“น้องรักไม่รู้อะไรซะแล้ว คุณท่านน่ะตื่นก่อนไก่เลยนะจ๊ะ”
“ถ้าไม่ป่วยน้องรักก็เชื่ออยู่ค่ะ”
“ต่อให้ป่วย คุณท่านก็ตื่นเช้าเหมือนเดิม เห็นเงียบๆ ซุ่มๆ แต่คุณท่านรอบรู้นะจ๊ะ โดยเฉพาะเรื่องทำกำไรเข้ากระเป๋าจากของสะสมท่าน น้องรักต้องหัดเรียนรู้ไว้บ้างนะจ๊ะ เผื่อได้ใช้งานในวันข้างหน้า”
“เจ้าค่ะคุณหญิงแม่ ขับรถดีๆ นะคะ สวัสดีค่ะ”
รักศิกาญจน์กระพุ่มมือไหว้ด้วยกิริยาเรียบร้อย ตามที่เคยถูกสอนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย แล้วหันไปมองประตูคฤหาสน์หรูหราราคาหลายร้อยล้าน
“ยังกับในหนัง”
คิดในใจเมื่อเห็นเด็กรับใช้ในชุดกระโปรงยาวถึงตาตุ่มแล้วก็บาน เสื้อแขนยาวสีดำ ตรงคอปกสีขาว มีผ้ากันเปื้อนแบบเต็มตัวสีขาวสวมทับด้วยไว้อีกชั้น พร้อมหมวกสีเดียวกันคลุมผมไว้เดินมาจากตัวบ้าน
“สวัสดีค่ะน้องรัก”
“สวัสดีค่ะ”
รักศิกาญจน์รับไหว้สาวใช้ คะเนอายุแล้วไม่น่าจะน้อยกว่าสามสิบ หรืออาจจะมากกว่า แต่กิริยามารยาทนั้นเรียบร้อย และนอบน้อมมาก
“คุณท่านให้ขึ้นไปรับประทานมื้อเช้าด้วยเลยค่ะ”
“คุณท่านตื่นแล้วเหรอคะพี่...เอ่อ ขอโทษนะคะ น้องรักจำไม่ได้ค่ะ พี่ชื่ออะไรนะคะ”
“พี่ไก่ค่ะ”
“อ๋อๆ ใช่แล้วค่ะพี่ไก่ น้องรักลืมได้ยังไงคะเนี่ย”
“ก็น้องรักไม่ได้มานานแล้วนี่คะ”
“ใช่ค่ะ แล้วคุณท่านตื่นก่อนไก่จริงๆ ใช่มั้ยคะ”
ก็เมื่อวานเห็นว่าไม่สบาย เลยเข้าใจว่าจะตื่นสายด้วยซ้ำ
“ใช่ค่ะ คุณท่านตื่นแต่เช้าทุกวัน”
รองเท้าส้นสูงถูกเก็บเข้าตู้ ที่ออกแบบมาให้กลมกลืนกับผนังนอกบ้านใกล้ๆ ประตู ถ้าไม่สังเกตดีๆ ไม่มีทางรู้ว่ามีอะไรซุกซ่อนไว้ในนั้นแน่ๆ
“นี่รองเท้าของน้องรักค่ะ”
รักศิกาญจน์มองช่องเก็บรองเท้าสำหรับไว้ใส่ในบ้าน มีชื่อตัวเองติดไว้ด้วยความอึ้งนิดๆ ก็เมื่อวานเพิ่งจะเปลี่ยนใจรับทำงานกับคุณท่านแท้ๆ เรียกว่าแม่บ้านทำงานเร็วมาก
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวน้องรักหยิบเองก็ได้ค่ะ”
ไก่กำลังจะเอารองเท้ามาให้ แต่รักศิกาญจน์ก็รีบไปคว้าไว้ก่อน เพราะตอนนี้ตัวเองไม่ใช่แขกแล้ว แต่เป็นหนึ่งในคนงานในบ้าน คงไม่เหมาะ หากจะให้คนอื่นคอยมาปรนิบัติ
แล้วไปขึ้นลิฟต์แทนบันได เพราะอยากเก็บพลังไว้สู้กับงาน ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหนบ้าง
“มารับทานข้าวกับคุณท่านก่อน จะได้คุยกันไปด้วย ยังไม่ได้รับทานอะไรมาใช่มั้ยจ๊ะ”
ทันทีที่เลขาส่วนตัวเข้ามาในห้องนอนได้ อาภัสสราก็ส่งเสียงเนิบนาบ มือเกาะแขนบัวบานเดินนำไปยังระเบียงด้านนอกห้อง มีสระว่ายน้ำขนาบไปกับผนังห้อง
“ยังค่ะ”
“จะไปทำอะไรก็ไปเถอะบัว เดี๋ยวฉันจะคุยกับน้องรักตามลำพัง”
เสียงเนิบนาบส่งออกมา
“ค่ะ”
ยังผลให้คนถูกบอกวางมือจากการเปิดสำรับให้เจ้านาย แล้วออกจากห้องไปแบบเงียบกริบ ไม่มีแม้เสียงประตูห้องปิด
“เชิญจ้ะ”
มือที่มีเครื่องประดับเลอค่าสวมไว้ ผายให้คนยังคงยืนห่างโต๊ะสองสามก้าว
“ค่ะ”
ถึงจะคุยภาษาขุนรามและก๋ากั่นบ้างเวลาอยู่กับเพื่อนๆ แต่รักศิกาญจน์รู้ดีว่าจะต้องทำตัวยังไง เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณท่าน ก็ถูกสอนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยแล้ว เรียกว่าสลับโหมดได้ฉับไวเหมือนฝังอยู่ในสายเลือดทีเดียว
“อาหารของสาวๆ ก็จะหลายอย่างกว่าคนแก่อย่างคุณท่านหน่อยนะ”
มือบางเพิ่งเปิดฝาสำรับ หลังจากรอให้คุณท่านเปิดก่อน นี่ก็เพราะถูกอบรมมารยาทมา ทั้งจากแม่และจากคุณท่าน จึงปฏิบัติตามได้แบบไม่ฝืนตัวเองนัก
“คุณท่านยังไม่แก่สักหน่อยค่ะ ผิวยังใส หุ่นยังผอมเพรียว หน้าก็สวยเด้งอยู่เลยค่ะ”
รักศิกาญจน์จะไม่ชมมากไปกว่านี้ เพราะเห็นว่ากำลังพอดี ตาก็มองถ้วยเบญจรงค์มีข้าวกล้อง ต้มให้เละกว่าข้าวสวย กุ้งปรุงสุกตัวใหญ่นอนทับด้านบนถึงสามตัว มองไปหาคุณท่าน ก็เห็นกำลังเปิดกระติกเก็บความร้อนเทใส่ชาม เลยทำตาม เครื่องปรุงอยู่ในถ้วยเล็กๆ เข้าชุดกัน
ตักน้ำซุปชิมแล้วเห็นว่าจืดไปนิด มองหาซีอิ๊วหรือเกลือกลับไม่มี เลยตักแค่ต้นหอมกับขึ้นฉ่ายหั่นฝอยเติมลงไป กับเหยาะพริกไทยเท่านั้น เช้าๆ ยังไม่อยากมีพริกหรือน้ำส้มเข้าไปอยู่ในท้อง
“รับทานจืดๆ ไว้ดีนะ”
คุณท่านเอ่ยเสียงเนิบนาบตามปกติ รักศิกาญจน์ไม่ได้ตอบ แค่ยิ้มบางๆ ก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปากเพียงเล็กน้อย เพราะกลัวจะเลอะ กุ้งตัวเขื่องก็ไม่แน่ใจว่าจะกินยังไง ใช้ช้อนจิกก็ไม่น่าจะเข้าท่า เพราะขอบช้อนไม่คมขนาดตัดอะไรได้ เลยกินแค่ข้าวกับน้ำซุป
“สำรับเช้านี้เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ในความคิดเลขาส่วนตัวของคุณท่านนะ ไม่ใช่แขก หรือไม่ใช่เด็กในบ้านแบบเมื่อก่อน”
รักศิกาญจน์มองสบตาคนนั่งอยู่อีกฟากโต๊ะ เพื่อหาคำตอบว่าไฟเขียวให้พูดได้ หรือแค่เป็นไปตามมารยาทเท่านั้น
“บอกมาเถอะจ้ะ ไม่ต้องกลัวหรือเกรงใจ คุณท่านอยากได้ยินจากปากคนใกล้ชิด จะได้เอาไปปรับปรุงไง เพราะต่อไป น้องรักจะต้องคอยเป็นหูเป็นตาแทนคุณท่านในหลายๆ เรื่อง”
“ก็มีนิดหน่อยค่ะ”
เขียวปี๋ขนาดนี้ ก็ต้องพูดบ้างแหละ หรือจะพูดเยอะๆ ดีวะ
“อะไรบ้างจ๊ะ”
“กุ้งตัวใหญ่น่ารับทานมากค่ะ แต่น้องรักไม่กล้าตักเข้าปากเลย กลัวว่าต้องอ้าปากกว้างๆ แล้วจะไม่งาม ถ้าจะให้ดี น่าจะให้ตัดเป็นชิ้นพอดีคำ หรือถ้ากลัวจะจัดจานแล้วไม่สวย หรือไม่ได้อวดความบิ๊กของกุ้ง ก็เรียงกลับคืนเหมือนเดิมได้ หรืออาจจะบั้งเกือบขาดไว้ ให้แขกใช้ช้อนจิกนิดหน่อยก็ตัดเป็นชิ้นได้ค่ะ”
“อืม เข้าท่า แล้วอะไรอีกจ๊ะ”
“น้องรักทราบว่าคุณท่านรับทานรสจืดๆ ค่ะ แต่เครื่องปรุงสำรับของแขก น่าจะมีเกลือหรือซีอิ๊วไว้ให้หน่อยนะคะ หรือในกรณีที่ไม่ได้เสิร์ฟข้าวต้ม ก็น่าจะมีน้ำปลาพริกมาด้วยก็จะสมบูรณ์ขึ้นอีกค่ะ เพราะถ้าอาหารจืดเกินไป อาจจะทำให้แขกไม่ Happy ก็ได้นะคะ อารมณ์อาจจะเหมือนตอนคุณท่านไปบ้านใคร แล้วอาหารบ้านนั้นเค็มปี๋ แต่ก็ต้องฝืนกิน เพราะเกรงใจเจ้าของบ้าน แบบนั้นค่ะ”
“เข้าใจเปรียบเทียบดีนี่ แล้วมีอะไรอีกมั้ยจ๊ะ”
“ผักสำหรับโรยหน้า น้องรักว่าน่าจะจัดแยกกันมาระหว่างต้นหอม ผักชี ขิง แล้วก็ขึ้นฉ่ายค่ะ เพราะแขกบางท่านอาจจะชอบอันนี้ไม่ชอบอันนี้ค่ะ กระเทียมเจียวก็อาจจะใส่ถ้วยแยกมาก่อน ให้แขกตักใส่เอง เผื่อบางท่านกำลังไดเอตอยู่ค่ะ น้องรักจำได้ว่าเมื่อก่อนเคยเห็นเซตใส่เครื่องปรุงที่เป็นถ้วยจิ๋วๆ นะคะ”