@ โรงเรียนมัธยมเฟอร์เรฮิวล์
กว่าจะหาห้องปกครองได้ ฉันก็เสียเหงื่อไปหาบหนึ่งแล้ว ในที่สุดฉันก็ได้เดินตามอาจารย์มาถึงห้องเรียนสักที
"วันนี้มีนักเรียนย้ายมาใหม่วันแรก แนะนำตัวได้เลยจ้ะ" อาจารย์หันมาบอกฉันที่ยืนรออยู่ข้างๆ
"สวัสดีค่ะ ชื่อซีเซียนะคะฝากตัวด้วยค่ะ" ฉันโปรยยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร ทว่าเมื่อกวาดสายตาไปทั่วทั้งห้องแล้วก็ต้องชะงักกับร่างสูงที่นั่งอยู่ด้านหลังห้อง
และเหมือนว่าเขาจะรู้ตัวว่าฉันกำลังจับจ้องไปที่เขาอยู่ถึงได้กระตุกยิ้มขึ้นมา
หายนะ!! หายนะตัวเท่าช้างเลย
"ไปนั่งตรงโต๊ะที่ว่างข้างหลังได้เลยนะ" เสียงของอาจารย์เรียกสติให้ฉันละสายตาจากใครคนนั้น
"ค่ะ" ฉันตอบรับแล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะที่ว่าง ซึ่งมันจะไม่น่าตื่นเต้นเลยสักนิดถ้าไม่ใช่โต๊ะที่อยู่ด้านหน้าของไอ้คนที่ฉันเจอเมื่อเช้าบนรถเมล์
คิดว่าเป็นพวกนักศึกษาอะไรทำนองนั้นซะอีก ไหงตอนนี้ถึงได้สวมชุดนักเรียนตามีะเบียบถึงแม้จะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ก็เถอะ
"ไง เจอกันอีกแล้วสินะ" ทันทีที่ฉันหย่อนตัวลงนั่ง คนด้านหลังก็เอ่ยทักขึ้นทันที
"....."
"หยิ่งว่ะ ไม่ปากดีเหมือนตอนอยู่บนรถเมล์แล้วเหรอ?" พอฉันไม่ตอบเขาก็กระชากน้ำเสียงถามด้วยความไม่พอใจ
"เราไม่รู้จักกัน เพราะงั้นฉันไม่จำเป็นต้องคุยกับนาย" ฉันตอบกลับโดยไม่คิดจะหันหน้าไปมองคนด้านหลังให้เสียอารมณ์
"นี่ๆ หวัดดีฉันชื่อมะปรางนะ" คนโต๊ะข้างๆ สะกิดแขนฉันแล้วเอ่ยแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
"ฉันซีเซียนะ ยินดีที่ได้รู้จักคิดว่าหาเพื่อนยากแล้วซะอีก"
"เพื่อนน่ะหาง่าย แต่คนที่ควรระวังเอาไว้มากที่สุดก็คือคนข้างหลังเธอ" มะปรางโน้มตัวมาใกล้แล้วกระซิบบอกให้ได้ยินกันแค่สองคน
พอได้ยินแบบนั้นฉันก็อดไม่ได้ที่จะเอี้ยวตัวหันกลับไปมองคนตัวโตข้างหลัง
"อะไร? นินทากันเหรอวะ?" พอเขาเห็นว่าฉันจ้องมองไปที่เขาก็โวยวายขึ้นมาเสียงดังลั่น ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียนต้องหันกลับมามองด้วยอีกคน
"อย่าไปมองสิ คนนั้นน่ะตัวอันตรายเลยนะชื่อพัตเตอร์ ใครๆ ก็ไม่อยากยุ่งด้วย" มะปรางพูดขยายความให้ฉันได้เข้าใจ
ไม่ว่าจะโรงเรียนไหนก็จะมีคนที่ตั้งตนเป็นเหมือนหัวโจกของโรงเรียน ที่ไหนก็เหมือนกันหมด อยู่ที่ว่าใครจะสร้างความเดือดร้อนให้ได้มากกว่ากัน
กว่าจะเลิกเรียนฉันต้องนั่งเรียนด้วยความหวาดระแวง และนี่คือสิ่งที่ฉันแฮปปี้ที่สุดเพราะได้กลับบ้านไปนอนตีพุงแล้ว
"ไอ้พุมึงรีบเปิดประตูดิ๊!" เสียงดังจากรั้วของบ้านข้างๆ ทำให้ฉันที่นั่งเล่นอยู่ที่ชิงช้าหน้าบ้านต้องชะโงกขึ้นดูผ่านรั้วบ้าน
ร่างสูงในชุดเสื้อช็อปสีกรม ตวัดขาลงจากรถบิ๊กไบค์คันโตมายืนเต็มความสูง หมวกกันน็อกเต็มใบถูกถอดออกจากศีรษะเผยให้เห็นใบหน้าหล่อขาวใสอย่างกับเทพบุตร
หล่อวัวตายควายล้มเลยพ่อคุณเอ้ย!
พี่น้ำพุวางหมวกกันน็อกลงบนรถของเขาจากนั้นเดินไปไขกุญแจรั้วบ้านของตัวเอง และที่ฉันเพิ่งสังเกตุเห็นก็คือผู้ชายในชุดแบบเดียวกันกับพี่น้ำพุ กำลังยืนค้ำกำแพงบ้านมองพี่น้ำพุไขกุญแจอย่างรีบร้อน
"วันหลังมึงแวะปั๊มเหอะไอ้เวร" พี่น้ำพุบ่นอุบ ส่วนเพื่อนของเขากลับวิ่งแจ้นเข้าบ้านตั้งแต่เขายังไม่ทันพูดจบเสียด้วยซ้ำ
"พี่พุ!" ฉันตะโกนพร้อมโบกไม้โบกมือกระโดดเรียกให้อีกคนได้เห็น
พี่น้ำพุหันมาตามเสียงเรียกด้วยสีหน้างุนงง แต่พอเห็นว่าเป็นฉันเขาก็ยกยิ้มขึ้นทันที
" เลิกเรียนแล้วเหรอ? "
"ใช่ค่ะ อ้อ! เกือบลืมนี่ค่ะ" ฉันยื่นถุงผลไม้รวมผ่านรั้วบ้านให้คนตัวโต ดีนะที่ฉันซื้อมาตอนขากลับจากโรงเรียนมันก็เลยยังสดใหม่อยู่
"ให้พี่?" เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางเลิกคิ้วถาม มองฉันสลับกับถุงผลไม้
"ก็ใช่สิคะ ตอบแทนที่พี่ให้เซียติดรถไปลงที่ป้ายรถเมล์"
"เล็กน้อยเอง ไม่เป็นไรหรอก"
"ก็เซียอยากให้นี่ หรือว่าพี่ไม่ชอบ" ว่าจบก็ตีหน้าเศร้าไปหนึ่งกรุบ นี่เขาคงไม่คิดว่าฉันซื้อของตามทางถนนมาให้แล้วรังเกียจใช่ไหม
แน่ล่ะ ก็ฉันมันเป็นแค่เด็กมอ.ปลาย จะให้เอาเงินที่ไหนไปเปย์เขากันล่ะ
"ไม่ใช่ไม่ชอบหรอกเอาเป็นว่าพี่จะรับไว้แค่นี้แล้วกันนะ" พี่น้ำพุเดินมาใกล้ฉันแล้วหยิบไปแค่ถุงแตงโมถุงเดียว ส่วนผลไม้ที่เหลือเขาไม่รับเอาไว้
"ทำไมไม่เอาไปให้หมดเลยคะ เซียอุตส่าห์ซื้อมาให้"
"แค่นี้พอแล้ว ขอบคุณครับ" ฝ่ามือหนายื่นผ่านรั้วมาวางลงบนศีรษะเล็กด้วยท่าทางเอ็นดู
ยิ่งเขาทำแบบนี้ฉันก็ยิ่งหลงชอบขาไปกันใหญ่ ผู้ชายอะไรจะอบอุ่นได้ขนาดนี้
"ชิมดูสิคะ" ฉันพยักเพยิดหน้าให้เขาได้ชิมแตงโมที่ถือเอาไว้ อย่างน้อยๆ ก็ขอให้ได้เห็นเขากินมันสักนิดก็ยังดี
"อืม.. ก็หวานดีนะ"
"ถ้าพี่ชอบหวานกว่านี้ก็ต้องเซียแล้วล่ะ"
***อ่านจบแล้ว คอมเมนต์ใฟ้กำลังใจไรท์ด้วยนะคะ