หลังจากทั้งสี่นั่งรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารอโดยเฉพาะ พายัพที่คุยไม่หยุดหย่อน สารพัดหยอดคำหวานใส่สุชาดา จนมิคกี้เริ่มไม่สบายใจและหนักใจทำให้นิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เกรทและหน่อยอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเกรทเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในห้องมิคกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย
“เป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทถามในระหว่างที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อที่จะไปโรงหนัง
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เอ๊ะ ทำไมนายไม่เห็นขัดขวางพายัพกับสุชาดาเลย เมื่อตอนอยู่ในห้องนายไม่เข้าใจเหรอ พายัพกับโสภิตาต้องเป็นแฟนกัน นายก็เป็นเพื่อนโสภิตานี่”มิคกี้พูด
“ทำไมต้องขัดขวาง เราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโสภิตา ถ้าพายัพทำตัวอย่างนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นแฟนโสภิตา นายนั่นแหละเป็นอะไร โสภิตาเป็นเพื่อนเรานะ เราก็ต้องคอยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนโสภิตาซิ ซึ่งพายัพไม่เหมาะแม้แต่สักนิด เพราะเจ้าชู้เกินไปนี่ต่อหน้าต่อตาเราเชียวนะ”
“นายไม่เข้าใจเราเลย โสภิตาต้องได้กับพายัพ ถ้าไม่ได้กับพายัพก็จะไม่มีเราไง”
“อะไรของนายเราไม่เข้าใจ พูดซะอย่างนายเป็นลูกพายัพกับโสภิตา”
“ก็ใช่น่ะสิ”มิคกี้มีสีหน้าที่ซีเรียส
“อะไรนะ”เกรทกับหน่อยพูดพร้อมกัน
“เอ่อ ไม่มีอะไรพูดติดพันไปหน่อย”มิคกี้ฝืนยิ้ม
ช่วงเวลานี้มิคกี้ก็เงียบไป เพราะเขากำลังใช้ความคิดอยู่ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร แต่เขาก็ยังคิดไม่ออก และสิ่งที่มิคกี้หนักใจเข้าไปอีก นั่นก็คือความรู้สึกกับสองหนุ่มที่เดินขนาบข้าง
“หน่อยเป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทชะโงกหน้ามามองหน่อย
“เราไม่รู้จะพูดอะไร และ อีกอย่างเราพึ่งรู้จักกับนายไม่กี่วันเอง”
“พวกเราไม่มีอะไรหรอก มีอะไรคุยได้เลยพวกเราเป็นกันเอง”
“ฮือ”
“อย่า ฮือสิ มีเรื่องตลกก็พูดมาเลย”มิคกี้มองหน้าหน่อยด้วยสายตาเอ็นดู
“เราไม่มีเรื่องตลกหรอก ชีวิตเราเรียบๆแบบนี้แหละ”
“หน่อยไม่เรียบนะ หน้าตาก็น่ารัก ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใสเข้าไว้”มิคกี้พูด
“มันยากนะที่จะเปลื่ยนนิสัยตัวเอง เราว่าการเป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุด”หน่อยพูดขึ้น
“นั่นก็ใช่ แต่ชีวิตเราต้องหาความสุขใส่ตัวด้วยรู้ไหม”มิคกี้ย้ำอีก
“อย่างไงล่ะ”
“อย่างแรกก็ลองเปิดใจคบใครสักคนก็ได้”มิคกี้จ้องมองหน่อยไม่กระพริบตา
“ไม่มีใครมาชอบเราหรอกเชยออกอย่างนี้”
“ไม่แน่นะอาจจะมีก็ได้ แต่หน่อยยังไม่รู้มากกว่า”
ในช่วงเวลาที่มิคกี้คุยกับหน่อย เกรทได้ฟังตลอดและเขาก็มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนเจ็บจี๊ดที่หัวใจ จนเขาต้องพูดอะไรออกมาบ้าง
“ใครเหรอ”เกรทถามห้วนๆ
“อ๋อ ไม่รู้สิ เราก็พูดไปอย่างนั้นแหละ”
“เราก็นึกว่าเป็นมิคกี้ซะอีก”เกรทพูดประชด
“อ๋อ เอ่อ อ่า”มิคกี้ไม่รู้จะพูดอะไร
เหมือนโชคช่วยมิคกี้ เพราะทั้งห้าคนเดินมาถึงที่โรงหนังพอดี ซึ่งในจังหวะนั้นที่พายัพเดินนำหน้ากับสุชาดาได้หันมาหาทั้งสามคน
“ถึงแล้ว ใครกันนะที่บอกว่าจะเลี้ยง”พายัพมองไปทางมิคกี้
“ไม่ลืมหรอก”มิคกี้รีบเดินไปซื้อตั๋วหนังทันทีห้าใบ
หลังจากมิคกี้ซื้อตั๋วหนังเสร็จเรียบร้อยก็มาแจกทุกคน และรีบเดินเข้าไปภายในโรงหนังทันที และไม่ได้ซื้ออะไรติดมือเข้าไปด้วย เพราะตั๋วที่มิคกี้ได้มานั้นเป็นตั๋วเสริม
เมื่อเข้าไปในโรงหนังซึ่งเก้าอี้ที่โยกได้นั่งสบายเต็ม เหลือเพียงเก้าอี้เสริมเคลื่อนที่สีดำพับได้ ซึ่งตั้งเรียงรายต่อจากเก้าอี้ดูนั่ง ซึ่งอยู่ตรงทางเดินขั้นบันได้ พายัพกับสุชดานั่งหน้าต่อจากอีกคน ส่วนแถวถัดเกรทนั่งในสุดมิคกี้นั่งตรงกลางหน่อยนั่งริมสุด
“คนเยอะหนังน่าจะสนุกนะ”เกรทพูดขึ้น
“ดูในข่าวทำรายได้หลายล้านแล้วนะ”มิคกี้เอ่ยขึ้น
“ถึงว่าคนเยอะมาก”เกรทมองดูผู้คนโดยรอบ
“หน่อยนั่งเงียบเลย”มิคกี้หันไปมอง
หน่อยไม่พูดอะไรต่อได้แต่ยิ้ม เพราะเขาไม่สามารถที่จะคิดคำพูดอะไรออกมาได้ในขณะนี้ เพราะเมื่อหน่อยอยู่ใกล้มิคกี้แล้วใจเขาสั่นหวั่นไหว
“หนังจะฉายแล้วอย่าพูดเยอะ”เกรทแอบชำเลืองมองมิคกี้
“หนังฉายแล้ว”มิคกี้หันไปยิ้มให้หน่อย
“ฮือ”หน่อยพยักหน้า
มิคกี้หันซ้ายทีขวาทีและยิ้มให้ทั้งสองคน หน่อยนั้นยิ้มสนองตอบอย่างยินดี แต่เกรทมีท่าทีเปลื่ยนไป จนมิคกี้สังเกตได้แต่เขาก็เก็บไว้ในใจ เพราะในช่วงเวลานี้เขาไม่สามรถที่จะทำอะไรได้ นอกจากนั่งดูหนังเฉยๆอย่างเงียบๆ และแอบมองพายัพกับสุชาดาที่กระหนุงกระหนิงจนน่าหมั่นไส้
“หึ หึ หึ”หน่อยหัวเราะเสียงค่อยๆ
“ฮะ ฮะ ฮะ”เกรทหัวเราเสียงดัน
“ตลกเหรอครับ”มิคกี้หันมามองหน่อย
“ฮือ”หน่อยพยักหน้าเล็กน้อย
“ตลกดีหนอ”เกรทหันมามองมิคกี้ แต่มิคกี้หันไปมองหน่อยอยู่ จึงไม่ได้คุยกัน เมื่อเกรทเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกน้อยใจ เกรทจึงแกล้งเขี่ยขาเก้าอี้
“มีอะไรหรือ”มิคกี้ถาม
“เปล่า”พูดจบเกรทหันหน้าไปมองทางอื่น
