พ.ต.ท.ปวรุตม์ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพไปถึงจังหวัดเลยเกือบ 8 ช.ม. เขาแวะปั้มเพื่อเติมน้ำมันและดูแผนที่คร่าวๆ จากตัวเมืองไปยังหมู่บ้านโคกสำราญเป็นระยะทางอีก 20 กิโลเมตร
เมื่อออกจากปั้มแล้ว ปวรุตม์ขับรถช้าๆ มุ่งสู่หมู่บ้านโคกสำราญ ระหว่างขับรถก็สังเกตเห็นว่าทั้งสองข้างทางอุดมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ นานาพรรณ สายตาคมกริบมองเลยไปยังภูเขาที่อยู่ไกลลิบออกไป เห็นได้ว่าพื้นที่ป่าเขาค่อนข้างสมบูรณ์ สารวัตรหนุ่มไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่จึงมีการลอบตัดไม้ค้าไม้เถื่อน เพราะผืนบป่าค่อนข้างสมบูรณ์และอยู่ไกลจากเขตชุมชน
ปวรุตม์ชะลอรถมองป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่เขียนบอกชื่อหมู่บ้านและชี้ทางไปสถานที่ราชการ สารวัตรหนุ่มขับไปตามเส้นทางเรื่อยๆ ก่อนจะมาถึงสถานีตำรวจภูธรบ้านโคกสำราญ ร่างสูงใหญ่บึกบึนกระโดดลงจากรถแลนด์โรเวอร์ บิดตัวไล่อาการเมื่อยขบหลังจากที่ขับรถมานานหลายชั่วโมง ปวรุตม์เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเรือนแพงสี่โมงเย็นพอดี เขาเงยหน้ามองป้ายชื่อสภ.อีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
นายตำรวจประจำสภ.โคกสำราญได้รับแจ้งข่าวล่วงหน้าแล้วว่าสารวัตรคนใหม่จะเดินทางมาถึงวันนี้ ด้วยท่วงท่าการเดินที่ดูสง่างามภูมิฐาน รัศมีของคนที่เป็นผู้นำแผ่ออกมารอบกาย ทำให้ตำรวจทุกนายในสภ. ต่างก็ลุกขึ้นยืนแล้วตะเบ๊ะทำความเคารพสารวัตรคนใหม่
ดาบผิวนายตำรวจที่อาวุโสที่สุดในสภ. และเป็นคนในท้องที่เป็นตัวแทนกล่าวคำต้อนรับสารวัตรคนใหม่
“สวัสดีครับท่านสารวัตร สภ.บ้านโคกสำราญยินดีต้อนรับครับ”
พ.ต.ท.ปวรุตม์ยิ้มเรียบๆ พยักหน้ารับการตะเบ๊ะทำความเคารพจากตำรวจทุกนาย
“ทำตัวตามสบายเถอะครับ ผมยินดีที่ได้มาร่วมงานกับทุกๆ ท่าน ผมอาจจะมีประสบการณ์น้อยกว่าทุกท่านในที่นี้ ถ้ายังไงก็ขอน้อมรับคำแนะนำจากทุกๆ ท่านและก็ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นประชากรเมืองเลยด้วยนะครับ”
สารวัตรปวรุตม์เอ่ยกับนายตำรวจทุกนายที่ล้วนแต่อาวุโสสูงวัยทั้งอายุชีวิตและอายุการรับราชการ
ปวรุตม์ยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ในใจเขาเรียนรู้มาจากบิดาเรื่องการปกครองลูกน้องใต้บังคับบัญชา จะปกครองคนให้อยู่ใต้อาณัติก็ต้องรู้จักทำตัวอ่อนนอกแข็งใน อ่อนน้อมถ่อมตน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง กล้าทำ กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาด...
ดาบผิวกับตำรวจนายอื่นๆ ต่างก็สะกิดกันแล้วยิ้มอย่างโล่งอกเมื่อเห็นท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ถือตัวถือยศของสารวัตรคนใหม่ ตอนที่ได้รับแจ้งข่าวว่าสารวัตรคนใหม่ที่จะมาประจำการที่โคกสำราญ เป็นถึงลูกนายพลนามสกุลดังเป็นที่รู้จักไปทั่ววงการสีกากี สีเขียว นายตำรวจทุกนายต่างหวาดหวั่นว่าสารวัตรคนใหม่คงจะถือตัว บ้าอำนาจ เจ้ายศเจ้าอย่าง แต่เมื่อทุกคนได้เห็นท่าสบายๆ เป็นกันเองของสารวัตรคนใหม่ ต่างก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก
สารวัตรปวรุตม์ลอบสังเกตอากัปกริยาของลูกน้องแต่ละคนแล้วก็แอบซ่อนรอยยิ้ม “ช่วยพาผมไปดูห้องทำงานหน่อยได้มั้ยครับ”
“เชิญครับท่านสารวัตร” ดาบผิวเป็นคนเอ่ยเชิญเหมือนเดิม
“ทุกคนเรียกผมว่าสารวัตรเฉยๆ ก็ได้ครับ หรือจะเรียกว่าปวรุตม์ก็ได้ ไม่ต้องมีคำว่าท่านหรอก ฟังแล้วไม่ค่อยคุ้นหู” สารวัตรปวรุตม์เอ่ยบอกยิ้มๆ แล้วเดินตามดาบผิวเข้าไปในห้องทำงาน
ห้องทำงานของสารวัตรคนใหม่ถูกตกแต่งปรับเปลี่ยนโต๊ะเก้าอี้ให้ดูโอ่อ่าสมกับตำแหน่งฐานะ หลังจากดูห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว ดาบผิวก็พาสารวัตรคนใหม่ไปยังบ้านพัก ปวรุตม์เดินผ่านบ้านหลังเล็กชั้นเดียวทาสีขาวสะอาดสว่างตาก็เอ่ยถามดาบผิวด้วยความสนใจ
“บ้านหลังสีขาวที่ติดกับบ้านพักของผมเป็นบ้านของใครครับ”
ดาบผิวมองไปยังบ้านหลังสีขาวที่อยู่ติดกับรั้วของสภ. และอยู่ติดกับบ้านพักของสารวัตรคนใหม่ก่อนจะเอ่ยตอบ
“บ้านของกำนันยศศักดิ์ ตอนนี้ท่านให้คุณพัฒนาชุมชนเช่าอยู่ครับ”
ปวรุตม์หันไปมองบ้านหลังสีขาวด้วยความสนใจ กำลังนึกว่าพัฒนาชุมชนที่ดาบผิวเอ่ยถึงจะเป็นยายนาราตัวแสบของเขาหรือเปล่า สารวัตรหนุ่มก้าวตามดาบผิวเข้าไปในบ้านแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นบรรยากาศภายในตัวบ้าน บ้านหลังเล็กแต่ดูอบอุ่นน่าสบาย ปวรุตม์เปิดหน้าต่างบานที่ติดกับบ้านหลังสีขาว ใบหน้าคมเข้มยิ้มกริ่ม ถ้ายายนาราอยู่บ้านหลังนี้ก็ดีสิ
“สารวัตรครับ เรื่องอาหารการกินเดี๋ยวผมให้เมียผมเอาปิ่นโตมาส่งตอนเช้ากับตอนเย็นนะครับ”
นายตำรวจผู้น้อยเอ่ยบอก
“ได้ ผมขอผูกปิ่นโตเลยแล้วกัน ส่วนค่าอาหาร ดาบผิวให้ภรรยาคิดมาเลยนะครับ จะคิดเป็นแบบสัปดาห์หรือเป็นเดือนก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่คิดเงิน” ดาบผิวยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดีเอ็นดูคนที่อายุน้อยกว่า
“อย่าดีกว่าครับ กับข้าวที่เอามาให้ผมก็ต้องซื้อหามา ไม่ได้มาฟรีๆ คิดค่าปิ่นโตนะดีแล้ว ถ้าดาบผิวไม่คิดเงินผมไม่รับปิ่นโตนะครับ” สารวัตรปวรุตม์ยิ้มให้อีกฝ่าย ต้องขู่นิดๆ ดาบผิวจึงได้ตอบตกลง เขารู้ว่าชาวบ้านแถวนี้ค่อนข้างยากจน การที่จะรับของคนอื่นมาฟรีๆ ก็ไม่ใช่วิสัยของเขาเสียด้วย
“ถ้างั้นก็ได้ครับ”
ดาบผิวยิ้มรับจนตาหยี ถ้าได้ลองว่าไม่รับของฟรีๆ แบบนี้ สารวัตรคนใหม่ก็น่าจะเป็นตำรวจที่มือสะอาดไม่รับสินบนหรือเงินใต้โต๊ะ
ปวรุตม์จ้องมองเขม็งที่บ้านหลังสีขาวที่ปิดสนิทแล้วหันมาถามดาบผิว
“ดาบผิวอยู่ที่นี่มานานหรือยังครับ”
“อยู่มาตั้งแต่เด็ก สอบติดข้าราชการตำรวจก็ขอย้ายมาอยู่ที่บ้านเกิดเป็นอันดับแรก”
“ถ้างั้น…ดาบผิวก็รู้จักพื้นที่ทุกซอกทุกมุมของโคกสำราญสิครับ” สารวัตรหนุ่มหรี่ตาปรับสีหน้าให้เรียบเฉยไร้ความรู้สึก ถ้าหากเรื่องผิดกฎหมายที่คุณหญิงย่าพูดเป็นจริง เขาก็ไว้วางใจใครยังไม่ได้ เขายังไม่รู้ว่ามีคนในเครื่องแบบรู้เห็นเป็นใจกับการทำผิดกฎหมายของคนในหมู่บ้านหรือเปล่า
ดาบผิวรู้ว่าสารวัตรคนใหม่กำลังจะขอความช่วยเหลือจากตนก็ยืดอกพร้อมกับพุงพลุ้ยอย่างภูมิใจก่อนจะเอ่ยตอบ
“ผมรู้จักทุกซอกทุกมุมของโคกสำราญเลยละครับ สารวัตรจะให้ผมเป็นไกด์นำเที่ยวเลยมั้ยครับ”
สารวัตรปวรุตม์หัวเราะฮึๆ “ยังก่อนครับ เอาไว้วันหลังดีกว่า วันนี้ผมอยากจะไปตามหาคนก่อน ดาบผิวพอจะรู้สึกพัฒนาชุมชนที่ชื่อนีนนารามั้ยครับ”