส่วนนั้นทิ้งไป"
เกรทต้องฝืนพูดออกมาแม้ว่ามันจะทำร้ายจิตใจพายน์ก็ตาม เขาไม่เหมาะสมที่จะเป็นคนรักของใคร เป็นเพื่อนกันมันดีที่สุดแล้ว และพายน์ก็คือผู้หญิงคนเดียวและคนแรกที่เขาจะยอมให้อยู่ในเซฟโซนของเขา แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว
"งั้นต่อไป ระหว่างเราในตอนที่ไม่มีลูกอยู่ด้วย ก็รบกวนเป็นแค่คนที่ไม่รู้จักกันเถอะ นายอยากให้ฉันเล่นบทพ่อแม่ลูกต่อหน้าลูก ฉันก็จะทำให้ดีที่สุด"
พายน์กลั้นหายใจพูด ยังไม่ทันที่ได้สานต่อความรู้สึกก็ถูกเกรทสกัดดาวรุ่งตั้งแต่เนิ่นๆ พายน์พยายามคิดให้มันตลกแค่ไหนภายในใจของเธอก็ไม่ได้รู้สึกตลกแม้แต่นิด เกรทพูดให้เธอตัดใจทำไมพายน์จะไม่รู้ และที่ผ่านมาที่เกรทพยายามทำดีด้วยก็เพราะว่าโรคซึมเศร้าของพายน์ ทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อลูกทั้งนั้น ก็ดี..อย่างน้อยเขาก็ยังมีความเป็นพ่อ
เมื่อพายน์หันหลังกลับเข้าห้องไปแล้ว ดวงตาคมดั่งเหยี่ยวยังคงเบิกโพลงอยู่ท่ามกลางความมืด แขนแข็งแรงถูกยกขึ้นมาก่ายหน้าผาก จนแล้วจนรอดเกรทก็ไม่กล้าพูดเรื่องที่ตั้งใจจะมาพูดในวันนี้ คงต้องทิ้งเวลาไปสักระยะอย่างน้อยให้พายน์อายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ก่อน คงจะเหมาะสมมากกว่านี้
"ขอโทษด้วยเราอย่าไปไกลกันมากกว่านี้เลย..พายน์"
วันเวลาค่อยๆเลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ และพายน์ก็ทำอย่างที่พูดจริงๆ เธอจะยิ้มสดใสก็เวลาอยู่ต่อหน้าลูกเท่านั้น ถ้าเผลอพบกันที่อื่นพายน์แทบจะไม่ทักเกรททำอย่างกับว่าเป็นคนที่ไม่รู้เคยจักกัน เลี่ยงได้เธอก็จะเลี่ยงและหลบหน้าเขาตลอด จนเกรทอดรู้สึกไม่ได้ว่าพายน์กำลังทำสงครามเย็นกับเขาอยู่หรือเปล่า
เช้า เย็น ค่ำ วันแล้ววันเล่า พายน์รู้ตัวอีกทีวันเวลาก็ผ่านไปแล้วเป็นเวลาถึงสามเดือน
ตอนนี้พายน์กลายมาเป็นนิสิตนักศึกษาน้องปีหนึ่งของคณะเภสัชศาสตร์สาขาบริบาลทางเภสัชกรรมและเภสัชอย่างเต็มตัว ผ่านกิจกรรมต่างๆในมหาวิทยาลัยจนตอนนี้เข้าเดือนที่สองแล้วกับชีวิตนิสิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย
"นั่งด้วยคนสิ"
เสียงจากหญิงสาวหน้าตาดีวัยสิบแปดสูงประมานร้อยหกสิบเซนติเมตรผมยาวตรง ผิวขาวผุดผ่อง ใบหน้ากลมๆเล็กๆของเจ้าหล่อนนั้นเวลายิ้มเห็นลักยิ้มบุ๋มมองแล้วพายน์อยากจะยิ้มตามไปด้วย ขนาดพายน์เป็นผู้หญิงยังโดนตกหล่อนคงจะฮอตไม่ใช่น้อย
"อ้อ เชิญ"
"หวัดดี เราใบบัว"ใบบัวแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มแก้มบุ๋มน่ารักของเธอ
"รู้จักแล้ว ก็เธอนั่งเรียนใกล้เราตลอด"
พายน์ยิ้มให้ใบบัวขณะที่ใบบัววางจานข้าวและนั่งลงตรงข้ามกับเธอ
"เราชื่อพายน์"
พายน์แนะนำตัวตามมารยาท ด้วยความที่พายน์เข้ามาเรียนครั้งนี้เธอไม่อยากผูกสัมพันธ์กับใครเยอะ จึงยังไม่มีเพื่อนคบเลยสักคน ใบบัวเป็นคนแรกที่เข้ามาคุยกับเธอ ซึ่งจากที่พายน์สังเกตุใบบัวเองก็ยังไม่มีเพื่อนสักคนเหมือนกัน
"เธออยู่หอในหรือหอนอก?"
"อยู่ข้างนอกต้องเลี้ยงลูกน่ะ"
พายน์ตอบสั้นๆสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมถึงได้กลายเป็นคนเย็นชาไม่มีมนุษยสัมพันธ์ไปแล้ว
"เธอมีลูกแล้วเหรอ?"
"อืม"
ใบบัวยิ้มแห้งๆ เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ยอมรับกันง่ายๆแบบนี้
"มันแปลกเหรอ?"
"ปละ เปล่า เราเห็นว่าเธอไม่เหมือนคนมีลูกเลย เธอสวยโดดเด่นที่สุดในคณะเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะแต่งงานแล้ว"
"ไม่ได้แต่งหรอกพลาดท้องน่ะ"
พายน์พูดออกมาตรงๆ อยากรู้เหมือนกันเธอเป็นแบบนี้แล้วจะมีเพื่อนคนไหนมาคบเธอมั้ย ซึ่งพายน์ก็ไม่แคร์ว่าใครจะมาคบหรือไม่คบเธอ เธอแคร์แค่ลูกคนเดียวเท่านั้น
"เธอเป็นคนตรงๆดีนะ เรามาเป็นเพื่อนกันได้มั้ย เราชอบเธอว่ะ"
ใบบัวยื่นมือมาจับกับพายน์ แต่พายน์กลับเลิกคิ้วถามใบบัวกลับด้วยความสงสัยความหมายประโยคสุดท้าย
"อ๋อ! ชอบแบบเพื่อนน่ะ เราไม่ได้เป็นทอมหรือเป็นเลสหรอกเธอวางใจได้"
"ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เป็นเลส เป็นทอมก็คบได้"
พายน์เริ่มยิ้มให้ใบบัวอย่างผ่อนคลายมากกว่าเดิมก่อนจะยื่นมือไปจับยอมรับสถานะเพื่อน เมื่อเห็นว่าใบบัวไม่ได้รังเกียจเธอ เพราะบางคนคบกันก็แคร์ไปหมด แคร์ยันอดีต แคร์ยันความผิดพลาดของคนอื่น อย่างกับว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรผิดพลาด
"ว่างๆพาเราไปหาหลานบ้างสิ ชื่ออะไรนะลูกของพายน์น่ะ"
"ชื่อนาเดีย"
"ชื่อน่ารักจัง คิดไปคิดมาอิจฉาเหมือนกันนะเนี่ย เราก็อยากมีลูกแต่ยังหาแฟนไม่ได้เลย"
ใบบัวพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ฉายไปด้วยรอยยิ้มสดใสตามวัยอย่างสาวน้อยที่กำลังคิดบวกและมองโลกกว้างใบนี้สวยงามไปหมด
แตกต่างจากพายน์ที่คิดว่าโลกใบนี้ช่างใจร้ายกับเธอเหลือเกิน
"มีเมื่อพร้อมดีที่สุดแล้ว ยิ่งผู้ชายในโลกนี้หาดียากเหลือเกิน ถ้าไปเจอคนไม่ดีเข้าชีวิตจบเห่เลยนะ"
"ทำไมอ่ะ พ่อ...เอ่อ พ่อของลูกไม่ดีเหรอ?"
พายน์ยิ้มมุมปากก้มหน้าลงมองจานข้าวเมื่อเจอคำถามนี้
"ดี..ดีจนรู้สึกว่าเราแย่ไปเลย อิอิ"
พายน์กลั้วหัวเราะออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องขำขัน
"อยากเห็นแล้วสิเขาเรียนที่นี่มั้ย หรือว่าไม่ได้อยู่ที่นี่"
"เขาตายไปแล้ว"
"ห้ะ!"
ใบบัวถึงกับชะงักเมื่อได้ยินพายน์บอกว่าพ่อของลูกตายไปแล้ว
"ตายไปจากใจน่ะ"พายน์ตอบให้กระจ่างพรางยิ้มกรุ่มกริ่ม
"พายน์อ่ะ อย่าล้อเล่นแบบนี้อีกนะ เราตกใจหมดนึกว่าหลานเราจะกำพร้าพ่อซะแล้ว"
"ซอรี่ๆจ้า"
ทั้งนั่งคู่คุยกันไปหัวเราะกันไปอย่างถูกคอ โดยไม่รู้ว่าเก้าอี้ข้างหลัง มีกลุ่มนักศึกษาแพทย์กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่สอง-สามคน
เกรทเกือบจะสำลักข้าวที่กำลังกลืนลงคอ หลังจากที่ได้ยินคนบางคนเอาเขาไปพูดเล่นหัวร่อต่อกระซิกคิกคักกับเรื่องเป็นเรื่องตายของเขา
'สามเดือนก่อนเป็นโรคซึมเศร้ายังนั่งน้ำตาซึมกลัวฉันตายบ้างล่ะ กลัวต้องเลี้ยงลูกคนเดียวบ้างล่ะ ตอนนี้พูดเล่นได้สบายใจเฉิบ ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ยัยผู้หญิงปลิ้นปล้อน!'