มิคกี้รู้สึกได้ว่าเกรทอาจหึงเขาได้ เพราะมิคกี้ยังเข้าใจว่าตัวเขาเองกับเกรทยังเป็นแฟนกันอยู่ มิคกี้จึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรหนัก เขาจึงเอื่อมมือไปกำมือของเกรท ตอนแรกเกรทอยากดึงมือออก แต่ความรู้สึกของเขาตอนนี้ได้เปลื่ยนไปพอสมควร เกรทจึงปล่อยให้มิคกี้ได้จับไว้อยู่อย่างนั้น
ในส่วนของหน่อยเห็นมิคกี้จับมือกับเกรท เขาก็เริ่มแปลกใจและพลันคิดไปว่า ความสำพันธ์สองคนนี้ดูแปลกๆ ซึ่งเขาก็เริ่มไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ที่ทั้งสองเป็นแฟนกัน หน่อยจึงพยายามทำตัวและความรู้สึกให้ห่างมิคกี้ ถึงแม้มิคกี้จะหันมามองและยิ้มให้เป็นบางครั้ง แต่หน่อยก็แสร้งไม่สนใจมิคกี้ จนมิคกี้เหนื่อยใจหยุดสนใจหน่อยชั่วขณะ
ร่วมสองชั่วโมงหนังก็จบ ทั้งห้าคนก็ออกมาจากโรงหนัง โดยมีพายัพกับสุชาดาเดินนำหน้าคุยกันอย่างถูกคอ ส่วนสามคนอยู่ด้านหลัง ช่วงแรกก็เดินคู่กันมาสามคน แต่หน่อยเริ่มเดินช้าลงเพื่อให้เกรทกับมิคกี้เดินคู่กัน มิคกี้ก็พยายามเดินช้าๆให้หน่อยเดินมาใกล้ๆ
“เร็วๆหน่อยเดินข้าจัง ดูโน้นสุชาดกับพายัพเดินไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
“ฮือ เดินเร็วๆหน่อย”มิคกี้ยังไม่วายหันไปมองหน่อย และเรียกให้หน่อยเดินเร็วขึ้น
เกรทเริ่มไม่พอใจอีกครั้งรีบเดินน้ำหน้ามิคกี้ไป จนเกือบจะถึงพายัพกับสุชาดาที่เดินเคยงคู่กัน
“จะรีบเดินไปไหน”มิคกี้ก้าวเท้ายาวๆเดินมาให้ทันเกรท
หน่อยนั้นยังเดินช้าๆเหมือนเดิมๆ เพราะเขาไม่อยากที่จะเข้าไปยุ่งย่ามกับสองหนุ่ม เพราะตอนนี้หน่อยเรี่มเชื่อมั่นแล้วว่าทั้งสองน่าจะเป็นแฟนกัน ถึงแม้หน่อยจะแอบพอใจมิคกี้อยู่บ้าง แต่เขาก็จำเป็นต้องถอยห่างให้ไกล เพราะไม่อยากที่จะทำให้ทั้งสองนั้นผิดใจกัน และข้อสำคัญหน่อยคิดว่าเขามาทีหลัง ก็ควรที่จะถอยให้ห่างจะได้ไม่เจ็บซ้ำคนเดียว
พายัพกับสุชาดาชะลอเดินให้ช้าลง และหันหน้ามามองมิคกี้เพราะว่าเขาจะทวงสัญญา ที่วันนี้จะเป็นคนเลี้ยง
“หิวข้าวแล้วทำไงดี”พายัพหันมามองมิคกี้
“ก็ทานข้าวซิ ร้านไหนก็ได้”มิคกี้ยิ้ม และไม่ได้รู้สึกอะไรกับการจ่ายเงินในครั้งนี้ เพราะเขายังติดนิสัยในอนาคตอยู่
“ใครเลี้ยง”
“ไม่ต้องย้ำ บอกว่าจะเลี้ยงก็เลี้ยง คนอย่างมิคกี้พูดคำไหนคำนั้น”
“นายมีเงินเหรอ อาหารในห้างมันแพงนะ เราไปหาอาหารกินข้างทางไหม”เกรทพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงมิคกี้ และกลัวว่ามิคกี้จะไม่มีเงินใช้ถึงสิ้นเดือน
“เราเห็นด้วยนะ”หน่อยพูดขึ้น
“แม่พระ ในเมื่อเจ้าของเงินเขาจะเลี้ยงอยู่แล้ว เธอจะไปซีเรียสทำไม”สุชาดมองค้อนหน่อย
“เราอย่างไงก็ได้ ตามใจพวกเธอทุกคน”หน่อยก้มหน้าพูด
“นานๆกินทีไม่ได้กินทุกวันไม่เป็นไร ไปหาอะไรอร่อยกินกัน”มิคกี้เดินไปร้านตรงข้ามที่ที่พวกเขายืนอยู่
พายัพกับสุชาดาและมิคกี้สั่งอาหารมาคนละหลายอย่าง ส่วนเกรทสั่งสองอย่างและหน่อยสั่งอย่างเดียง เมื่ออาหารมาถึงพ้วงเพื่อนก็เริ่มกินกันในทันที เมื่อเพียงหน่อยที่กินนิดหน่อยและค่อยๆกิน มิคกี้สังเกตเห็นเขาจึงตักกับข้าวที่เขาสั่งมาใส่ในจานให้หน่อย
“กินซะจะได้อ้วนๆ”
พายัพและเกรทมองหน้ามิคกี้ด้วยความแปลกใจ และอดสงสัยในพฤติกรรมของมิคกี้ไม่ได้ แม้แต่หน่อยก็ยังไม่เข้าใจว่ามิคกี้ทำเช่นนี้ทำไม มีเพียงสุชาดาที่อมยิ้มและแอบดีใจ ที่มิคกี้นั้นสนใจหน่อยเพื่อนของเธอ
“เป็นอะไรกัน”มิคกี้ส่งเสียงขึ้น เมื่อเห็นสายตาทุกคู่จ้องมองเขา
“เปล่า”พายัพพูดจบก็ตักกับข้าวใสจานสุชาดา
เกรทหลังจากแปลกใจ ก็รู้สึกแปลกๆในความคิดของเขา เกรทมีความรู้สึกแอบหวงและหึงมิคกี้ และไม่อยากให้มิคกี้ไปสนใจในตัวของหน่อย แต่เขาก็พยายามเก็บอาการแต่ก็เก็บไม่มิด เพราะออกทางสีหน้าชัดเจนจนมิคกี้แอบเห็น
“กับข้าวช้อนนี้เรามอบให้นาย”มิคกิ้ยิ้มให้เกรท
“ไม่ต้องเรามีมือตักกินเองได้ ไปตักให้คนที่ตักกินเองไม่เป็นดีกว่า”เกรทแอบชำเลืองไปที่หน่อย
เมื่อหน่อยได้ยินเช่นนั้นเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ และไม่อยากจะกินข้าวต่อ แต่ก็ต้องจำใจกินให้หมดตามมารยาท
“มิคกี้ คนอยากกินกับข้าวที่มิคกี้ตักมีอยู่นะ”สุชาดามองมิคกี้แวบหนึ่งและชำเลืองมาที่หน่อย และหันมายิ้มให้มิคกี้
“ฮือ ก็ตักให้หน่อยนั่นแหละ”พายัพอยากเอาใจสุชาดาจึงพูดเช่นนี้
ในช่วงเวลานี้พายัพเริ่มให้ความสนใจสุชาดามากกว่าโสภิตา เพราะโสภิตาค่อนข้างจืดชืด เรียบร้อยเกินไปเจ้าระเบียบ ส่วนสุชาดาง่ายๆไม่เรื่องมาก และพายัพรู้สึกได้ว่าสุชาดานั้นเข้าใจตัวเขามากกว่าโสภิตาอย่างมาก
มิคกี้เริ่มเห็นความสัมพันธ์ที่คืนหน้าของพายัพและสุชาดา เขาก็เรี่มกังวลกลัวว่าจะผิดตัวผิดฝาไปกันใหญ่ แต่มิคกี้ก็ไม่สามารถสนใจพายัพกับสุชาดาได้ไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้เขาต้องดูแลคนที่เขารู้สึกดีๆตั้งสองคน ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมมีความรู้สึกเช่นนี้
ในทีแรกกับเกรทเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่เข้าใจผิดว่าเกรทเป็นแฟนเขาก็เลยตามเลย จนเริ่มรู้สึกชอบพอเกรท ส่วนหน่อยนั้นเขาชอบเพราะมีความคล้ายอดีตคนเคยรัก และเขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมมีความรู้สึกเช่นนี้ทีเดียวถึงสองคน