วันแรกหลังจากเปิดเทอม มิคกี้จึงนอนตื่นสายและหลับสบายวันหยุดในสุดสัปดาห์ห้องแอร์ เขามารู้สึกตัวอีกที เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
“มึงพึ่งตื่นเหรอเสียงงัวเงียเลย”พอมิคกี้รู้ว่าเป็นเสียงกำนันบุญมี เขาเริ่มตาสว่างทันที
“ครับพ่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย”ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดูบิ๊กซีนีม่าที่ช่องเจ็ดในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เนื่องด้วยมิคกี้ติดการนอนที่ไร้อาภรณ์
“ดีมากต่อ พ่อดีใจมากเลยที่เห็นมึงตั้งใจเรียน อย่าทำให้พ่อผิดหวังนะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพ่อได้เลย”
“ตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีพ่อโอนเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ผมสักห้าหมื่นเพื่อจะใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์การเรียน”
“เงินที่เอาไปหมดแล้วเหรอ”กำนันบุญมีพูดเสียงดัง
“ยังไม่หมดหรอกพ่อ แต่เผื่อไว้เพราะอาจต้องซื้ออุปกรณ์การเรียน”
“เดี๋ยวันจันทร์พ่อจะให้อาเองเข้าไปโอนเงินในเมืองให้”
“ขอบคุณมากครับพ่อ”
“ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ แม่เอ็งจะคุยด้วย”
“ครับ”
“น้ำพริกแมงดาที่แม่ตำไปให้หมดหรือยัง”
“หมดแล้วครับ”มิคกี้ลืมไปเลยว่าน้ำพริกแมงดาที่จันทราแม่ของเขาตำไว้ให้นั้น เขายังไม่ได้กินแม้แต่น้อย เพราะมิคกี้ไม่ชอบกินเท่าไร ถึงจันทราจะตำไม่เผ็ดแล้วก็ตามที
“ต่อเอ็งอยากได้อะไรบอกแม่ได้นะ เดี๋ยวแม่ทำเอาไปให้”
“ไม่ต้องหรอกครับแม่ ที่นี่อาหารการกินมีเยอะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เดี๋ยวถ้าผมกลับไปบ้านจะกินกับข้าวฝีมือแม่ เพราะแม่ทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลก”
“ไม่ต้องพูดให้แม่ดีใจหรอก เอ่อ แล้วเกรทได้มาหาบ้างไหม”
“มาครับ เดี๋ยววันนี้เกรทก็จะมาหาผมครับ”
“คบเกรทไว้ดีแล้ว เด็กคนนี้นิสัยดีมาก วันหลังถ้าเกิดเอ็งมีปัญหาอะไร เกรทนี่แหละจะช่วยเอ็งได้”
“ครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะเกรทเป็นแฟนผมแล้ว”
“อะไรของเอ็งวะ มึงมีแฟนแล้วเหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้เกรท”
“เอ่อ เปล่าครับ เกรทยังไม่มีแฟนครับ เราสองคนจึงมีเวลาอยู่ด้วยกัน”มิคกี้เริ่มปรับตัวตามยุคได้ เพราะเขาเริ่มรู้แล้วว่าเรื่องแบบนี้ยังไม่ควรพูด
“อีกอย่างเอ็งอย่าพึ่งมีแฟนล่ะตั้งใจเรียนให้จบก่อน”
“ครับแม่”
“ดีมาก แค่นี้แหละเปลืองเงิน ค่าโทรแพงมากเลย แม่ต้องเก็บเงินไว้ให้เอ็งเรียนจนจบ”
“โอเค วันหลังผมจะโทรไปหานะครับ”
มิคกี้วางหูโทรศัพท์และกำลังจะไปนอนต่อ แต่มิคกี้ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาจึงรีบไปเปิดทันที
“ไอ้ต่อทำไมมึงไม่ใส่กางเกงมีอยู่นิดเดียวยังอยากโชว์อีก”เกรทพูดขึ้นทันที เมื่อเห็นมิคกี้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า
เพียงเกรทพูดจบมิคกี้รีบปิดประตูทันที และอุ้มร่างของเกรทไว้ในวงแขน แล้วรีบเดินไปที่เตียงนอนหลังจากนั้นโยนลงบนที่นอน
“ไอ้ต่อ ไอ้มิคกี้จะทำอะไร”เกรทพยายามพยุงร่างลุกขึ้น
มิคกี้เห็นเกรทกำลังจะลุกขึ้น เขาจึงรีบกระโจนลงไปที่เตียงนอนทันที และใช้มือคว้าร่างของเกรทไว้ หลังจากนั้นเขาพรหมจูบเกรททั่วใบหน้า
“ไอ้ต่อนายปล่อยเราเดี๋ยวนี้ นายจะทำอะไร เดี๋ยวฟ้าผ่าหอรก”
“คนรักกันมันจะผ่าไง”มิคกี้ไม่ยอมหยุดประกบปากของเกรททันที เกรทเม้มปากแน่นแต่มิคกี้ไม่ยอมใช้ลิ้นดันเข้าไป แต่ไม่เป็นผลสำเร็จสักเท่าไร มิคกี้จึงเลื่อนริมฝีปากมาที่ซอกคอของเกรท
“อย่านะต่อ มิคกี้”เกรทเสียงเริ่มแผ่ว เพราะความเสียวสะท้าน แรงที่ต่อต้านก็ลดลง จน
เกรทเริ่มปล่อยตัวปล่อยใจตามธรรมชาติ
แต่ทว่าความสุขความสนุกของทั้งสองก็สิ้นสุดลง เมื่อเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง มิคกี้พยายามไม่สนใจ แต่เกรทนั้นยังคาใจว่าใครเคาะประตูห้อง
“พอก่อน ไปเปิดประตูได้แล้ว”เกรทดันร่างของมิคกี้ให้ออกห่างจากตัวของเขา
“มารจริงๆ”มิคกี้หยุดสัมผัสเรือนร่างของเกรท
มิคกี้ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้อง แต่เขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเสียงของเกรทดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไอ้ต่อนายใส่กางเกงก่อนดีกว่าไหม”
“เหรอ ทีหลังเรียกมิคกี้รู้ไหม”พูดจบมิคกี้ก้มมองท่อนล่างตัวเองแล้วอมยิ้ม หลังจากนั้นเขาจึงรีบไปใส่กางเกงตัวเดียว แต่เป้ากางเกงก็ยังตุงอยู่
มิคกี้เริ่มรำคาญคนเคาะประตูที่เคาะไม่หยุดไม่เคาะเป็นระยๆ นี่เล่นเคาะรัวถี่ๆจนมิคกี้หงุดหงิดและอยากจะไปด่า เขาจึงรีบไปเปิดประตูทันที และนั่นก็คือพายัพที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง
“เปิดช้าจังวะ มัวทำอะไรอยู่”พายัพรีบเดินเข้าไปในห้องทันที
“อ้าว เกรท”พายัพตกใจ เพราะเกรทอยู่ในสภาพหัวยุ่ง เสื้อผ้ายับเยินและคอแดงนิดหน่อย
“นายมีอะไรหรือเปล่ามาหาเราถึงที่นี่”มิคกี้เดินมาข้างๆพายัพ
“อะไรของนายตุงเชียว ทำอะไรกัน”พายัพมองมิคกี้และเกรทสลับกันไปมา
“เปล่า เราก็เล่นกันปกติ อยู่ที่บ้านก็เล่นแบบนี้แหละ”มิคกี้อมยิ้ม
“เอ่อ ระวังเล่นไปเล่นมาแล้วได้กันล่ะ เราคิดแล้วขนลุก”พายัพนั่งลงบนเก้าอี้ แต่ยังไม่เลิกมองทั้งสองคน
“นายยังไม่ได้บอกเลย มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า”มิคกี้ถาม ส่วนเกรทไปที่กระจกจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง
“ใช่ ลืมไปเลย จะชวนไปดูหนังที่เมอรี่คิงส์”
“ห้างเมอรี่คิงส์ปิดกิจการไปแล้วนี่”
“ปิดอะไรของนายยังเปิดอยู่ นับวันนายยิ่งเพี้ยนหนักขึ้นแล้วรู้ไหมมิคกี้”
“เอ่อ อ๋อ”มิคกี้เกาหัวด้วยความลืมตัว
“ไม่ต้องมาทำหน้างง ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้ไปเที่ยวกัน ไปด้วยกันนะเกรท”
“ฮือ”เกรทพยักหน้า
หลังจากที่มิคกี้เข้าไปอาบน้ำ พายัพจึงชวนเกรทคุย เพราะเขาเห็นเกรทเงียบนิ่งไปชั่วขณะ และแอบสงสัยว่ามิคกี้กับเกรทต้องมีความรักลับๆ
“นายกับมิคกี้นี่สนิทกันจนเหมือนเป็นแฟนเลยนะ”
“ไม่ใช่หรอก บ้านอยู่ใกล้กันเรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล “
“เหรอ เราถึงว่าสนิทเกินเพื่อน”
“เกินเพื่อนอะไร เพื่อนกันนี่แหละ”
“ฮือ พูดเรื่องโสภิตาดีกว่า มีใครมาจีบบ้างไหม”
“จะเหลือเหรอ ดาวคณะสวยขนาดนั้น”
“ใคร”พายัพเสียงดังขึ้นทันที
“หนุ่มวิศวะ”
“ไม่ได้การแล้ว นายต้องขัดขวางนะรู้ไหม”
“จะไปขัดขวางได้ไงต้องแล้วแต่โสภิตาสิ”
“ได้สิ นายเป็นเพื่อนมิคกี้ ส่วนมิคกี้เป็นเพื่อนเรา นายก็เหมือนเพื่อนของเรานั่นแหละ และข้อสำคัญโสภิตาเป็นเพื่อนนาย เมื่อนายเป็นเพื่อนกับเราและโสภิตา เช่นนั้นนายเป็นเพื่อนในกลุ่มพวกเรา นายต้องอยู่ข้างเราและโสภิตา นายจะปล่อยให้ใครมาจีบโสภิตาไม่ได้รู้ไหม เพื่อนรัก”
“เหรอ”ต่องงกับคำพูดของพายัพ
“ใช่”
“ก็ได้”เกรทพยักหน้ารับโดยแบบงงๆ
“คุยอะไรกันอยู่”มิคกี้ออกมาจากห้องน้ำถามทันที
“ไม่มีอะไรมาก แค่บอกเกรทเพื่อนรัก ให้คอยกันท่าหนุ่มวิศวะ เพราะมันมาจีบโสภิตาของเรา”
“ใช่ เกรท นายต้องขัดขวางไว้นะ กรอกหูโสภิตาทุกชั่วโมง ว่าต้องรักพายัพเท่านั้น อย่าให้ใครเข้าใกล้โสภิตา ยกเว้นนายคนเดียว จำไว้นะเพื่อนรัก”
“เหรอ”เกรทงงหนักเข้าไปใหญ่
“ดีมากไอ้เพื่อนรัก นายช่างรู้ใจเราดีเหลือเกินมิคกี้”พายัพพูดขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เมื่อมิคกี้เผลอพายัพจึงดึงผ้าเช็ดตัวของมิคกี้หลุดออกติดมือมา ส่วนมิคกี้นั้นก็รีบดึงกลับมา และรีพพันกายท่อนล่างเหมือนเดิม
“หนอนน้อย”พายัพหัวเราะ
“นายก็เหมือนกันนั่นแหละ”มิคกี้อมยิ้ม เพราะในอนาคตเขาเป็นพ่อลูกกัน
พายัพหยุดเถียงและพูดต่อทันที แล้วเปลื่ยนเรื่องที่จะพูด เพราะสิ่งที่มิคกี้พูดนั้นคือความจริงที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้
“รีบๆใส่เสื้อผ้า เดี๋ยวไม่ทันได้ดูหนังหรอก”พายัพมองไปทางมิคกี้ ที่ดูอย่างไงหน้าตาก็คล้ายกันเหลือเกิน
“เรื่องอะไร”มิคกี้ถาม
“สติแตกสุดขั้วโลก”
“เอ่อ อยากดูเหมือนกัน”
มิคกี้กว่าจะแต่งตัวเสร็จก็ร่วมครึ่งชั่วโมง เพราะเขาต้องทาครีมกันแดด ทั้งผิวหน้าและลำตัว ที่เสียเวลาไปมากก็ตรงทรงผมของเขา เพราะทรงผมปกติแสกกลาง มิคกี้ดูแล้วไม่เข้ากับใบหน้าของเขา มิคกี้จึงควักเจลในกระปุกขยี้ผมที่ศีรษะให้ยุ่งๆ หลังจากนั้นใช้หวีผมให้เปิดหน้าผากราบไปข้างหลัง แล้วดึงขึ้นนิดหน่อยไม่ให้ราบเรียบจนเกินไป
“ไป”มิคกี้หันมามองทั้งสองคน
“จะไปดูหนังหรือไปประกวดโดม่อนแมน”พายัพรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ
“เดี๋ยวนี้มันต้องมิสเตอร์โกลบอล”
“โกลบอลอะไร ไร้สาระไปได้แล้ว”พายัพพูดเสียงห้วนๆ เพราะมิคกี้ชอบแอคเก็กหล่อ พายัพเลยเริ่มรำคาญ
มิคกี้ เกรท และพายัพ กำลังจะเดินไปที่รถคันหรูของพายัพ พลันเห็นสุชาดาและหน่อยเดินคู่กันมา พายัพจึงตะโกนเรียกอย่างดัง
“สุ”
พายัพเดินนำหน้ามิคกี้และเกรทไปหาทั้งสองทันที เมื่อสุชาดาและหน่อยได้ยินเสียงของพายัพ ทั้งสองจึงหยุดเดินหันหลังมามอง
“ไปไหนกันครับ”พายัพทำเสียงหล่อทันที เพราะวันนี้สุชาดาสวยมาก ใส่เสื้อสายเดี่ยวเอวลอย กระโปรงยีนส์สั้น
“จะไปดูหนังค่ะ”สุชาดายิ้มจนเห็นฟันเรียงสวยเป็นระเบียบ
“ผมก็กำลังจะไปดูหนังเหมือนกัน ไปด้วยกันไหมดูหลายคนสนุกดี และเรามีเจ้ามือนี่ไงมิคกี้”พายัพหันหน้ามามองมิคกี้
“ใช่ ผมเลี้ยงเอง ดูหนังเสร็จกินข้าวต่อ”มิคกี้พูดกับสุชาดา แต่สายตามองไปที่หน่อย ที่วันนี้แต่งตัวได้น่ารักมาก
“ดีจังมีเจ้ามือด้วย”สุชาดาพูดขึ้น
“จะดีเหรอ”หน่อยสะกิดแขนของสุชาดา
“ดีครับ”มิคกี้ยิ้มให้หน่อย
“มัวแต่พูดกันนั่นแหละ เดี๋ยวไม่ทันได้ดูหนังกันพอดี”พายัพรีบพูดในทันที
หลังจากตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พายัพจึงพาทั้งหมดไปที่รถของเขา โดยที่เขาเป็นคนขับส่วนสุชาดานั่งข้างๆพายัพ ส่วนมิคกี้นั่งท้ายตรงกลาง ฝั่งขวาเป็นเกรท ฝั่งซ้ายเป็นหน่อย ซึ่งในความรู้สึกตอนนี้ของมิคกี้ หัวใจของเขาได้หวั่นไหวทั้งสองห้องฝากฝั่งหัวใจ อีกคนหนึ่งก็เพื่อนสนิท ที่เขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟน จากหยอกล้อแกล้งเล่นกลายเป็นชอบเล็กๆ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นความรู้สึกดีๆที่มีให้ เพราะมีความคล้ายคลึงคนเคยรัก ที่หน้าตาน่ารักใสๆ แต่เขาก็หวั่นไหวได้ไม่นาน เพราะเริ่มเห็นความเจ้าชู้กรุ่มกริ่มกะล่อนของพายัพ ซึ่งมิคกี้เริ่มกังวลใจและไม่พอใจ กลัวพายัพเผลอไผลชอบสุชาดา และถ้าเป็นเช่นนั้นอาจส่งผลให้ความสัมพันธ์พายัพกับโสภิตามีปัญหา