CASINO Xlll
ฉันมองป้ายทางเข้าด้วยความโกรธเกรี้ยวเพราะหลังจากให้คุณศรีติดต่อทางเฮียซันเพื่อขอพบและเขาตอบกลับเธอก็ไปตามนัดของเขาคือเตกีลาผับแต่เมื่อไปถึงฉันถึงรู้ว่าวันนี้เขาไม่เข้าผับและตัวเองโดนเขาต้มจนเปื่อย
“ร้ายนักนะ”
ถึงว่ายอมให้เข้าพบง่ายที่แท้ก็ตั้งใจแกล้งนี่เอง ฉันได้จดบัญชีแค้นไว้ในใจมีโอกาสต้องเอาคืนเขาให้ได้ ก่อนจะลงจากรถและเดินตรงเข้าไปในกาสิโนหรูหรา
“ขอบัตรด้วยครับ”
บอดี้การ์ดหน้าตาดุดันเอ่ยเสียงเข้มและแบมือมาตรงหน้า ฉันจึงรีบล้วงบัตรให้เขาพลางคิดในใจว่าพนักงงานรักษาความปลอดภัยของเขาดูเหมือนพวกมือปืนรับจ้างมากกว่าบอดี้การ์ดดูแลผับหรือกาสิโนอีก
“เชิญครับ”
“ลืมเลย ฉันมาขอพบเฮียซันช่วยพาขึ้นไปหน่อยได้ไหม”
เมื่อบอดี้การ์ดยื่นบัตรคืนให้ฉัน เลยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือโดยไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไร แต่ทุกคนทั่วทั้งบริเวณต่างหันมามองที่ฉันเป็นตาเดียวจนรู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
“หมายถึงคุณเป็นแขกของคุณซันอย่างนั้นเหรอครับ” บอดี้การ์ดอีกคนเอ่ยปากถามอย่างไม่แน่ใจ
“ใช่ค่ะ เป็นแขกคนสำคัญและมีธุระด่วน”
เมื่อลอบสังเกตปฏิกิริยาของบรรดาผู้คนแล้วก็ประมวลได้ว่าบางทีไอ้คนร้ายกาจที่นั่งบนหอคอยสูงนั้นอาจจะไม่เคยมีแขกผู้หญิงแบบนี้มาหาก็ได้
ฉันยกยิ้มก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออกมาได้
“ไม่เชื่อลองโทรถามก็ได้นะ แต่เฮียซันอาจจะรู้ก่อนที่ฉันจะได้เอาของไปเซอร์ไพรส์เขาก็ได้”
ไม่ว่าเปล่าฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะทำท่าเหมือนควานหาอะไรบางอย่าง ทำให้บรรดาบอดี้การ์ดร่างยักษ์หน้าร้านหน้าซีดเผือดและรีบกุลีกุจอนำทางฉันขึ้นไปยังชั้นที่เขาอยู่ทันที
“เชิญครับ ทางนี้เลยครับ”
ดัสตินหัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มรีบพาสาวสวยที่มีฐานะไม่ธรรมดาไปยังชั้นบนของกาสิโนทันทีเพราะกลัวสาวเจ้าจะไม่พอใจและเอาไปฟ้องคุณซัน
“พี่ดัสตินกำลังจะขึ้นไปหานายเหรอ เอ๊ะ! ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครน่ะ”
เสียงหวานใสของพนักงานสาวสวยเอ่ยกับหัวหน้าบอดี้การ์ดเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะขึ้นไปยังชั้นของผู้บริหารก่อนจะสังเกตเห็นว่าหัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มไม่ได้ขึ้นไปคนเดียว ยังมีสาวสวยอีกคนขึ้นไปด้วย
“ใช่ รีบน่ะขอตัวก่อน”
ดัสตินรีบเอ่ยตัดบทสนทนาเพราะเขาขี้เกียจตอบคำถามพนักงานสาวคนนี้ เพราะดูเหมือนเธอจะอยากเป็นคางคกขึ้นวอไม่ว่าใครจะขึ้นไปข้างบนนินก็จะซักไซ้ถึงแต่เจ้านายอยู่ตลอด
ทำตัวเหมือนกลัวคนไม่รู้ว่าคิดอะไร
นั่นคือสิ่งที่เขาคิดรวมถึงคนอื่นในกาสิโนด้วยทั้งที่เจ้านายอย่างซันออกจะโหดเหี้ยม เย็นชาและใจดำเขาไม่มีทางมาแลพนักงานในกาสิโนตัวเองหรอก
“เดี๋ยวก่อน พี่ยังไม่ตอบฉันเลยว่านั่นใคร!”
เสียงน่ารำคาญของพนักงานสาวทำให้จันทร์เจ้าที่ยืนหลับตากอดอกอยู่ในลิฟต์ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะมองตรงไปที่นินด้วยแววตาเรียบนิ่งแต่แผ่กลิ่นอายออกมากดข่มนินว่าอย่าได้คิดมาล้ำเส้น
“พอเถอะ ถอยออกไป”
ดัสตินเริ่มไม่สบอารมณ์เมื่อนินทำตัววุ่นวายด้วยการขวางทางประตูลิฟต์ไว้ เจ้าหล่อนใช้มือดันไว้ก่อนจะหลบสายตาจันทร์เจ้าและหันมาเอาคำตอบกับหัวหน้าบอดี้การ์ดแทน
“ไม่! จนกว่าพี่จะตอบมาว่านี่ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
จันทร์เจ้าหรี่ตาลงมองท่าทางเหมือนจงอางหวงไข่ของนินก็ยกยิ้มพลางคิดในใจว่าผู้ชายเย็นชาคนนั้นก็เสน่ห์แรงไม่เบา
“ถอยออกไป”
ดัสตินเริ่มขึ้นเสียงเพราะไม่อยากทำร้ายผู้หญิงและที่ไม่เสียงดังคือมีแขกคนสำคัญของเจ้านายอยู่ด้วย แต่นั่นยิ่งทำให้นินได้ใจมากยิ่งขึ้นพนักงานสาวผู้อยากปีนป่ายขึ้นเป็นหงส์เชิดหน้าและตวัดสายตาใส่จันทร์เจ้าทันที เพราะคิดว่าที่ดัสตินไม่ยอมตอบคงเพราะไม่สำคัญอะไร
“นายถอยออกไป”
“เอ่อ”
ร่างบางที่ยืนกอดอกอยู่ในลิฟต์เอ่ยสั่งเสียงเรียบพลางมองหน้าพนักงานสาวอย่างนินไม่วางตาแน่นอนว่าดัสตินกระอักกระอ่วนใจเพราะกลัวจะเกิดอันตรายกับจันทร์เจ้า แต่เมื่อเจอสายตาเรียบนิ่งแต่ดุดันเขาก็หลบทางให้แขกคนสำคัญของเจ้านาย
“อยากรู้มากใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร”
ร่างบางเอ่ยเสียงเย็น แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ไม่อาจลดทอนความสวยของเธอได้เลย นั่นยิ่งทำให้นินกัดฟันแน่นเพราะมั่นใจว่าตัวเองสวยที่สุดในกาสิโนแหงนี้ แม้แต่นางโชว์ยังสู้นินไม่ได้ แต่เมื่อเจอจันทร์เจ้าแล้วพนักงงานสาวจึงรู้สึกไม่ยินยอม
“ใคร มีฐานะอะไร?”
ดัสตินถลึงตาใส่นินทันทีไม่รู้เจ้าตัวเองความกล้านี้มาจากไหนถึงกล้าเอ่ยกับแขกแบบนี้
“เป็นเมีย”
“หา!” นินเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู
จันทร์เจ้ายกยิ้มที่หวานราวอาบน้ำผึ้งก่อนจะหุบยิ้มลงจนเหลือเพียงความเย็นชา เธอยกเท้าขึ้นและถีบไปที่ท้องของนินด้วยความรวดเร็วจนไม่มีใครทันได้ตั้งตัว จนได้ยินเสียงดังตุบพร้อมร่างพนักงานสาวนั่งแมะอยู่กับพื้นด้วยใบหน้าเหยเก
“ฉันเป็นเมียเขา จำใส่สมองเธอไว้ด้วยอย่าได้ริอาจมาทำตัวเสียมารยาทแบบนี้อีก”
จันทร์เจ้าเหยียดยิ้มใส่นินที่นั่งกุมท้องด้วยแววตาแค้นเคือง ก่อนจะยื่นมือไปกดปิดลิฟต์เพราะเหนื่อยที่จะเสวนากับคนแบบนินอีก มันดูไร้สาระเหมือนเธอกำลังตีกับเด็กอนุบาล
“คุณสุดยอดมากเลยครับ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะเธอล้ำเส้นก่อนจันทร์ถึงต้องออกโรง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เซอร์ไพรส์เฮียซันช้าแน่ ๆ”
หลังจากเห็นว่าบอดี้การ์ดตรงหน้าดูแลเธออย่างดีเลยเอ่ยแทนตัวเองว่าจันทร์ เพื่อเพิ่มความสนิทสนมก่อนจะเอ่ยถึงเขาอีกรอบพร้อมหน้าเศร้า
“ผมเชื่อว่านายต้องเข้าใจ”
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ”
บอดี้การ์ดร่างยักษ์มาส่งเธอหน้าห้องหนึ่งที่คาดว่าอาจจะเป็นห้องทำงานของเขา ก่อนจะล่าถอยไปซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการ ไม่ต้องรอให้คนข้างในอนุญาตมือบางก็จัดการเปิดประตูเข้าไปเองเลยแม้จะแอบแปลกใจว่าทำไมห้องไม่ได้ล็อก
เธอผลักประตูเข้ามาก่อนจะค่อย ๆ ปิดลงนัยน์ตาคู่สวยมีเสน่ห์กวาดตามองภายในห้องที่ตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรปแบบคลาสสิค แสงไฟสลัวให้บรรยากาศดูน่าหวาดกลัวและวังเวง
“หึ ร้ายไม่เบานะเธอน่ะ”
“อุ๊ย”
เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นจากห้องฝั่งขวาก่อนจะปรากฏร่างสูงในชุดสีดำตลอดทั้งร่าง ใบหน้าหล่อเหลาไร้รอยยิ้มมีเพียงแววตาวาววับราวสัตว์ป่า เธออยากจะบอกเขามากว่าคนที่ร้ายน่ะมันเขาต่างหาก!
“เฮียหลอกจันทร์ไปเตกีลา”
“ไม่ใช่เธอโง่เชื่อเองเหรอ”
ร่างบางได้แต่กัดฟันเมื่อเขาเอ่ยออกมาราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ทั้งที่เธอเคร่งเครียดแทบตายแต่เขากลับทำให้เธอเป็นตัวตลกด้วยการวิ่งวุ่นไปมา
“แล้วมีอะไร ถึงหอบสังขารมาที่นี่”
“ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วเหรอคะ?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ไม่ใช่ผัวเธอที่จะต้องรู้ถึงอย่าง”
เขาแค่นเสียงหัวเราะก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานยกขาไขว่ห้างอย่างสบายอกสบายใจ
“จันทร์อยากขอให้เฮียช่วย เรื่องโปรเจกต์”
“ช่วย? เธอสมองกลับเหรอถึงมาขอให้คนที่เกลียดเธอสุดหัวใจช่วยน่ะ”
“ถึงแม้จะขอร้องให้ช่วยแต่เฮียก็ได้ประโยชน์ไม่ใช่เหรอคะ จันทร์สัญญาว่าถ้าเฮียยอมช่วยเรื่องนี้กำไรมหาศาลแน่นอนค่ะ เรื่องธุรกิจแม้จันทร์จะใหม่แต่ก็ช่วยได้มากนะคะ” เธอพยายามโน้มน้าวเขาด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจและไม่เอ่ยถึงเบื้องหลังว่าบริษัทกำลังจะถังแตก
“อ๋อเหรอ แต่ฉันไม่ต้องการ คนเก่ง ๆ ที่พร้อมร่วมงานมีเยอะแยะทำไมต้องช่วยเธอด้วย”
ร่างสูงเอ่ยเสียงเย็นก่อนจะยกยิ้มให้กับร่างบางที่มีสีหน้านิ่งเรียบลงเมื่อเขาดูจะไม่สนใจคำขอร้องของเธอเลย
“แล้วจันทร์ต้องทำยังไง!”
“ไม่ต้องทำอะไร แค่ไสหัวไป”
“เฮียซันหยุดเล่นลิ้นสักที! ที่ให้พบก็ไม่ใช่ว่าต้องการแก้แค้นจันทร์เหรอเพราะรู้ว่ายังไงจันทร์ก็ต้องมาขอความช่วยเหลือน่ะ แล้วจะมาเล่นตัวทำไมอยากให้ทำอะไรบอกมาสิ”
เพราะเขาเอาแต่พล่ามมันทำให้เธอรำคาญและระเบิดอารมณ์ออกมา วันนี้เตรียมใจมาโดนเขาเชือดแล้ว เพียงแค่เขายอมช่วยเหลือหลังจากนั้นจะเอาคืนเขาก็ยังไม่สาย
“หึ กล้าดี”
“ค่ะ จันทร์ก็กล้าแบบนี้แหละ”
ร่างสูงเท้าคางกับโต๊ะพลางมองมาที่ร่างบางไม่วางตา สำรวจเธอขึ้นลงด้วยแววตาเรียบเฉยไร้ระลอกคลื่นความรู้สึก
“ไหนบอกประโยชน์ของเธอมาสิ”
น้ำเสียงดุดันเอ่ยขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้เธอเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่เมื่อเห็นเธอยังนิ่งเลยเอ่ยต่ออย่างไม่สบอารมณ์เหมือนคนวัยทอง
“ถ้าไม่มีประโยชน์ ก็ไสหัวไป!”
พูดจบก็ลุกขึ้นยืนสบประสานสายตากับเธอที่เบิกตากว้างเพราะตอนแรกเธอเอ่ยถึงความสามารถเขาก็ปรามาสด้วยการยกคนอื่นมากด
“ไม่ใช่นะคะต้องถามก่อนว่าประโยชน์แบบไหน”
แม้จะเอือมระอากับความประสาทของเขาแต่เธอก็ได้แต่กัดฟันถลาเข้ามาใกล้เพื่อปฏิเสธ
“ที่จริง ก็พอมีนะแต่กลัวว่าเธอจะทำไม่ได้”
เมื่อเห็นโอกาสคนฉลาดอย่างจันทร์เจ้าก็ต้องรีบคว้าไว้ เธอขยับเข้าไปใกล้มองเขาด้วยแววตาเป็นประกายไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำแต่ดีใจจริงแม้คนตรงหน้าจะเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกที่อาจจะเล่นงานเธอวันนี้ก็ตาม
“ขอเตือนไว้ก่อน ว่างานไม่ง่าย”
“บอกมาเถอะค่ะ จันทร์พร้อม”
เธอพูดด้วยรอยยิ้มหวังเพียงแค่คำตอบตกลงจากเขา ไม่ว่าอะไรคนอย่างจันทร์เจ้าล้วนทำได้ทั้งนั้น
“เต้นรำ”
“อะไรนะคะ?”
“ที่ชั้นล่างกาสิโนมีโชว์เต้นรำอยู่ ถ้าคิดว่าตัวเองมีประโยชน์ก็จงทำหน้าที่นี้”
ร่างสูงยกยิ้มเหมือนปีศาจร้ายนัยน์ตาคมทอแววสาสมใจเมื่อเห็นใบหน้าสวยแข็งค้างไปแล้ว เมื่อได้ยินคำตอบของเขาเธอมองอย่างไม่อยากจะเชื่อหูเลยถามย้ำอีกครั้ง และคำตอบที่ได้ก็ทำเธอล้มทั้งยืน
“เต้นรำอะไรนะคะ”
“งานที่เธอต้องทำคือเต้นรำเปลือยอก!”