ผีเก่าไปผีใหม่มา

878 Words
"ตามมันไป ไปทำหน้าที่ของมึง นังชบา" เสียงทุ่มกังวาลของชายชุดสีดำพูดขึ้นเพียงลำพัง พูดเพียงเท่านั้นชายผู้นั้นก็สวดภาวนาต่อ ผู้รับคำสั่งที่ถูกเรียกว่านังชบาพยักหน้ารับคำสั่งโดยปราศจากเสียงใด หลังจากจบจากพิธีบวงสรวง แพรวพราวก็พาคีตะกลับบ้านเพราะวันนี้ไม่มีคิวงานต่อ ทำให้เขาได้กลับไปพักผ่อน "ถึงบ้านแล้วก็พักผ่อนนะคีย์ ออมแรงไว้ลุยงานต่อ หลังจากวันนี้คิวงานยาวๆเลยนะ" "ครับพี่แพรวเจอกันครับ" "เจอกันจ้ะ บาย" "เอี๊ยดดดด บ้าเอ้ยข้ามถนนดูคนหน่อยสิคุณ" เสียงเบรครถของแพรวพราวตามด้วยการลดกระจกรถลงหวังจะดูหน้าคนเดินตัดหน้ารถเสียหน่อย เธอต้องเบรครถกระทันหันเพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินก้มหน้าตัดหน้ารถเธอไปตอนที่เธอกำลังขับรถออกจากหน้าบ้านของคีตะ "ซอยแถวนี้เป็นอะไรนะมีแต่คนชอบเดินตัดหน้ารถ อ้าวหายไปไหนแล้ว" เมื่อเธอลดกระจกลงแล้วชะโหงกหน้าออกไปดูก็ไม่เจอคู่กรณีเลย แต่เมื่อเธอเริ่มเคลื่อนรถไปต่อแล้วมองกระจกหลัง เธอกลับเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านเข้าไปยังประตูรั้วบ้านคีตะ แพรวพราวตัดสินใจถอยรถเพื่อไปดูอีกครั้ง เพราะเธอกลัวว่าจะมีพวกแฟนคลับคลั่งรักทั้งหลายแอบมาเฝ้าคีตะหรือจ้องจะบุกเข้าหาเขาหรือเปล่า "หายไปไหนนะ ประตูรั้วก็ปิดแล้วนี่" แพรวพราวมาจอดรถที่หน้ารั้วบ้านก็ไม่เจอใคร "ฮัลโหล คีย์ มีใครมาหาคีย์ที่บ้านหรือเปล่า" แพรวพราวตัดสินใจโทรหาคีตะเพื่อความแน่ใจ "ฮัลโหล พี่แพรว ไม่มีนะครับ ใครครับมาหา" คีตะเปิดประตูกระจกบ้านออกมามองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นจะมีใคร "โอเคจ้ะไม่มีก็ดีแล้ว" "มีอะไรหรือเปล่าครับพี่แพรว" "ไม่มีจ้ะ พี่แค่เห็นคนเดินผ่านไปที่หน้าบ้านคีย์ท่าทางแปลกๆก็เลยกลัวว่าจะเป็นพวกแฟนคลับของคีย์มาแอบดักเจอที่หน้าบ้านน่ะสิ งั้นคีย์ปิดประตูหน้าต่างดีๆล่ะ" เมื่อได้คำตอบแพรวพราวก็วางใจแต่ไม่วายสงสัยว่าคนเมื่อกี้หายไปไหน "ครับพี่ สั่งเป็นเด็กเลย" คีตะแอบบ่นเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจในความเป็นห่วงของผู้จัดการที่ดูแลเขามานานจนเหมือนพี่สาวคนหนึ่ง เมื่อเขาวางสายจากแพรวพราวและหันหลังเข้าบ้านนั้น สายลมก็พัดแรงผ่านหน้าเขาไป ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในบ้านเขาโอนเอนไปมาราวกับว่ามีคนปีนอยู่บนต้นแล้วกำลังขย่มให้มันสั่นไหว เหมือนฉากในละครที่เขาเล่นไม่มีผิด "ฝนจะตกหรือ ลมแรงแบบนี้" คีตะแค่รู้สึกถึงแรงลมที่พัดมาเท่านั้นแต่ไม่ได้เอะใจถึงความผิดปกติอันใด ........................... "ดูสิแก ตาขี้ตาไม่เอาใส่สายสิญจน์ที่พ่อพราหมณ์ให้มา ไหนจะผลไม้อีก" มนต์ชญาบ่นกับกำปั่นตอนช่วยกันเก็บของ "ดีสิเราก็จัดการเองเลยถ้าแกไม่เอาฉันกินเอง" กำปั่นคิดว่านี่คือลาภปาก "แกจะคิดมากอะไรเขาไม่เอาก็ช่างเขาสิ" กำปั่นพูดอีกเมื่อเห็นเพื่อนสาวหน้านิ่วคิ้วขมวด "ฉันแค่ติดใจคำที่พ่อพราหมณ์พูดมากกว่า" "ก็น่าจะไม่มีอะไรมั้งแก อย่าคิดเยอะ คุณคีตะเขาไม่เห็นจะคิดอะไรเลย" "นั่นสิ เจ้าตัวยังไม่คิดงั้นเราก็ไม่ควรคิด" มนต์ชญาทำหน้าแก้มป่องดูเหมือนงอน .................. ในคืนนี้เองคีตะเริ่มมีอาการไม่ปกติอีกครั้ง "คุณเป็นใคร" เสียงคีตะพูดขึ้นมาด้วยอาการละเมอ "เข้ามาในบ้านผมได้ยังไง" เขาถามไปแต่ไม่ได้คำตอบกลับมา "เดี๋ยวคุณจะไปไหน" เหมือนว่าบุคคลปริศนากำลังอยากจะให้เขาตามไป "ตื้ดดดดดด" เขาตื่นขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น "สวัสดีครับ" "คุณคีตะคะ น้ำมนต์เองค่ะ" "เฮ้อออเธอเองว่าไง นี่กี่โมงแล้วเนี่ย" เขาอารมณ์เสียนิดๆที่ถูกปลุกแต่เช้า "พี่แพรวให้โทรมาเตือนคุณว่าวันนี้เจอกันที่สตูดิโอถ่ายรายการสัมภาษณ์ที่ใหม่ พี่แพรวไม่ได้ไปรับค่ะ" "อืม เข้าใจแล้ว แล้วนี่เบอร์โทรเธอใช่ไหมจะได้เมมไว้" เขาไม่แปลกใจมากที่มนต์ชญาโทรมาเพราะแพรวพราวเกริ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วที่จะให้เธอมาช่วย "ค่ะ" น้ำมนต์วางสายเมื่อเขารับทราบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อตื่นเต้นนิดๆก็ไม่เชิง แพรวพราวเริ่มให้เธอช่วยงานดูแลคีตะอย่างง่ายๆไปก่อนเช่นการโทรประสานงานกับเขา "สรุปฉันฝันไปหรือ บ้าจริงเชียว" คีตะบ่นเมื่อทบทวนความฝันอีกครั้ง เขายังไม่ทันได้รู้ว่าใครกันในความฝัน เหมือนพยายามจะให้เขาเดินตามไปให้ได้ ...................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD