ตอนที่ 6 ชื่อตอน เรื่องวุ่นวาย 18+

1445 Words
ท่านแม่ทัพกำลังรอคอยสาวน้อยให้ออกมาปรนนิบัติตน แต่ทว่าในครานี้เกิดไฟไหม้ลุกโชนขึ้นมาที่ประตูเมืองรายรอบด้านและทัพของกองทัพกบฎก็ปรากฎกายขึ้นมาแล้ว แม่ทัพโจวคำรามลั่นขึ้นมาจุดพลุไฟเป็นสัญญาณให้วังหลวงเป็นสัญลักษณ์มังกรผงาดฟ้า ฝ่าบาทถูกอารักขาออกไปในทางลับไปทันที “ฮึ่ม มันเอาข้าจนได้ เหตุใดต้องเป็นวันนี้ด้วยว่ะ ฆ่ามันให้ตาย ออกไปฆ่ามันให้ตาย” แม่ทัพโจวที่ยังสวมชุดคลุมอาบน้ำคำรามลั่น คนในจวนที่กำลังเฉลิมฉลอง เพิ่งจะอาบน้ำจนจบสิ้นตามธรรมเนียมของในจวน แล้วกรอกเหล้าลงคอไปเพียงคำหนึ่งก็บังเกิดโทสะกันขึ้นมา “มารดามันเถิดว่ะ มิให้พวกข้าพักกายแล้ว แบบนี้ก็ต้องตายกันไปเสีย“ ทุกผู้คนกรุ่นโกรธมาก ส่วนท่านแม่ทัพโจวก็เข้ามาปิดประตูปังแล้วเข้ามาประชิดกายของสาวน้อย กอดรัดปล้ำจูบนางลงไป แล้วใช้นิ้วตรวจสอบกายของนางลงไปเสียจริงๆ ”อร้า อย่าเจ้าค่ะ ข้ามิมีวรยุทธใด มิซ่อนสิ่งใดในที่สกปรกเช่นนั้นแน่ อร้า ” “อร่า เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ อย่างไรก็ต้องตรวจ ให้ข้านั้นหายข้องใจอย่างไรเล่า อร่า ” บุรุษซุกไซร้นางบดปากลิ้นลงไปที่ลำคอขาว แล้วชอนไชทิ่มดันนิ้วลงไปในช่องทางนุ่มไม่หยุดยั้ง ร่างบางกายสั่นไหวหวีดร้องครวญครางลั่นขึ้นมา “อร้า อรึ๊ย อย่าเจ้าค่ะ ” “อร่า คับแคบนัก ซี้ด ข้าจะออกไปแล้ว อีกสามวันค่อยกลับมา จงเตรียมกายเป็นเจ้าสาวของข้าเสีย จบสิ้นราตรีนี้แล้ว คงจะต้องมีอนุใดของข้า ที่ตบแต่งเข้ามามิได้แน่” บุรุษเอ่ยเช่นนั้นแล้วถอดถอนนิ้วอันร้ายกาจนั้นออกไป ก่อนที่จะสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนโจรร้ายที่จะออกไปลักขโมยคน กองทหารของสกุลโจวแบ่งออกไปหลายทาง มีสีสันเสื้อผ้าแตกต่างกันออกไป แม่ทัพโจวมุ่งไปทางทิศใต้ แล้วทำทีไปสมทบกับพวกทหารกบฎที่สวมใส่เสื้อผ้าคล้ายๆกัน นั่งฟังพวกมันร่ายแผนการขึ้นมาอีกคราหนึ่ง “พวกเจ้าไปจับสตรีผู้นั้นมา ส่วนพวกเจ้าแสร้งไปจับท่านหญิงเสีย สตรีบ้านป่ากับท่านหญิงนั้นสำคัญแตกต่างกัน แม่ทัพโจวจะต้องเร่งรักษาชีพของท่านหญิงเอาไว้ก่อนอย่างแน่นอน ” แม่ทัพโจวหัวเราะคิก ที่หัวหน้าบฎนั้นเหมือนจะมานั่งอยู่ในใจของตนเลย เช่นนั้นก็ให้ท่านหญิงปกป้องตนเองเถิด บ้านของนางก็มีบิดาแล้ว แม่ทัพโจววกกลับไปที่จวนของตนเองแล้วให้สตรีลงไปหลบในที่หลบภัยที่ใต้เรือน ก่อนที่จะออกไปทางที่หลังจวน วิ่งวุ่นไปมา ยกป้ายประจำการของตนเองนั่นล่ะขึ้นมาในพวกกบฎ แล้วให้ไปวิ่งตามตนเองไป จนถึงที่เนินเขาก็สั่งให้พวกมันวิ่งเข้าไป พวกโจรมิรู้ความใด วิ่งเข้าไปติดตาข่ายจนหมดสิ้น ทหารเร่งยิงธนูซ้ำและทิ้งพวกมันไว้เช่นนั้น ทุกทิศทางมีหยกของสกุลโจวปรากฎขึ้น นำทางทหารกบฎไปจนหลงทางกันทั้งสิ้น ก่อนที่แม่ทัพโจวนั้นจะเข้าไปทางตำหนักเย็น แล้วกระโดดลงไปนั่งคุกเข่าที่ข้างกายของฝ่าบาทแล้วในยามนี้ “ทูลฝ่าบาท หยกประจำการของกระหม่อมนั้น ปรากฎขึ้นมาพร้อมสาวน้อยแสนงดงามแล้วพะยะค่ะฝ่าบาท นางเพียงคว้ามันเอาไว้ในยามที่ผู้น้อยนั้นไปช่วยนาง ในยามที่เกิดแผ่นดินไหวที่ซานเสวี่ยพะยะค่ะ “ ”อืม ที่นั่นนั้นน่าสงสัยนัก เจ้าต้องจับตาดูนางเอาไว้ให้ดี “ ”กบฎด้านนอกนั้นติดตามหยกประจำการของสกุลโจว และถูกสังหารลงไปในกับดักลงไปแล้วจำนวนหนึ่งพะยะค่ะ“ ”อรืม พวกมันคิดล่อลวงเจ้าจริงๆ ” ”คิดว่าใช่แน่แล้วฝ่าบาท“ พระพักตร์ดุดันเริ่มทำท่าครุ่นคิดขึ้นมาและสั่งการคนออกไปอีกครั้ง “คุ้มกันตำหนักในไว้ให้ดี เจิ้นจะออกไปที่ด้านหน้าแล้ว “ องค์ฮ่องเต้เอ่ยตรัสเช่นนั้น แล้วก็เสด็จนำแม่ทัพของพระองค์ไปอย่างมั่นคง แม่ทัพโจวเองก็ผลัดเปลี่ยนชุดของตนแล้ว ทั้งยังแขวนหยกประจำการที่แท้จริง หยกเป็นสีแดงและทองคำแปลกตานัก เช่นนั้นเมื่อมีผู้ที่จับพวกโจรกบฎมาโยนเอาไว้และรื้อค้นพบหยกประจำการของสกุลโจว แม่ทัพโจวจึงยกหยกสองชิ้นของตนเองชูขึ้นมา “แม่ทัพอี้ท่านลืมแล้วหรือว่า หลังจากที่ข้านั้นแจ้งเปลี่ยนหยกประจำการลงไปแล้ว ข้าก็มอบมันไปให้สตรีที่ข้าหมั้นหมายเอาไว้อีกชิ้นหนึ่ง และหยกที่แท้จริงก็ยังอยู่ที่ตัวข้านี้ ส่วนของทหารเลวนั้นข้าเพียงสลักให้ว่าแซ่โจวใช้เป็นของกำนัลเท่านั้น กองทัพสกุลโจวล้วนแซ่โจว มีคนผู้ใดบ้างมิรู้จักกันในบ้านข้า หากมันคือคนในบ้านข้า ร้านค้าทั้งตลาดในเมืองหลวงก็ต้องพบหน้าพวกมันจนหมดสิ้นแล้ว ทหารสกุลโจวหน้าทนเช่นใดท่านลืมเลือนไปแล้วหรือ ช่วงที่ถูกตัดเบี้ยหวัดไปหลายปี ท่านคิดว่าพวกเราจะอยู่ในเมืองต่างๆได้อย่างไรกัน หากมิโผล่หน้าไปแปะนิ้วโป้งเอาไว้ที่ร้านค้า ยาจกเช่นพวกคนในบ้านของข้า อย่าว่าแต่จะมีเงินออกไปเพื่อซื้ออาวุธเลย ทุกวันนี้หากว่าฝ่าบาทมิอนุญาตให้เบิกดาบในคลังอาวุธออกไปได้ เห็นทีในยามรบ พวกเรานั้นก็คงมีแต่กระบองไม้กับหอกหินไปเสียแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า “ เอ่ยแล้วก็ขยับกายถอยออกไปให้ดูชม ว่ามีคนหัวล้านนามว่าต้าไห่นั้นถือค้อนหินที่ตัวค้อนเป็นหินขนาดยักษ์ ด้ามนั้นทำจากเหล็กที่คงทน เป็นเรื่องตลกของวังหลวงในวันนี้แล้ว ”ท่านแม่ทัพอี้คิดว่า คนของข้านั้นมีหน้าตาที่จดจำมิได้หรือ ท่านดูทหารเลวของข้าเถิด มีผู้ใดบ้างที่มิมีท่วงท่าที่ท่านจดจำมิได้กัน “ โจวอิ่นเซิงยักคิ้วกอดอกเหล่ไปทางคนของตนเอง ที่คัดมาแต่พวกที่กายโต ทำตาขวางถืออาวุธแปลกประหลาดต่างกันออกไปสิ้น เหล่าขุนนางมองไปก็หัวเราะลั่นขึ้นมา ด้วยเสื้อผ้าของพวกสกุลโจวนั้นประหลาดนัก ตัดเย็บได้แปลกตายังมิพอ คนยังมีหน้าตาแปลกประหลาด ด้วยเป็นนักรบที่กายโตและมีบาดแผลกันมากมายเหมือนอสูรกายแทบทั้งนั้น ความจริงพวกที่หน้าตาดีๆก็มี แต่เจ้าพวกนั้นหน่ะ ใช้มันไปเป็นสายลับไปก็พอ โจวอิ่นเซิงหัวเราะคิก แล้วคุกเข่าลงอยู่ใต้ราชบัลลังก์รายงานผลการรบออกไป ”ถวายบังคมฝ่าบาท กระหม่อมโจวอิ่นเซิงขอถวายรายงานในการจับกุมทหารกบฎในครานี้ ด้วยในราตรีที่ผ่านมามีทหารกบฎลักลอบติดตามเข้ามาในเมืองหลวง หลังจากที่กระหม่อมนั้นได้นำทางกองทัพสกุลโจวนั้นกลับมาที่เมืองหลวง กระหม่อมจึงใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ ออกไปปะทะและจับกุมเหล่ากบฎได้เป็นจำนวนมาก ตรวจพบว่าคือชาวบ้านจากตำบลซรื่อหานและตำบลกว่างซานทั้งหมดสิ้น ซึ่งคนทั้งหมดนี้มิได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับกองทัพสกุลโจวที่มีบ้านเดิมอยู่ในเมืองหลวงกันทั้งสิ้นพะยะค่ะ “ ”หืม ชาวบ้านเช่นนั้นหรือ “ ”พะยะค่ะ ชาวบ้านในตำบลที่มิไกลจากซานเสวี่ยนัก และมีซินหยางหวางนั้นปกครองอยู่แทบทั้งสิ้น “ ”ฮึ่ม บังอาจนัก ส่งทหารออกไปอัญเชิญสกุลซินกลับมาที่เมืองหลวง ผู้ใดขัดขืนจงสังหารได้ในทันที “ ”พะยะค่ะ “ ”เอาล่ะเรื่องอื่นก็จบสิ้นแล้ว ที่นี้ในยามนี้ ท่านแม่ทัพโจวกลับมาแล้ว หยกก็ปรากฎขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นแม่ทัพโจวจะแต่งงานในยามใดเล่า ท่านเองก็อายุมิน้อยแล้วนะแม่ทัพโจว “ ”ทูลฝ่าบาท อีกสามวันพะยะค่ะ กระหม่อมนั้นจะแต่งงานแล้ว “ ”ฮ่า ฮ่า ฮ่า เช่นนั้นเอง เช่นนั้น เจิ้นจะส่งของขวัญไปให้ท่านในวันแต่งงานของท่านเอง เลิกประชุมได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า “
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD