แต่! พ่อของเธอโกหกทั้งเพ เพราะนาทีนี้เธอรู้แล้วว่า พ่อเลี้ยงตรินและพ่อเลี้ยงวริทธิ์ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอก็เป็นลูกอีกคนของพ่อ
“หนูชื่ออะไรน่ะครับ”
พ่อเลี้ยงตรินเอ่ยถามอีกครั้ง หลังจากเห็นพิมพ์มาดาหน้าถอดสี และนิ่งเงียบไปนานราวกับกำลังตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
“พิมพ์มาดาค่ะ คุณแม่เรียกว่าพิมค่ะ”
เอ่ยตอบไปแล้ว พิมพ์มาดาก็ยังหวั่นเกรงว่าจะไม่ได้รับการต้อนรับจากพ่อเลี้ยงตริน แต่เธอคิดผิด เมื่อท่านดึงตัวเธอไปกอดพร้อมกับเอ่ยต้อนรับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ขอต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวของเรา ต่อไปหนูพิมจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวลุง ทุกคนในวริทธ์ฟาร์มจะรักและเคารพยกย่องหนูให้เป็นแม่เลี้ยงของที่นี่”
พิมพ์มาดาถึงกับบ่อน้ำตาตื้นหลังจากได้ยินคำต้อนรับจากพ่อเลี้ยงตริน อ้อมกอดจากพ่อเลี้ยงตริน ช่างอบอุ่นซะยิ่งกว่าอ้อมกอดจากบิดาของเธอซะอีก
“พิม...กราบขอบคุณพ่อเลี้ยง ที่ไม่รังเกียจลูกคนใช้อย่างพิม”
“ลุงไม่รังเกียจหรอกลูก ขึ้นไปบนบ้านเถอะ หนูพิมเดินทางมาเหนื่อยๆ จะได้ไปพักผ่อนก่อน เดี๋ยวค่ำๆ หนูพิมก็จะได้เจอกับเจ้าวริทธิ์แล้ว”
“ค่ะพ่อเลี้ยง”
พิมพ์มาดาคลี่ยิ้มกว้าง ขณะเดินตามพ่อเลี้ยงตรินขึ้นไปบนบ้านพัก ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ เธอก็จะได้พบกับเจ้าหนี้คนสำคัญของเธอแล้ว นั่นก็คือพ่อเลี้ยงวริทธิ์นั่นเอง
พ่อเลี้ยงวริทธิ์พาร่างใหญ่กำยำก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในบ้าน พอเดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นภายในบ้านพัก ก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อเห็นบิดานั่งอยู่บนโซฟา มีหนังสือพิมพ์ในมือ น้ำชาในแก้วใสถูกดื่มไปจนหมดแล้ว บ่งบอกให้รู้ว่าท่านคงรอเขาไม่ต่ำกว่าสี่ห้าชั่วโมง
“คุณพ่อ...ยังไม่นอนอีกหรือครับ”
พ่อเลี้ยงวริทธิ์เอ่ยถาม พลางทรุดกายลงนั่งตรงข้ามกับบิดา สีหน้าเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนักทั้งวัน
พ่อเลี้ยงตรินวางหนังสือพิมพ์ลง มองลูกชายอย่างตำหนิ ขณะเอ่ยตอบให้คนถามต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งด้วยความแปลกใจ
“พ่อรอวริทธิ์อยู่”
“คุณพ่อมีเรื่องด่วนหรือเปล่าครับ”
พ่อเลี้ยงวริทธิ์เอ่ยถามบิดา แต่แทนที่จะได้รับคำตอบ กลับถูกบิดาตั้งคำถามกลับคืน
“ทำไมวันนี้กลับบ้านดึกมาก”
พ่อเลี้ยงวริทธิ์ก้มลงมองนาฬิกาเรือนแพงบนข้อมือสีแทน พลางเอ่ยแก้ตัว “เที่ยงคืนครึ่ง ไม่ดึกเลยนะครับคุณพ่อ ปกติผมกลับดึกกว่านี้อีกนี่ครับ”
พ่อเลี้ยงตรินพยักหน้ากับคำตอบ แล้วเอ่ยบอกต่อแกมตำหนิไปในตัว
“วริทธิ์จำไม่ได้หรือยังไง วันนี้พ่อบอกให้กลับบ้านเร็วหน่อย เพราะเจ้าสาวของแกจะเดินทางมาถึงในตอนบ่าย”
คราวนี้พ่อเลี้ยงวริทธิ์ถึงกับพยักหน้างึกๆ ยิ้มเหยียดตรงมุมปาก เมื่อนึกถึงว่าที่เจ้าสาวที่ถูกส่งมาให้เขา ‘เชือด’ ถึงถิ่น
“อืม...ผมลืมซะสนิทว่าวันนี้ผมจะได้เข้าห้องหอกับอลีน่า ลูกสาวคนสวยของลูกหนี้รายใหญ่ของพวกเรา เห็นทีว่าผมต้องรีบแล้ว ป่านนี้ว่าที่เจ้าสาวของผมคงนอนรอจนแห้งเหี่ยวไปแล้ว”
เพราะเข้าใจผิดคิดว่า อลีน่าคือว่าที่เจ้าสาวที่ถูกส่งมาล้างหนี้ พ่อเลี้ยงวริทธิ์จึงเค้นเสียงเยาะหยัน นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาสืบประวัติของหญิงสาวจนล่วงรู้มาแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นเละมากเพียงใด
“เดี๋ยวก่อนวริทธิ์”
ผู้เป็นพ่อเอ่ยเรียก กำลังจะบอกว่าเจ้าสาวไม่ใช่อลีน่า แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะร่างใหญ่กำยำผุดลุกขึ้นยืนเดินตรงไปยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว
พิมพ์มาดารีบวิ่งกลับตรงไปที่เตียงนอน คว้าผ้าห่มมาคลุมโปงใจเต้นแรงแทบทะลุออกมาข้างนอก ขณะแอบฟังการสนทนาระหว่างพ่อเลี้ยงตรินกับพ่อเลี้ยงวริทธิ์ กระทั่งรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเดินตรงมายังห้องนอนแล้ว
มือบางที่กำผ้าห่มไว้ เย็นเฉียบไม่ต่างจากน้ำแข็ง เหงื่อแตกพลั่กกับเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่เดินเข้ามาในห้องนอน และแน่นอนว่ากำลังตรงมายังเตียงนอนที่เธอนอนคลุมโปงอยู่ในขณะนี้
พ่อเลี้ยงวริทธิ์เลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อเข้ามาในห้องนอนแล้วแทนที่จะเห็นว่าที่เจ้าสาวนอนเปลื้องผ้ารอเขา กลับพบว่าบนเตียงนอน มีใครบางคนนอนคลุมโปงอยู่แทนที่
“สวัสดี เจ้าสาวคนสวยและกร้านโลก”
มือใหญ่กระชากผ้าห่มออก โดยไม่ลืมเค้นเสียงเยาะหยันในตอนท้ายด้วย นั่นก็เป็นเพราะรู้ดีว่าอลีน่าเป็นดั่งที่เขาเยาะหยันจริงๆ
แต่พอเห็นใบหน้างามของคนที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ที่กำลังจ้องมองเขาราวกับกระต่ายน้อยหวาดกลัวราชสีห์ พ่อเลี้ยงวริทธิ์ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งด้วยความแปลกใจอีกรอบ
“คุณเป็นใคร ทำไมมาอยู่ในห้องของผมได้”
ดวงตาคมกริบที่จ้องมองเขม็ง ใบหน้าคมมีเคราขึ้นเต็มสันคาง ส่งให้พ่อเลี้ยงวริทธิ์แลดูน่าเกรงขาม กอปรกับน้ำเสียงที่เค้นถามห้วนๆ ทำเอาพิมพ์มาดาหวาดกลัวตัวสั่น เอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกัก
“ฉัน...ฉันชื่อ...พิมพ์มาดา...เป็นลูกของพ่อปกรณ์ เอ่อ...เอ่อ...ฉันมาทำตามคำสั่งของคุณ ที่ยื่นข้อเสนอไปกับครอบครัวของเรา”
“มาทำหน้าที่เมียล้างหนี้?”
พ่อเลี้ยงวริทธิ์เสียงเยาะหยัน ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวเขม็ง ยอมรับว่าหญิงสาวสวยคม นัยน์ตาดุไม่ต่างจากนางเสือคนนี้เป็นที่ถูกใจเขามาก
พิมพ์มาดากัดเม้มริมฝีปากไว้แน่น แม้จะหวาดกลัวพ่อเลี้ยงวริทธิ์มากเพียงใด แต่ก็ซ่อนความหวาดกลัวไว้ข้างใน ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นดั่งนางพญา ยอมรับสถานะของตนเอง
“ใช่! ฉันมาทำหน้าที่เมียล้างหนี้ให้กับครอบครัวของฉัน และฉันต้องการรู้ด้วยว่าฉันจะได้รับอิสระ หมดภาระหน้าที่นี้เมื่อไร”
“ล่อเป็นชุดเลยนะ พิมพ์มาดา”
พ่อเลี้ยงวริทธิ์ยิ้มหยันตรงมุมปาก พลางเอ่ยตอบอย่างหยิ่งทะนงตน โดยไม่ลืมถอดเสื้อเชิ้ตออกจากร่างใหญ่กำยำด้วย
“ผมไม่เคยใช้ผู้หญิงเกินหนึ่งเดือน ไม่เคยนอนและควงใครนานไปกว่านี้
เพราะฉะนั้นอย่าห่วงไปเลยว่าผมจะพิศวาสรักใคร่ กระทั่งยอมให้คุณอยู่กับผมนานไปกว่าหนึ่งหรือสองเดือน”