EP 28

1261 Words
“ของเก่าๆ ทนเอาไปก็ไร้รสชาติ หาของใหม่ๆ มาไว้เคี้ยวดีกว่า” “ผัวเด็กมันอึดถึกทนกว่า เลยต้องทิ้งผัวแก่ให้เข้าวัดเข้าวาไปน่ะสิเธอ” หรือแม้แต่คนงานในบ้าน ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า หลายคนอยู่ก่อนเขาเกิด หลายคนเกิดรุ่นเดียวกับเขา เช่นลูกของคนสวน กับปานชีวันเป็นต้น บางคนเกิดหลังเขาหลายปี “ไม่อยากเชื่อเลยนะแก ว่าคุณท่านจะตัดตัณหาไม่ขาด ขนาดหย่ากับคุณท่านผู้ชายแล้วหอบผัวเด็กเข้าบ้าน” “จะไม่เชื่อได้ยังไงล่ะป้านวล ก็เห็นตำตากันทั้งบ้าง แล้วเมื่อวานนะ หนูไปทำความสะอาดห้องทำงานคุณท่าน เสียงครางงี้ดังทะลุกำแพงออกมาเลย” “เอากันข้ามวันข้ามคืน ไม่ออกมาดูโลกภายนอกเลย เดี๋ยวคุณท่านก็ตายคาอกผัวเด็กหรอกนั่น” “ก็มันคันนี่หว่า ได้คนเอาเก่งๆ อย่างไอ้คุณกอล์ฟเข้า อีกหน่อยก็คงจะประเคนอะไรต่อมิอะไรให้จนหมดตัวนั่นล่ะ” “อย่างนี้คุณปั่นคงจะมีน้องได้แน่ๆ ล่ะคราวนี้” “โหป้า ถ้ามีจริงๆ คุณปั่นคงไม่พอใจมากกว่านี้แน่ๆ ดูสิขนาดผัวใหม่คุณท่านเข้าบ้านไม่กี่วัน คุณปั่นยังตีหน้าตึงใส่บ่อยๆ เลย” “ใครจะไม่หน้าตึงล่ะแก อยู่ดีๆ แม่ดันมีผัวเด็ก ถ้ามีน้องเพิ่มมาอีก บ้านต้องวุ่นวายแย่งสมบัติกันอีกยกใหญ่แน่” “จะหวงอะไรนักหนาล่ะป้า สมบัติคุณท่านเยอะแยะ ใช้สิบชาติก็ไม่หมด” “ว่าได้เหรอ ผัวเด็กที่เอาใจเก่งๆ ผลาญแป๊บเดียวเท่านั้นล่ะ เกลี้ยง” “ใช่ๆ มีเท่าไหร่ก็ไม่เหลือหรอก ลองได้หลงไอ้นั่นเข้าสิ” เมื่อก่อน ทุกครั้งที่คิดถึงคำพูดพวกนี้ มันจะทำให้เขาเกิดอาการโกรธแม่ ต่อต้านแม่ และไม่อยากอยู่ใกล้ๆ แม่ตลอด แต่ตอนนี้เขากลับยังเฉยได้ ไม่รู้สาเหตุเพราะอะไรกันแน่ “เพราะแกอยากดูว่าแม่จะเอายัยแคระมาตกผู้ชายคนไหนต่างหากล่ะ” มันเป็นข้อแก้ตัวหรือยังไงกันนะ เขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ขณะเดินตามพ่อไปหาโต๊ะที่แม่นั่งอยู่ เขาลอบมองยัยแคระอย่างพินิจพิเคราะห์ไปด้วย เดรสผ่าหน้าแขนกุดคอกลม สีส้มอิฐยาวระดับเข่า เข้ากับผิวขาวอมชมพูได้ดี สีนี้คนในงานก็ไม่มีใครใส่ด้วย เดาได้ว่าน่าจะฝีมือออกแบบของห้องเสื้อประจำแม่แน่ๆ “สวัสดีค่ะคุณท่าน” อาชามองเมียเด็กของพ่อ ไหว้แม่เขาด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน “สวัสดีค่ะจ้ะ” แม่รับไหว้แล้วทักทายกลับแค่นี้ กับทักทายพ่อพอเป็นพิธี แล้วก็ให้ความสนใจกับหัวข้อสนทนาที่พ่อของภาคินัยคุยต่อ ส่วนพ่อก็พาเมียเด็กเดินตามภาคินัยไปนั่งอีกโต๊ะ “คุณปั่นนั่งตรงนี้เลยค่ะ” เขาดันได้ที่นั่งตรงข้ามแม่กับยัยแคระ เพราะกรกนกตบมือลงเก้าอี้ข้างตัวที่ยังว่างอยู่ ว่างจริงหรือคุณแม่จงใจเว้นไว้ให้แกกันแน่นะ “คุณปั่นมาคนเดียวเหรอคะ” แล้วมันก็ช่างบังเอิ๊ญบังเอิญ ที่กรกนกดันนั่งโต๊ะนี้อยู่ก่อนแล้ว แถมเก้าอี้ข้างๆ ก็ว่างเหมือนรอให้เขามานั่งต่อยังไงยังงั้น รู้แหละว่านี่เป็นวิธีต้อนของแม่ “ครับ คุณก้อยก็มาคนเดียวเหรอครับ” “ก้อยมาช่วยงานคุณนิคตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ แกเลยเปิดห้องให้” “ครับ” เขายิ้มให้กรกนก วันนี้ใส่เกาะอกสีครีม ปักเลื่อมเพชรทั้งตัว ส่งประกายวิ๊งๆ วับๆ งามจับตา โดดเด่นเกินสาวในงานหลายต่อหลายคน ราคาชุดไม่น่าน้อยกว่าห้าแสนหรืออาจจะล้าน เครื่องประดับบนตัว เขาคะเนคร่าวๆ ก็น่าจะสิบหรือยี่สิบล้านขึ้น แต่เป็นแบบเรียบหรูและดูแพง “ทำไมคุณปั่นมาช้าจังล่ะคะ” “รถติดครับ” เขายิ้มบางๆ ให้แม่แค่นั้น วันนี้แม่ใส่เดรสยาวแขนกุดคอวีสีเขียวต้นสน มีจีบตรงเอว เรียบหรูหราและราคาต้องแพงแน่ๆ ถ้าไม่แพงไม่ใช่แม่หรอก และมันก็เข้ากับผิวขาวของแม่ได้ดีเยี่ยม แม้จะไม่เปล่งปลั่งเหมือนสาวรุ่น แต่แม่ก็ยังดูสวย หุ่นก็ยังดีเกือบเหมือนเมื่อก่อน ให้แปลกใจว่าทำไมสามีคนที่สามของแม่ถึงทิ้งไปอีกนะ หาเหตุผลว่าทำไมแม่ถึงเลิกกับไอ้เหี้ยกอล์ฟมาให้ได้ก่อนเถอะแก ก็เห็นแม่รักจะเป็นจะตาย แล้วก็อยู่ด้วยกันได้หลายปีด้วย ทำไมถึงเลิก หรือแม่จะเป็นอย่างที่คนในบ้านบอก คือต้องการหนุ่มๆ มาปรนเปรอเรื่องอย่างว่า เลยต้องหาผัวเด็กอีกคน แต่ดันอยู่ไม่ทนเหมือนไอ้กอล์ฟ เพราะไม่กี่ปีก็เลิกกัน เรียกว่าเขายังไม่ทันได้ไปเห็นหน้าก่อน มันก็เลิกกับแม่แล้ว และคงจะไปพร้อมเงินก้อนใหญ่เชียวล่ะ “ไม่หนีสิบล้านครับบอส” คำนี้ออกจากปากไอ้ระ เพราะเขาเคยให้ไปหาข่าวมา แต่ไม่ได้อะไรที่แน่นอน นอกจากการคาดคะเน “ชุดคุณแม่เด่นจังเลยนะครับ” ประกายเพชรเมื่อต้องแสงไฟเวลามีการแสดงบนเวที เรียกความสนใจจากคนในงานให้หันมามองไม่น้อย แม่ใส่เครื่องเพชรชุดใหม่ ราคาเป็นร้อยล้านแน่ๆ เขาจำได้จากรายงานที่ยัยแคระส่งมาและกับรายงานเดิมที่มีอยู่ กำไลเพชรตรงแขนของแม่ ที่ใส่เรียงกันเป็นแพนับสิบอันนั้น ราคาแต่ละอันราวสามถึงสี่ล้าน นาฬิกายี่ห้อดังรุ่น Limited Edition เก่าแก่และไม่มีขายตอนนี้นั้น ไม่รู้กี่สิบล้าน รวมๆ แล้วบนตัวแม่มีมูลค่าไม่น่าจะต่ำกว่าสองร้อยล้าน “ทีมบอดี้การ์ดคงอยู่แถวๆ นี้นะครับคุณแม่” เขามองยัยแคระที่นั่งติดกับแม่ แล้วก็คอยตักอาหารมาใส่จานให้แม่เขาไม่ขาด ส่วนใหญ่จะเป็นผักและไม่ใช่มาจากจานที่ปรุงด้วยน้ำมันทั้งนั้น สมัยก่อน หน้าที่นี้จะเป็นของน้าแรม ต่อให้แยกไปทำงานที่มูลนิธิแล้ว แม่ก็ยังเรียกให้มาด้วยอยู่ แปลว่ารู้ใจกันไม่น้อย “ขอโทษทีครับคุณท่าน ผมติดต้อนรับแขกอยู่ จนไม่ได้กลับมาหาอีกเลย” ภาคินัยเดินกลับมาอีกที หลังจากผละไปต้อนรับแขกในงานเกือบครึ่งชั่วโมง และก็นั่งปักหลักอยู่ตรงไหนไม่ได้นาน เพราะต้องรับแขกแทนพ่อที่อายุเยอะแล้ว ส่วนใหญ่แขกก็กลายเป็นรุ่นลูกเหมือนกันแล้ว เช่นเขาคนหนึ่งแล้ว “ไม่เป็นไรจ้ะ คุณท่านคุยกับพ่อคุณนิคสนุกเหมือนกัน กลัวแต่น้องรักแหละจะเบื่อ เพราะมานั่งโต๊ะเดียวกับคนแก่” อาชามองไปหาคนที่แม่กลัวจะเบื่ออีกรอบ หลังจากตักนั่นนี่ให้แม่เขาแล้ว ก็เห็นนั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันเงียบๆ ควบคู่กับการกิน และด้วยกิริยามารยาทเรียบร้อย กว่าตอนกินกับเขาสองต่อสองในบ้าน ก็แม่เขากับน้าแรมสอนมาดีนี่นะ ออกงานต้องทำตัวยังไง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD