“ต้องหล่อและรวยด้วยมั้ยจ๊ะ”
“ไม่จำเป็นเลยค่ะ เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่จะอยู่กับเราไปยาวๆ น่าจะต้องมีอะไรตรงกันเยอะพอสมควร เรื่องหล่อ อยู่ๆ ไปก็หมดหล่อแล้ว ส่วนเรื่องรวย ช่วยๆ กันหาอีกหน่อยก็รวยแล้ว อีกอย่างน้องรักไม่อยากรวยมากมายค่ะ แค่พอมีกินกับมีเก็บนิดหน่อยค่ะ น้องรักเน้นใช้ชีวิตให้มีความสุขทุกวันด้วยกันมากกว่า”
เพราะประสบการณ์ปลื้มคนหล่อรวยของแม่ ช่วยสอนเธอเสมอมา เห็นแม่เหงา เศร้า และเจ็บปวดกับอดีต เธอก็ไม่อยากเป็นแบบนั้น
ทุกวันนี้แม่ก็ยังแอบดูรูปของผู้ชายที่มีส่วนทำให้เธอเกิดมาบนโลกใบนี้ แต่ไม่มาดูดำดูดีอยู่เลย เธอจะไม่มีวันเป็นเหมือนแม่แน่ๆ ถ้าหาดีไม่ได้ ก็ไม่ต้องมีจะดีกว่า
“น้องรักคิดแปลกกว่าสาวรุ่นเดียวกันมากเลยนะจ๊ะ”
“น้องรักมีคุณแม่เป็นตัวอย่างแล้วค่ะ น้องรักถึงรู้ ว่าต่อให้ได้คนหล่อหรือรวยแค่ไหน แต่ถ้าเขาไม่มีใจให้ หรือให้แต่ไม่มากพอ สุดท้ายความหล่อกับความรวยก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ”
“คุณท่านดีใจนะจ๊ะ ที่น้องรักคิดแบบนั้น”
“คุณแม่สอนตลอดค่ะเรื่องนี้”
“ดีแล้วล่ะ และคุณท่านคิดว่า น้องรักจะต้องได้คนที่ใช่สำหรับตัวเองแน่ๆ จ้ะ หรือถ้าไม่ได้ ก็อยู่กับคุณท่านไปจนแก่เลยนะ”
“ค่ะ”
“ว่าแต่เมื่อกี้ไปไหนมา แล้วไปเจออะไรบ้าง”
“น้องรักเข้าไปในครัวแล้วเลยเดินเล่นรอบหลังบ้านค่ะ”
ต่อให้คุณท่านจะเปิดทางไว้มากแค่ไหน แต่สุดท้ายรักศิกาญจน์ก็ยังไม่ค่อยอยากจะบอกอยู่ดี
“คุณท่านบอกแล้วใช่มั้ย ว่าให้บอกตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม สรุปว่าไปเจออะไรมาบ้าง”
แต่เมื่อคุณท่านจ้องหน้าเขม็งแบบนี้ ก็จำต้องพูดแล้วล่ะ เลยเล่าทุกอย่างที่ไปเจอเมื่อครู่มา
“แล้วน้องรักมีวิธีแก้ไขยังไงจ๊ะ”
“ถ้าถามใจจริงๆ น้องรักก็อยากออกกฎใหม่เพิ่มขึ้นหน่อยค่ะ”
“เช่นอะไรบ้างจ๊ะ”
“ก็อย่างเช่น คนนอกหรือญาติคนงาน เราก็ไม่ควรให้เข้ามายุ่งวุ่นวายมากเกินไปดีมั้ยคะ อาหารการกิน ก็ต้องควบคุมปริมาณในการทำหน่อย ไม่ใช่ว่าเราจะขี้เหนียว แต่ถ้ากินทิ้งกินขว้าง มันก็ไม่ควรนะคะ ของกินก็ควรจะระบุว่าอันไหนถูก อันไหนแพง อันไหนกินได้ กินไม่ได้ ไม่ใช่เราจะไม่ให้กินของแพง แต่ควรจะให้เป็นบางโอกาส อย่าพร่ำเพรื่อและอย่าเอาให้คนนอกกินแบบไม่เห็นค่า”
“อืม ก็เข้าท่าดี”
“น้ำ ไฟในห้องพักคนงาน น้องรักคิดว่าจะต้องติดมิเตอร์แยกแต่ละห้องเลยค่ะ แล้วก็เก็บเงินเลย ไม่ให้ใช้ฟรีๆ แล้ว หรือถ้าคุณท่านกลัวคนงานจะไม่พอใจ เราก็จะตั้งว่าใช้ไฟกี่หน่วยถึงจะไม่ต้องจ่าย เกินนั้นเราก็เก็บเงินตามจริง ไม่งั้นก็จะใช้กันแบบไม่ประหยัด สิ้นเปลืองทั้งเราและทั้งทำลายสภาพแวดล้อมด้วยค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณท่านค่ะ ว่าจะตัดสินใจยังไง”
“เดี๋ยวคุณท่านจะลองคิดดูว่าจะทำยังไง”
“ค่ะ”
“แล้วคืนนี้บอกแรมหรือยัง ว่าจะต้องไปงานกับคุณท่าน”
“เรียบร้อยค่ะ”
อาชาเดินเข้าห้องบอลรูมโรงแรมห้าดาว คืนนี้เป็นคิวของชลกรที่จะต้องตามมาด้วย เพราะคู่ควงของเขาไม่มีคิวให้ และเขาก็ไม่ปรารถนาจะหาสาวไหนมาเคียงข้าง แม้กระทั่งผู้ช่วยเลขาหน้าตาสะสวย (ด้วยเครื่องสำอาง) ที่ขยันอ่อยอยู่บ่อยครั้ง ก็แค่มางานขอบคุณลูกค้าบริษัทของภาคินัยเท่านั้น
“กูไม่ว่างว่ะคืนนี้ ต้องไปทำคดีสำคัญ ขอโทษทีนะมึง ควงไอ้ระหรือไม่ก็ไอ้ชลไปก่อนละกัน”
นั่นคือคำปฏิเสธของไอ้อ้วน หรือสารวัตรเกริกไกร เพื่อนของเขาที่เรียนรุ่นเดียวกันตั้งแต่มัธยม เรียกว่าซี้ย่ำปึ้กเลย แต่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน เพราะงานของมัน วันๆ เอาแต่ไล่จับคน อุตส่าห์โทรไปชวนให้มากินของอร่อยๆ แท้ๆ แต่มันเสือกไม่ว่าง
“เสียใจด้วยนะไอ้คุณปั่น กูจะบินกลับเชียงใหม่ละ อยู่สนามบินละ มึงบอกช้าไปสองชั่วโมงว่ะ”
เพื่อนอีกคนในแก๊งเดียวกัน มันเป็นเจ้าของโรงแรมดังในเชียงใหม่ เขาเคยพาเขมิกาพาไปพัก(ฟรี) มาแล้ว มันก็ตอบแบบไม่มีเยื่อใยใดๆ เล๊ย
ไม่มาก็ดีอย่าง เผื่อมาติดใจยัยแคระขึ้นอีกคนแล้วจะยุ่ง ก็มันยังไม่เห็นตอนยัยแคระเป็นสาวนี่นา เคยเห็นแต่สมัยไว้ผมแกละ แถมยังคอยแย่งกันดึงกับเขาคนละข้างบ่อยๆ ด้วย
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องมาด้วยซ้ำ ถ้าไม่เพราะผู้ช่วยรายงานว่าแม่จะมาและพายัยแคระมาด้วย นี่ใช่สาเหตุที่ทำให้เขาต้องลากสังขารมางานนี้หรือเปล่านะ
ฮึ!
อย่างยัยแคระน่ะเร๊อะ จะมีพาวเวอร์มากพอจะดึงฉันมางานได้
ที่มาเพราะเขาห่วงคุณแม่หรอกน่า เห็นว่าเพิ่งหายป่วย
จริงอะ!
ภาคินัยเห็นลูกค้าเบอร์ต้นๆ ของบริษัท ก็รีบมาต้อนรับด้วยตัวเอง เพราะรับงานจากคนในครอบครัวนี้ไม่กี่ครั้ง ก็กอบโกยเงินหลายร้อยล้านมาแล้ว ไหนจะโปรเจ็กต์ใหม่ที่กำลังจะขึ้นอีก เขาก็ได้งานมาง่ายๆ แบบไม่ต้องมีใครไปแข่ง มูลค่านั้นก็หลายร้อยล้านเลยทีเดียว
“คุณปั่นจะไปนั่งโต๊ะเดียวกับคุณท่านมั้ยครับ”
แล้วปรายตาไปยังโต๊ะของแขกวีไอพีที่จัดไว้ด้านหน้า
“ครับ”
“อ้าว สวัสดีครับคุณท่าน”
ยังไม่ทันจะได้เดินไปแม้แต่ก้าวเดียว ภาคินัยก็ไหว้ชาครีย์ ที่เพิ่งเดินเข้ามา อาชาเลยต้องหันไปหาด้วย เขาไหว้พ่อ แล้วรับไหว้ผู้หญิงข้างๆ พ่อ
“ไม่รู้ว่าคุณปั่นจะมาด้วย วีจะได้เอายำแมงกะพรุนน้ำมันงามาฝากค่ะ ตอนเที่ยงกินกับคุณพี่ ยังบ่นๆ อยู่เลยว่าคิดถึงคุณปั่น”
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวว่างๆ ผมจะไปกินที่บ้านเองดีกว่า จะได้ไม่ต้องลำบากหิ้วมา”
อาชาค่อนข้างคุ้นเคยกับปภาวี ผู้อยู่ในตำแหน่งแม่เลี้ยง แถมอายุนั้นก็น้อยกว่าเขาตั้งห้าปี เขาคงจะตำหนิพ่อที่มีเมียคราวลูกไปแล้ว ถ้าไม่เพราะแม่ดันชิงมีผัวเด็กทันทีที่หย่าไปก่อนพ่อ ตอนนั้นเขาจบมัธยมปลายพอดี จะไปเจอะหรือจีบกับมันตอนไหน ถ้าไม่เพราะแม่แอบมีมันก่อนจะเลิกกับพ่อ และนี่ล่ะมั้งคือเหตุผลที่ต้องเลิกกัน เขาเองก็ขี้เกียจจะถาม
“กอล์ฟเป็นแฟนใหม่ของคุณแม่จ้ะ เลยรีบพามาให้รู้จักกับคุณปั่นก่อนใครเลย กอล์ฟจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านเราวันนี้จ้ะ”
วันนั้นแม่มีสีหน้าและท่าทีเหมือนมีความสุขมาก ตาแม่หวานเวลาพูดกับเขา แค่แวบแรกที่เห็นหน้าผัวใหม่ของแม่ เขาก็โกรธจนลมออกหู เพราะอายุของมันแค่ยี่สิบห้า ส่วนแม่สามสิบเก้า ห่างกันตั้งสิบสี่ปี หลังจากนั้นไม่กี่วัน เวลาเขาไปไหนมาไหน ก็มักจะได้ยินผู้คนรอบข้างซุบซิบว่า
“คุณปลื้มทิ้งผัวแก่มากินเด็กแล้วล่ะเธอ จะเปรี้ยวไปถึงไหนเนี่ย”