โดนทัก

1585 Words
เมื่อมาถึงหน้างานคีตะก็เข้าไปทำหน้าที่ของตัวเอง ลองเสื้อผ้าสำหรับละครเรื่องใหม่ "โอ้ย ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ" น้องทีมงานคนหนึ่งเดินชนเข้ากับคีตะอย่างแรง "ไม่เป็นไรครับ น้องไม่เป็นอะไรใช่ไหม" เขาถามเพราะดูแล้วผู้หญิงตัวเล็กๆเดินชนเข้ากับผู้ชายร่างสูงใหญ่อย่างเขาน่าจะเจ็บมากกว่า "ไม่เป็นไรค่ะ" เธอก้มหน้างุดไม่เงยหน้ามามองเขาเลย "เอ่อพี่ช่วยเก็บครับ" เขาเห็นขวดแก้วขวดเล็กที่ภายในมีคราบน้ำมันสีเหลืองอ่อนๆเหลืออยู่ก้นขวดน้อยนิดร่วงลงมาตอนที่เดินชนกับเธอ "ไม่ต้อง ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวคนนั้นรีบคว้าขวดจิ๋วนั่นไว้แล้วเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว คีตะมองตามแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรคิดว่าเธอเป็นทีมงานและคงรีบ เขาเลยไม่ใส่ใจและเดินต่อไปยังห้องลองชุด เพียงแค่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้นสายลมก็พัดวูบสวนทางกับร่างของเขาที่กำลังก้าวเดิน มันเป็นเพียงสายลมแค่วูบเดียวเท่านั้นแต่ต้นไม้ที่อยู่ในกระถางประดับเอาไว้สองข้างทางระหว่างทางที่เขากำลังเดิน กลับล้มตึงลงมาเหมือนมีแรงปะทะกันอย่างแรง มีเงาบางอย่างพยายามที่จะตามติดแต่เข้าไม่ถึงตัวเขา "ลมแรงจังเหมือนฝนจะตกเลย" แพรวพราวเองก็รับรู้ถึงแรงลมนั้น "โอ้ยเดี๋ยวก็บวงสรวงแล้วค่า จะรีบต้อนรับไปถึงไหนคะ" เสียงแหลมของแขไขพูดออกมา คงเป็นเพราะละครเรื่องใหม่ของคีตะเป็นแนวเร้นลับลึกลับสยองขวัญเลยอาจจะมีแรงเฮี้ยนอะไรบ้างไม่มากก็น้อย เธอจึงพูดไปตามประสาความเชื่อ "จริงสิ อีกสามวันก็จะมีพิธีบวงสรวงนี่นา" แพรวพราวนึกขึ้นได้จากคำพูดของแขไข ............................... "น้ำมนต์ อีกสามวันเจอกันนะจ๊ะ น้ำมนต์ตามมาที่ที่พี่ปักหมุดไปให้นะนั่งแท็กซี่มาเลยสะดวกดีเดี๋ยวพี่จ่ายเงินให้ พากำปั่นมาด้วยได้เลย" แพรวพราวส่งข้อความไลน์หามนต์ชญา "อ่อ พอจะมีน้ำมนต์อีกไหมจ๊ะ พ่อซุปตาร์สุดหล่อของพี่กระดกไปจนหมดขวดแล้ว" แพรวพราวขอให้มนต์ชญาเอาน้ำมนต์มาให้เธออีกเพื่อติดตัวไว้สร้างความอุ่นใจ พร่อมส่งสติ๊กเกอร์ทำหน้าตาขอร้องด้วยความเอ็นดู "อะไรนะดื่มน้ำมนต์จนหมดขวดเลยหรือ อ่อก็ดีถือว่าไล่ของออกไปในตัว เล่นดื่มไปทั้งขวดแบบนี้ป้องกันของไม่ดีได้ข้ามวันเลยแหล่ะ" มนต์ชญาพูดคนเดียวเมื่อได้อ่านไลน์จากแพรวพราว "มีอะไรหรือน้ำมนต์" กำปั่นนั่งอยู่ด้วยกันถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสาวบ่นกระปอดกระแปด "พี่แพรวตามไปทำงานน่ะ เออแกก็ไปด้วยกันเลย" "แล้วคุณคีตะของฉันเขามีอะไรหรือเห็นแกบ่นๆ" "พี่แพรวขอน้ำมนต์เพิ่มน่ะไม่มีอะไร แต่ฉันว่างานนี้คงต้องไล่ผีให้นายขี้ตานี่ตลอดชีวิต" "ทำไมอ่ะ" "ไม่รู้สิฉันสังหรณ์ใจว่างานนี้ไม่จบง่าย" มนต์ชญาคิ้วขมวด ................................ "น้ำมนต์ทางนี้จ้ะ" แพรวพราวตะโกนเรียกเมื่อเห็นมนต์ชญาและกำปั่นเดินทางมาถึงที่กองถ่ายละคร "สวัสดีค่ะ" "สวัสดีครับ" ทั้งมนต์ชญาและกำปั่นทักทาย "น้ำมนต์เอามามั๊ย" ประโยคแรกที่แพรวพราวถามเธอ "อะไรคะพี่ อ๋อ นี่ค่ะ" มนต์ชญายื่นน้ำมนต์ขวดเล็กกะทัดรัดให้แพรวพราว "ทำไมขวดเล็กนักล่ะ" แพรวพราวทำท่าผิดหวังเมื่อเห็นขนาดขวดของน้ำมนต์ "แค่นี้ก็พอค่ะพี่แพรว ใช้เฉพาะยามจำเป็น พี่คงไม่เจอผีทุกวันหรอกค่ะ" "จำเป็นทุกวันจ้ะ สำหรับพี่ เพราะพี่ไม่รู้วันๆพี่จะเจออะไรบ้าง นี่พูดถึงผี วันที่พี่ไปส่งคีตะหลังงานคอนเสิร์ตพี่คิดว่าพี่เจอแต่สุดท้ายมันก็หายไปต่อหน้าเพียงเสี้ยววินาที แต่พี่มั่นใจว่าพี่ไม่ได้ตาฝาด" แพรวพราวเล่าในคืนวันที่เธอเห็นวิญญาณเกาะลงมาที่หน้ากระจกรถเธอ "เรื่องนี้เอาไว้คุยกันตอนนี้เดี๋ยวน้ำมนต์ไปเรียนรู้งานกับพี่เพราะพี่จะให้น้ำมนต์คอยดูแลคีย์ในเรื่องส่วนตัวมากขึ้น ช่วยพี่ดูคิวประสานงานด้วยเล็กน้อย ส่วนกำปั่นก็สามารถทำหน้าที่ตามเดิมได้เลยนะจ๊ะ อ่อ แต่เช้านี้เรามีงานบวงสรวงเปิดกล้องละครกัน เดี๋ยวพวกเธอไปช่วยกันยกของไหว้ไปที่โต๊ะและช่วยทีมงานจัดโต๊ะหน่อยนะจ๊ะ" แพรวพราวเริ่มแจกจ่ายงาน คีตะเองก็เริ่มไปเตรียมตัวรอที่เต๊นท์สีขาวจุดทำพิธีเช่นเดียวกับดารานักแสดงที่พากันทยอยมานั่งรอทำพิธี ด้านหน้ามีของไหว้เรียงรายดูอลังการตา ทั้งพานขนมของคาวหวาน ผลไม้มงคลและบายศรี "งานดูยิ่งใหญ่จังเลยนะคะพี่แพรวดารามาเพียบเลย" มนต์ชญาและกำปั่นตื่นตาตื่นใจ "ไม่เคยเห็นหรือจ๊ะ ส่วนใหญ่ก็จะจัดแบบนี้เกือบทุกเรื่องนะ พอดีค่ายนี้ผู้จัดเขามีความเชื่ออยู่แล้วก็เลยจัดอลังการเป็นพิเศษจะได้เฮงๆ" แพรวพราวเล่าให้ฟัง "กำปั่นช่วยพ่อพราหมณ์ถือของหน่อยจ้ะ" แพรวพราวบอกเมื่อเห็นบุคคลสำคัญของพิธีนี้เดินเข้ามา พ่อพราหมณ์ แต่งองค์ทรงเครื่องมาสมกับที่เรียกว่าพราหมณ์ ท่านอยู่ในชุดสีขาวล้วน ผมยาวสีขาวโพลนแต่รวบมวยจุกเอาไว้เรียบร้อย มีเครายาวสีขาว หน้าตานิ่งดูแล้วดุดัน อีกทั้งมีชาดสีแดงแต้มที่ตรงกลางหน้าผาก ก้าวแรกที่พ่อพราหมณ์เดินเข้ามาที่เต๊นท์พิธี เขาได้สะดุดตาและมองไปที่คีตะ จ้องมองอยู่แบบนั้นสักครู่ ก็หันไปหยิบจับของเตรียมที่จะเริ่มพิธี แต่กระนั้นก็ยังไม่วายสลับหันมามองที่คีตะเป็นระยะ แต่ที่น่าแปลกใจไม่น้อยไปกว่ากันคือ พ่อพราหมณ์หันมาจ้องที่มนต์ชญาด้วยเช่นกัน จนเธอเองต้องหลบสายตาเพราะหาได้รู้จุดประสงค์ของการมองนั้นไม่ ตรงกันข้ามเธอออกอาการเกร็งเล็กน้อยเพราะคิดว่าตนเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่พ่อพราหมณ์ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไร นอกจากเริ่มสวดมนต์คาถาไปตามขั้นตอนของพิธีจนจบ เมื่อเสร็จพิธีพ่อพราหมณ์ได้โปรยข้าวตอกดอกไม้ที่โต๊ะของสังเวยเพื่อความเป็นสิริมงคลและบ่งบอกว่าพิธีการเป็นอันสิ้นสุด "มานี่สิ พ่อหนุ่ม" พ่อพราหมณ์เรียกคีตะ "คีย์ พ่อพราหมณ์เรียก" แพรวพราวหันไปช่วยเรียกคีตะเมื่อเขายังไม่หันไปหา "เรียกผมหรือ" เขายังสงสัย "ใช่" พ่อพราหมณ์ตอบสั้นแต่ชัด "เอาผลไม้นี่กลับไปทาน ช่วงนี้อย่าทานของจากคนที่ไม่รู้จัก แล้วก็เอาด้ายสายสิญจน์นี่ผูกข้อมือไว้ด้วย" พ่อพรามณ์ไม่เกริ่นถึงต้นสายปลายเหตุอะไรกับคีตะ เพียงแค่สั่งออกมาตามนั้น "แม่หนูคนนั้นด้วยมานี่สิ" พ่อพราหมณ์เรียกมนต์ชญา "หนูด้วยหรือคะ" มนต์ชญาไม่แน่ใจเพราะไม่คิดว่าเด็กทีมงานอย่างเธอพ่อพราหมณ์จะเรียก "อืม มา" พราหมณ์ยังคงใช้น้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเคย "เอาด้ายนี่ติดตัวไว้ก็พอ เธอเองก็มีของดีอยู่แล้ว ดูแลเขาด้วยแล้วกัน" พราหมณ์หมายถึงให้มนต์ชญาดูแลคีตะ เพราะท่านหันหน้าไปทางคีตะขณะที่บอกเธอ แล้วพ่อพราหมณ์ก็เดินหันไป เตรียมตัวกลับ "สวัสดีคร้าบบบ บ๊ายบายน๊า" กระจิ๊ดริดกระจ้อยร่อย ยืนโบกมือบ๊ายบายให้พ่อพรามณ์ที่ก้าวขึ้นรถด้วยหน้าตาหน้าทะเล้นและน่าเอ็นดู "อืม" พ่อพรามณ์หันมายิ้มแล้วพยักหน้าให้เบาๆ ท่ามกลางความงุนงงสงสัยของมนต์ชญาและคีตะ แพรวพราวเองก็สงสัยไม่น้อยไปกว่ากัน "อะไรกันเนี่ย" คีตะมองด้ายสายสิญจน์ที่อยู่ในมือ "เอาฉันให้เธอ ขี้เกียจเอากลับ" เขายกถาดผลไม้พร้อมด้ายสิญจน์ที่พราหมณ์ให้เขามายื่นคืนให้กับมนต์ชญา "แต่คุณคีตะต้องทานนะคะเพื่อความเป็นศิริมงคล" มนต์ชญายื่นกลับไปให้เขา "จริงด้วยคีย์ พี่ว่าก็ดีนะจะได้เฮงๆ ช่วงนี้คีย์ดูมีอะไรแปลกๆบอกไม่ถูก" แพรวพราวเสริมคำพูดมนต์ชญา "ผมว่าพี่มากกว่าที่แปลกผมไม่ค่อยอินกับเรื่องพวกนี้เท่าไรครับ ผมว่าผมเป็นคนดีไม่ได้ทำอะไรชั่วไม่น่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับผมหรอกส่วนเรื่องเฮงทุกวันนี้ผมก็ทั้งเฮงทั้งปังอยู่แล้ว แล้วถ้าจะให้ผมมาผูกด้ายสีขาวนี่ที่แขนมันเสียบุคลิกของผมหมดมันไม่เข้ากันกับเสื้อผ้าด้วย" คีตะคัดค้านด้วยความมั่นในในตัวเอง แล้วก็รีบเดินออกไปจากพื้นที่ตรงนั้น "ตาคีย์ดื้ออีกแล้ว เอ...แต่ว่าเมื่อกี้พี่ได้ยินพ่อพราหมณ์ท่านพูดกับน้ำมนต์ว่าให้ดูแลคีย์ด้วยหมายความว่ายังไงนะ" แพรวพราวติดใจในคำพูดนั้น "น้ำมนต์ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ" วันนี้ทั้งวันหลังจากจบงานมนต์ชญายังขบคิดถึงคำพูดของพ่อพราหมณ์ที่ทิ้งท้ายเอาไว้ให้เธอ ...........................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD