ตามกลับมาเป็นบอดี้การ์ด

1441 Words
"ตื๊ดดดด" เสียงโทรศัพท์มือถือของมนต์ชญาดังขึ้นแต่เช้า "พี่แพรวหรือ มีอะไรนะ" มนต์ชญามองดูหน้าจอที่แสดงชื่อแพรวพราวด้วยท่าทางลังเลว่าจะรับดีหรือไม่ "สวัสดีค่ะพี่แพรว" เธอตัดสินใจรับสาย "น้ำมนต์ โหยดีใจที่รับสาย" น้ำเสียงแพรวพราวตื่นเต้นเมื่อได้คุยกับเธอ "พี่แพรวมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ" "คือพี่อยากให้น้ำมนต์กลับมาทำงานกับพี่อีก" "น้ำมนต์คงกลับไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะพี่แพรว คุณคีตะเขาเกลียดขี้หน้าน้ำมนต์จะตาย" มนต์ชญาทำเสียงเซ็ง "เรื่องคีย์พี่เคลียร์ได้นะน้ำมนต์กลับมาทำกับพี่เถอะ พี่ไม่ได้ให้น้ำมนต์มาเป็นสต๊าฟนะ พี่ให้น้ำมนต์มาเป็นผู้ช่วยพี่โดยตรงช่วยดูแลคีย์โดยเฉพาะ" "โหย ช่วยดูแลคุณคีตะยิ่งหนักกว่าเดิมเลยค่ะ น้ำมนต์เกรงว่า..." "พี่ให้เงินเดือนเธอเดือนละหมื่นห้า โอทีต่างหากส่วนเรื่องเวลาเรียนไม่ต้องห่วงเธอไปเรียนไปสอบได้ปกติโดยพี่ไม่หักเงินเธอเลย" เมื่อเห็นน้ำมนต์ตั้งท่าจะปฏิเสธอีกแพรวพราวก็รีบตัดบทแบบรวบรัดตัดตอนด้วยข้อเสนอดีๆ "หมื่นห้า!" สำหรับเด็กต่างจังหวัดอย่างเธอถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก "แต่น้ำมนต์ทิ้งกำปั่นไม่ได้เราไปทำงานด้วยกันแล้วถ้าวันนี้น้ำมนต์จะได้งานคนเดียวมันก็ลำบากใจนะคะพี่แพรว" "เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะให้กำปั่นได้กลับไปทำงานเหมือนเดิมทุกอย่าง" ด้วยความที่แพรวพราวเป็นผู้จัดการมือดีมีดารานักแสดงดังๆอยู่ในสังกัดเธอหลายคนรวมถึงเป็นโมเดลลิ่งคัดเลือกนักแสดงที่แจ้งเกิดมาแล้วหลายคน เธอจึงค่อนข้างมีอำนาจต่อรองหลายๆอย่างในบริษัทและสามารถฝากงานกับทีมผู้จัดหลายๆคนได้ "ถ้างั้นน้ำมนต์ก็ตกลงค่ะ" น้ำมนต์ตอบพร้อมหันไปมองหน้าเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความดีใจ "แต่พี่มีอยู่เรื่องนึงนะที่อยากให้น้ำมนต์มาดูแลคีย์เป็นพิเศษ สิ่งที่พี่ตั้งใจอยากให้น้ำมนต์ทำก็คือช่วยเป็นบอดี้การ์ดป้องกันบรรดาผีและวิญญาณทั้งหลายที่มันทยอยโผล่เข้ามาช่วงนี้น่ะ พี่ไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่พี่รู้สึกว่ามันเริ่มเข้าใกล้คีย์มากขึ้นทุกทีอย่างที่น้ำมนต์เคยบอกกับคีย์ครั้งก่อน" "แล้วคุณคีตะเขาจะยอมให้น้ำมนต์เข้าใกล้หรือคะเวลาน้ำมนต์ห้ามอะไรเขาจะตะเพิดน้ำมนต์ออกไปล่ะสิไม่ว่า" มนต์ชญายังอดเป็นกังวลไม่ได้ "ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ น้ำมนต์ทำใจสบายๆแล้วก็เตรียมเครื่องมือในการปราบผีมาให้ดีแล้วกัน" แพรวพราวกำชับหนักอยู่เรื่องเดียว "สรุปว่าฉันต้องไปเป็นบอดี้การ์ดพิทักษ์วิญญาณให้ตาขี้ตาขี้เก็กนั่นจริงๆหรือ หึ! คอยดูนะจะปล่อยให้ผีหลอกดูเสียบ้าง" "ตาขี้ตาฮ่าๆๆๆนี่แกอย่าไปเรียกให้เขาได้ยินเข้าล่ะ เรียกซะหมดหล่อเลย" กำปั่นหัวเราะชื่อที่เพื่อนตั้งให้ซุปตาร์ใหม่ "ขี้ตาๆๆๆๆ" กระจิ๊ดริดกระจ้อยร่อยเรียกชื่อนั้นตาม ทั้งสองคนหัวเราะชอบใจเมื่อได้นินทาคนที่ไม่ชอบขี้หน้าพวกเธอ โดยมีสองรักยมน้อยหัวเราะประสานเสียงเล็กแหลมร่วมด้วย ........................... "คีตะแต่งตัวเรียบร้อยหรือยังนะ" หลังจากวางสายมนต์ชญาแล้วแพรวพราวที่กำลังขับรถมุ่งหน้าไปรับคีตะก็เลี้ยวรถเข้าซอยบ้านเขา เมื่อลงจากรถได้เธอก็ยังคงมีอาการระแวงอยู่ด้วยความหลอนจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ "คีย์ เสร็จยังจ๊ะพี่มารับแล้ว" แพรวพราวมักจะเป็นคนมารับคีตะเพื่อไปทำงานเสมอๆเพื่อความคล่องตัวเพราะเขาค่อนข้างคิวทอง "ตาคีย์! นี่ยังไม่อาบน้ำแต่งตัวอีกหรือ แล้วอย่าบอกว่าเมื่อคืนนอนที่นี่" แพรวพราวโหวกเหวกเมื่อเห็นเขายังอยู่ในชุดเดิมเมื่อวานนี้และนอนตรงที่โซฟา "อ้าวพี่แพรว" คีตะยังอยู่ในอาการง่วงเหมือนคนไม่มีแรง "ไปๆอาบน้ำแต่งตัวมีฟิตติ้งละครเรื่องใหม่เดี๋ยวไม่ทัน" แพรวพราวดึงแขนเขาให้ลุกขึ้น "ผมจะไปหามิกกี้ ผมนัดมิกกี้ไว้" เขาพูดคล้ายละเมอ "จะมามิกกี้อะไร เราต้องไปทำงาน" "ไม่อ่ะ ผมไม่อยากไป เหมือนเสียงมิกกี้มาเรียกผมข้างๆหู ผมต้องไปหาเขา" คีตะยังยืนยันจะไปหาแฟนคลับที่ชื่อมิกกี้ให้ได้ "ไปอาบน้ำเดี๋ยวพี่พาไปหามิกกี้" แพรวพราวออกอุบาย "โอเคครับ" คราวนี้คีตะพูดอย่างว่าง่าย "เกิดอะไรขึ้นนะคำก็มิกกี้สองคำก็มิกกี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" แพรวพราวเท้าเอวครุ่นคิด "คอแห้งจัง" อาการคีตะยังเหมือนคนนอนไม่พอ เมื่อก้าวขึ้นรถขึ้นมาได้คีตะก็หันซ้ายหันขวามองหาน้ำ "แคร๊ก อึกๆๆๆๆ" เสียงคีตะบิดเกลียวฝาขวดน้ำพลาสติคที่ตั้งอยู่ช่องวางของข้างคนขับแล้วยกขึ้นมาดื่ม "ห๊ะ! ตาคีย์ นี่เธอดื่มน้ำ"แพรวพราวหันไปเห็นร้องเสียงหลง "ครับดื่มน้ำ แล้วยังไงครับ" เขาทำท่างงที่แพรวพราวตกใจ "นั่นมันน้ำ.." แพรวพราวอ้าปากค้างน้ำมนต์ที่มนต์ชญาให้ไว้เพื่อใช้ในยามคับขันถูกเขาดื่มเขาไปจนเกลี้ยงไม่เหลือแม้สักหยด "ก็น้ำเปล่าไงครับ อ่อลืมไปขอโทษทีถ้าหากว่ามันมีอยู่แค่ขวดเดียวแล้วผมดันแย่งพี่ "อ๋อยยย ให้มันได้แบบนี้" แพรวพราวหน้าจ๋อยที่น้ำมนต์ไล่ผีของเธอหายเกลี้ยง "พี่จะให้น้ำมนต์มาเป็นผู้ช่วยพี่ดูแลคีย์นะ" อยู่ดีๆแพรวพราวก็พูดโพล่งขึ้นมา "เอามาทำไมครับพี่แพรวคนเดียวก็ดีอยู่แล้วนี่ครับ" "ตอนนี้คิวงานคีย์ค่อนข้างแน่นแล้วพี่ก็ต้องดูแลดารานักแสดง ศิลปินคนอื่นๆด้วยพี่เลยอยากได้น้องเขามาช่วย น้องเขาเรียนรู้ไวแล้วที่สำคัญจ้างเขาไว้ใจได้พี่เชื่อใจน้ำมนต์" "แต่ผมไม่เชื่อใจ เขาเสียมารยาทกับแฟนคลับของผม" "แต่พี่ทำงานเข้าขากับน้ำมนต์ที่สุดแล้วเด็กคนนี้มีแววในการทำงาน ขยัน ซื่อสัตย์ อดทนมีครบ พี่เหนื่อยนะคีย์ จะหาคนที่ทำงานรู้ใจกันได้มันยากมากโดยเฉพาะคนที่ไว้ใจได้เราเป็นคนของประชาชน เป็นบุคคลสาธารณะถ้าได้คนที่ไม่น่าไว้ใจมาทำงานด้วยเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากสำหรับศิลปินชื่อดังอย่างเรา" แพรวพราวนับว่าเป็นนักเจรจาที่ตัดจบการขายได้อย่างรวดเร็ว เธอพูดรัวเร็วไม่มีเว้นวรรค "ตามใจ" คีตะตอบแบบเสียไม่ได้ อาการที่ดูสะลึมละลือของคีตะหายไปหลังจากดื่มน้ำมนต์จนหมดขวด คำพูดที่โต้ตอบฉะฉานแสดงความเป็นคีตะคนเดิมกลับมาทุกประการ "แล้วทำไมถึงอยากไปหามิกกี้" แพรวพราวแกล้งถาม "ไปทำไมครับใครจะไป" เขาถามเหมือนไม่ใช่คนที่พูดประโยคนั้นออกมา "อ้าวก็เมื่อเช้าเหมือนเธอจะไปหามิกกี้เสียให้ได้ พี่ก็เลยถามเธอนี่ไงว่าทำไมถึงอยากจะไป" "ผมหรือครับที่อยากไปหา" คีตะเอานิ้วชี้เข้าหน้าตัวเองเหมือนต้องการถามว่าใช่เขาหรือ "ไม่มีอะไรนะครับเขาก็แค่แฟนคลับไม่มีธุระที่จะต้องไปหานี่ครับ เมื่อวานเขาก็แค่เอาเค้กร้านโปรดมาให้ก่อนขึ้นเวที" คีตะเล่าเท่าที่จำได้ "แต่เมื่อวานที่หน้าเวทีพี่เห็นคีย์เดินมาจับมือแต่กับยัยน้องมิกกี้" "ผมว่าผมก็ทักทายทุกคนทั่วถึงนะครับแต่คนอาจจะเยอะมากผมเองก็เหนื่อยๆเบลอๆจำไม่ค่อยได้แล้วด้วยสิ สงสัยช่วงนี้ต้องงดของหวานซะแล้วเมื่อวานทานเค้กไปแค่ไม่กี่ชิ้นก็รู้สึกง่วง เพลีย มึนหัว เอหรือเราจะเป็นเบาหวาน" "คีย์ว่าอะไรนะ หลังจากทานเค้กก็มึนแล้วเพลียหรือ" "ครับ ช่วงนี้คงต้องลองงดของหวานน้ำหวานดู ทานเยอะไปหน่อยของจากแฟนคลับทั้งนั้น" "พี่ว่าก็ดีนะ" แพรวพราวเออออเพราะคิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจากของฝากทั้งหลาย ......................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD